23-25 พค.2565 เครือข่ายงดเหล้าได้จัด workshop ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาคมงดเหล้าจังหวัด ทิศทาง10ปี (2565- 2574) โดยมี 15 จังหวัดรุ่นที่ 1 เข้าร่วม ได้แก่ ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก สุโขทัย มหาสารคาม อำนาจเจริญ สิงห์บุรี จันทบุรี นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช ตรัง และปัตตานี สถานที่โรงแรมภูสักธาร นครนายก
การจัด work shop ครั้งนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์โลกที่กำลังพลิกผันมีการเปลี่ยนแปลงในบริบทสังคม วัฒนธรรม การเมือง เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สงคราม ระบบการเงินโลก ความเหลื่อมล้ำ และความแตกต่างระหว่าง generation กระทบมาสู่ปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่มีความซับซ้อนซ้อนทับกัน เช่น การแพร่ระบาดโควิดที่สงผลกระทบไปทุกมิติในเวลานี้ หรือ การเรียกร้องนโยบายกระท่อม กัญชา สุราเสรี ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นทั้งภัยคุกคามและเป็นโอกาสที่จะปรับตัว โดยตลอด 3 วันนี้ ประชาคมงดเหล้าจังหวัด จะได้ทบทวน mind set และบทบาทหน้าที่ในฐานะการขับเคลื่อนของภาคประชาสังคมหนึ่ง ที่เป็นกลไกฟันเฟืองปะทะสังสรรค์กับกลไกภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งในภาคประชาชนที่มีความเห็นและจุดเน้นที่แตกต่าง รวมทั้งจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และกำหนดทิศทางอนาคตร่วมกัน
“ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ประชาคมงดเหล้าจังหวัด ได้ริเริ่มบุกเบิก สร้างความร่วมมือ สนับสนุนนโยบายด้านควบคุมแอลกอฮอล์ จนสามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เช่น งานประเพณีเทศกาล การท่องเที่ยว ชุมชนคนสู้เหล้า พื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์เด็กเยาวชน รวมทั้งการประสานเชื่อมโยงเครือข่ายภาคีความร่วมมืออย่างกว้างขวาง หลายจังหวัดมีนโยบายสาธารณะในการควบคุมแอลกอฮอล์ระดับพื้นที่ ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้ เป็นต้นทุนที่จะมองไปยังอนาคตข้างหน้าในสถานการณ์บริบทที่แตกต่างไป รวมทั้ง เกิดแกนนำคนรุ่นใหม่ที่มาเป็นทีมงานในจังหวัดที่กำลังเติบโตและเข้ามาร่วมรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่มากขึ้น”
ซึ่งจากต้นทุนดังกล่าว ได้มีการวางทิศทางในอนาคตว่า 10 ปีจากนี้ ในภาพความสำเร็จ คือ ความสำเร็จของพื้นที่แบบบูรณาการ ได้แก่ ต้นน้ำ คือ สร้างภูมิคุ้มกันเด็กเยาวชน กลางน้ำ คือ การปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อสุขภาวะที่ดี และปลายน้ำ คือ กระบวนการชวนช่วยเชียร์ และการพัฒนาไปสู่การพึ่งตนเอง ซึ่งคำว่าพื้นที่ หมายถึง กลุ่ม หมู่บ้าน ตำบล ฯลฯ โดยมีพื้นที่อำเภอเป็นพื้นที่วัดผลการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านสุขภาวะการลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพสังคมในบริบทที่พลิกผันที่ครอบคลุมทั้งจังหวัด
นอกจากนั้น ยังได้มีข้อสรุปในด้านความเข้มแข็งของประชาคมงดเหล้าจังหวัด ในบทบาทที่ “ไม่มีเราไม่ได้” อย่างน้อย 6 ด้าน ได้แก่
- ประสาน ผลักดัน ขับเคลื่อนนโยบาย มาตรการในระดับต่างๆ
- หนุนเสริม เติมเต็ม ขยายวง ขยายเครือข่าย
- พัฒนาต้นแบบ ตัวอย่าง บทเรียน
- กระตุ้น ขับเคลื่อน ให้เกิดการปฏิบัติตามกฎหมาย และ การบังคับใช้กฎหมาย
- ทำข้อมูล ใช้ข้อมูล และสื่อสารเพื่อการขับเคลื่อนสังคม
- ส่งเสริมพื้นที่สร้างสรรค์ สร้างภูมิคุ้มกัน ให้โอกาสเด็กเยาวชน
ที่ประชุมได้แสดงถึงพลังของประชาคมงดเหล้าจังหวัด คือ พลังของความร่วมมือ ประสาน เชื่อมโยง และกระตุ้น หนุนเสริม ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดในสังคมไทย เป็นช่องว่างของการแก้ปัญหาที่ยากๆ ซึ่งประชาคมงดเหล้าจังหวัดได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว โดยในการจัดครั้งนี้มีการเล่นเกมส์เป็ดเจ้าปัญหา สะท้อนว่า บทบาทของประชาคมงดเหล้าจังหวัด คือ การมองเห็นช่องว่างก่อนที่จะเกิดปัญหา แล้วสามารถไปอุดช่องว่างนั้นได้ทันท่วงทีหรือไม่ หรือ การเล่นกิจกรรมบทบาทสมมุติความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ซึ่งประชาคมงดเหล้าจังหวัด เป็นผู้ที่สร้างพื้นที่อำนาจร่วม สลายอำนาจเหนือ เอ็มพาวเวอร์คนเล็กคนน้อย ทำให้เกิดความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกัน เป็นคุณสมบัติหรือดีเอ็นเอของคนในภาคประชาสังคม และเกมส์โยนลูกบอล สะท้อนว่า ไม่ว่าจะมีอะไรเข้ามากระทบ การตั้งหลัก การมีต้นทุน การรู้เท่าทัน เราพร้อมจะรับมือกับทุกสถานการณ์ได้
ส่วนในด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามจังหวัด ได้แบ่งกลุ่ม 5 กลุ่มๆ ละ 3 จังหวัด แชร์ประสบการณ์และทิศทางไปข้างหน้า เช่น จังหวัดอำนาจเจริญ ได้เรียนรู้จากจังหวัดตาก เรื่องบทบาทประชาคมที่สวมหมวกการเป็นหอการค้าจังหวัดมาร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพ จังหวัดระนอง ได้เรียนรู้จังหวัดกำแพงเพชรเรื่องการให้โอกาสน้องนักศึกษามาฝึกงานในสำนักงานและต่อยอดพัฒนาน้องได้มาร่วมงานได้ จังหวัดจันทบุรี ได้เรียนรู้รูปแบบการประสานสร้างเครือข่ายครอบคลุมจากปัตตานีและมหาสารคาม หรือการได้แลกเปลี่ยนวิธีการสร้างคนแถวสองทั้งเยาวชนแถวสอง แกนนำชุมชนแถวสอง เป็นต้น
เจตนารมณ์ในรุ่นที่ 1 นี้ นอกจากทุกจังหวัดจะได้ทิศทางของเครือข่ายงดหล้าแล้ว ยังได้ตกลงใน 3 ปีจากนี้เราจะกลับมาแลกเปลี่ยนยกระดับการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ ในสถานการณ์ที่พลิกผันนี้ และในระหว่างทางนี้ จะเกิดการสนับสนุนหนุนเสริมให้พี่ๆ น้องๆ ประชาคมงดเหล้า ได้มีพลังให้บรรลุความตั้งใจให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเอื้ออำนวยได้ และเร็วๆ นี้ จะมีการจัดกระบวนการในรุ่นต่อไป