“กระบี่พบ อันตรายซ่อนเร้น เด็ก 17 ปี เมาแล้วขับ เด็กหลุดระบบการศึกษา 7,928 คน เครือข่ายเรียกร้องบูรณาการ ป้องกัน-ส่งเสริม-บังคับใช้กฎหมาย-บำบัด เพื่ออนาคตชาติ”

6 กันยายน 2568 ประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อมูลระดับจังหวัด :จังหวัดกระบี่ เพื่อขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด

โดย สุวรรกิตติ์ บุญแท้ ผู้ประสานงานโครงการ สานพลังประชาสังคมขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด กล่าวว่าได้เริ่มโครงการนี้ขึ้นจากความตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างกลไกการปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติดในระดับจังหวัด โดยเน้นการใช้กฎหมายและนโยบายเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อน
วัตถุประสงค์การจัดเวทีครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ:

  1. จัดทำข้อมูลการปฏิบัติตาม การบังคับใช้ผลกระทบ จากกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับจังหวัด
  2. สานพลังเครือข่ายภาคประชาสังคมในระดับจังหวัดเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด
  3. รวมทั้งเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชน
    ระดมความคิดเห็น: สถานการณ์กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับการปกป้องเด็กและเยาวชนในจังหวัดกระบี่
    5 ประเด็นสำคัญในการหารือ
    (1) ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่
    จากข้อมูลสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดกระบี่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) พบว่า:
  • มีเด็กในจังหวัดจำนวน 170,000 คน
  • ปัญหาเรื่องเด็กและเยาวชนมีน้อย แต่พบปัญหาทางเศรษฐกิจมากกว่า
  • การรับเรื่องร้องเรียนค่อนข้างน้อย และไม่พบปัญหาแอลกอฮอล์เลย
    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการพบว่า จังหวัดกระบี่เป็นอันดับ 1 ของประเทศในเรื่องการสูบบุหรี่ และข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเด็กหลุดระบบการศึกษาจากผลการสำรวจข้อมูลพบว่ามี จำนวน 7,928 คน อายุ 3-18 ปี และสาเหตุของการหลุดจากระบบการศึกษาพบว่าเป็นเด็กที่มีปัญหาครอบครัวแตกแยก ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจเด็ก และส่งผลให้เกิดปัญหาเริ่มทดลองดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และใช้ยาเสพติด
    (2) การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเด็กและเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย
    จากข้อมูลสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พบเด็กมีคดี 80 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการทำร้ายร่างกายที่มีสาเหตุจากยาเสพติดและการลักขโมย พบว่าเด็กเหล่านี้มักไม่จบการศึกษาระดับมัธยมต้น
    ปีนี้มีเคสที่แปลกอยู่ 1 คดีคือ กรณีเด็กเมาแล้วขับรถ 1 คดี อายุ 17 ปี ซึ่งเริ่มดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่อายุ 15 ปี มีปัญหาครอบครัวแตกแยก เรียนไม่จบม.ต้น ทำให้อ่านเขียนไม่คล่อง
    (3) กรณีศึกษาผลกระทบ
    สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้วิเคราะห์ 48 กลุ่มเคสเพื่อหาสาเหตุที่เด็กหลุดระบบการศึกษา พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงและการทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีสภาพแวดล้อมชุมชนที่สร้างสิ่งเร้าให้เด็กมีพฤติกรรมเสี่ยง
    (4) ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
  • การขาดข้อมูลที่แท้จริงในพื้นที่ เนื่องจากฐานข้อมูลภาครัฐมีเพียงการบันทึกการรับเรื่องผ่านระบบเท่านั้น
  • ความแตกต่างระหว่างข้อมูลสถานการณ์กับข้อเท็จจริง
  • การขาดมาตรการควบคุมสถานประกอบการที่ขายสินค้าให้เด็ก
    (5) ข้อพิจารณาเชิงกฎหมาย/เชิงนโยบาย/เชิงวิชาการ/เชิงรณรงค์
    กฎหมายที่ใช้ในการพิจารณา
    การประชุมได้ทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการปกป้องเด็กและเยาวชน ได้แก่:
  • พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
  • ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่
  • พระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546
  • คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 22/2558
  • พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
  • พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
  • กฎกระทรวงการทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่ พ.ศ. 2567
    บทสรุปและทิศทางการขับเคลื่อน
  1. การประชุมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการปกป้องเด็กและเยาวชนจังหวัดกระบี่จากปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด ผ่านการใช้กลไกทางกฎหมายและนโยบาย
  2. การทำงานต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และชุมชนในการรับเด็กกลับสู่สังคม รวมถึงการดำเนินโครงการเชิงรุกในการให้ความรู้กับโรงเรียนต่างๆ
  3. การประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมด้วยการออกแบบการป้องกัน ส่งเสริม บังคับใช้กฎหมาย บำบัดรักษา โดยสร้างการมีส่วนร่วมกับองค์กรหน่วยงานในระดับจังหวัดเพื่อการปกป้องเด็กและเยาวชนจังหวัดกระบี่ให้ห่างไกลจากปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด ด้วยการใช้กลไกทางกฎหมายและนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ