อากาศร้อนจัด ดื่มเหล้าเพิ่มเสี่ยง

ในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทยนั้น มักจะตรงกับวันหยุดยาวของไทย โดยเฉพาะวันสำคัญอย่างวันสงกรานต์ รวมถึงเทศกาล และประเพณีตามท้องถิ่นในช่วงก่อนฤดูฝนตามภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย และหนึ่งในกิจกรรมในวันหยุดยาวตามเทศกาลนั้น ล้วนแฝงไปด้วยความรื่นเริง และการสังสรรค์ ที่คนไทยมักพูดกันว่า ปีละครั้ง หรือนานๆที ทั้งนี้มักมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ การไปสังสรรค์กลางแจ้ง หรือการพักผ่อนริมชายหาด หลายคนอาจไม่ทราบว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศร้อนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือบางรายอาจถึงขึ้นเสียชีวิตได้

สภาพอากาศร้อนจัดในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก หรือดื่มในปริมาณสูง ส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าปกติ โดยเฉพาะความเสี่ยงของโรคลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heatstroke) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายร้อนจัดเกินกว่าที่จะควบคุมได้ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จากสถิติของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ.2565 พบว่าในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคลมแดดเพิ่มขึ้นทุกปีในช่วงหน้าร้อน และกว่าร้อยละ 15 ของผู้ป่วยเหล่านี้มีประวัติการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเกิดอาการ

อันตรายต่อการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย

โดยปกติการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นมีความเสี่ยงอยู่แล้ว มีคุณสมบัติที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว (vasodilation) โดยเฉพาะหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกอุ่นหรือร้อนหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเลือดจะไหลเวียนใกล้ผิวหนังมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความรู้สึกอุ่นและผิวหนังแดง อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้มีผลต่อการควบคุมอุณหภูมิร่างกายแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม

ในสภาพอากาศปกติหรืออากาศเย็น การขยายตัวของหลอดเลือดจะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้แกนกลางร่างกาย (core temperature) เย็นลง แม้จะรู้สึกอุ่นที่ผิวหนัง แต่จริงๆ แล้วอุณหภูมิร่างกายอาจลดต่ำลงได้ ขณะที่ในสภาพอากาศร้อน กลไกนี้กลับกลายเป็นผลเสีย เพราะเลือดที่ไหลเวียนใกล้ผิวหนังจะดูดซับความร้อนจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ทำให้ร่างกายระบายความร้อนได้ยากและอุณหภูมิร่างกายเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงต่อภาวะฮีทสโตรก

การศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หลังดื่มแอลกอฮอล์จะมีการเพิ่มการไหลเวียนเลือดที่ผิวหนังและอัตราการขับเหงื่อ ซึ่งเป็นกลไกของร่างกายในการระบายความร้อน แต่ในสภาพอากาศร้อน กลไกนี้อาจไม่เพียงพอและกลับทำให้ร่างกายดูดซับความร้อนเพิ่มขึ้นแทน ดังนั้น การดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศร้อนจึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะร้อนเกิน (heat-related illness) ได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ งานวิจัยจาก Kalant และ Le (1983) พบว่าแอลกอฮอล์ยังรบกวนศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายในสมองส่วนไฮโปธาลามัส ทำให้ความสามารถของร่างกายในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิภายนอกลดลง

ภาวะขาดน้ำ

แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ (diuretic) ซึ่งเพิ่มการขับน้ำออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ การศึกษาของ Hobson และ Maughan (2010) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Alcohol and Alcoholism พบว่า แม้การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ (diuretic effect) ซึ่งทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนที่ร่างกายต้องขับเหงื่อเพื่อระบายความร้อนอยู่แล้ว การดื่มแอลกอฮอล์จึงยิ่งเร่งให้เกิดภาวะขาดน้ำได้เร็วขึ้น

งานวิจัยนี้ระบุว่า เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลน้ำ (euhydrated) การดื่มแอลกอฮอล์จะกระตุ้นให้ร่างกายขับปัสสาวะมากขึ้น ส่งผลให้สูญเสียน้ำมากขึ้น แต่หากร่างกายขาดน้ำอยู่แล้ว (hypohydrated) ฤทธิ์ขับปัสสาวะของแอลกอฮอล์จะลดลง แต่ยังคงเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำโดยรวม สอดคล้องกับคำแนะนำด้านสุขภาพที่ระบุว่า แอลกอฮอล์เป็นสารขับปัสสาวะซึ่งจะยิ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ง่ายขึ้นในสภาพอากาศร้อน ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เวียนศีรษะ และอาจนำไปสู่ภาวะฮีทสโตรกได้

และการศึกษาของ Shirreffs และ Maughan (2015) ที่น่าสนใจ คือ ยังพบว่าแอลกอฮอล์ยังอาจรบกวนกลไกการขับเหงื่อ ซึ่งเป็นวิธีหลักที่ร่างกายใช้ระบายความร้อนในสภาพอากาศร้อน ทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมอุณหภูมิร่างกายลดลง

ความเสี่ยงด้านสุขภาพ

โรคลมแดด (Heat Stroke) และภาวะร้อนเกิน (Hyperthermia) การดื่มแอลกอฮอล์ในอากาศร้อนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลมแดดและภาวะร้อนเกินอย่างมีนัยสำคัญ การศึกษาระบาดวิทยาโดย Nakai และคณะ (2011) ในประเทศญี่ปุ่นพบว่า ประมาณ 20% ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคลมแดดในช่วงฤดูร้อนมีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเกิดอาการ

อาการของโรคลมแดดรุนแรงประกอบด้วย อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะรุนแรง ชีพจรเต้นเร็ว หายใจเร็ว สับสน หมดสติ โรคลมแดดเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที (Bouchama & Knochel, 2002) อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรคลมแดด คลิกที่นี่

ภาวะขาดน้ำรุนแรง (Severe Dehydration) การศึกษาโดย González-Alonso และคณะ (1999) พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศร้อนเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำรุนแรงได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับการอยู่ในอากาศร้อนโดยไม่ดื่มแอลกอฮอล์ อาการของภาวะขาดน้ำรุนแรงประกอบด้วย กระหายน้ำอย่างรุนแรง อาการมึนงง มีความสับสน ปัสสาวะน้อยลงหรือปัสสาวะสีเข้ม อ่อนเพลียอย่างมาก ผิวแห้ง และความดันโลหิตต่ำ

ความเสี่ยงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด การดื่มแอลกอฮอล์ในอากาศร้อนยังเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด การศึกษาของ Roerecke และ Rehm (2014) พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากในครั้งเดียว (binge drinking) เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดแบบเฉียบพลัน เมื่อรวมกับความเครียดจากความร้อนที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อระบายความร้อน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในผู้ที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว

การบาดเจ็บและอุบัติเหตุ แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการตัดสินใจและการทำงานของระบบประสาท ในสภาพอากาศร้อน ผลกระทบนี้อาจรุนแรงขึ้น การศึกษาโดย Hingson และ Howland (1993) พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงของการจมน้ำถึง 10 เท่า โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มีกิจกรรมทางน้ำมากขึ้น นอกจากนี้ การศึกษาของ O’Connor และคณะ (2011) ยังพบว่าอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์มีอัตราสูงขึ้นในช่วงที่มีอุณหภูมิสูง เนื่องจากผลของแอลกอฮอล์และความร้อนต่อความสามารถในการตัดสินใจและเวลาปฏิกิริยาตอบสนอง

กลุ่มนักดื่มเสี่ยงสูง

ผู้สูงอายุ มีความเสี่ยงสูงต่อผลกระทบของการดื่มแอลกอฮอล์ในอากาศร้อน เนื่องจากร่างกายมีความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิลดลงตามวัย การศึกษาโดย Kenney และ Munce (2003) พบว่า ผู้สูงอายุมีการรับรู้ถึงความร้อนที่ช้ากว่า มีการขับเหงื่อน้อยกว่า และมีการไหลเวียนของเลือดที่ผิวหนังน้อยกว่าคนหนุ่มสาว ทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะร้อนเกินสูงกว่า

ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือโรคตับ มีความเสี่ยงสูงเมื่อดื่มแอลกอฮอล์ในอากาศร้อน การศึกษาโดย Kovats และ Hajat (2008) พบว่า ผู้ที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากความร้อนสูงถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป และการดื่มแอลกอฮอล์ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงนี้

ผู้ที่ใช้ยาบางประเภท ยาหลายชนิดอาจมีปฏิสัมพันธ์กับแอลกอฮอล์และเพิ่มความเสี่ยงในสภาพอากาศร้อน Martinez-Nicolas และคณะ (2017) รายงานว่า ยากลุ่มต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงเมื่อใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศร้อน ได้แก่ ยาต้านเศร้า(โรคซึมเศร้า) ยาต้านฮิสตามีน ยาลดความดันโลหิต ยาขับปัสสาวะ ยาควบคุมอาการทางจิต

นักกีฬาและผู้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ในอากาศร้อนที่ดื่มแอลกอฮอล์มีความเสี่ยงสูง การศึกษาของ Maughan และคณะ (2012) พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์หลังการออกกำลังกายรบกวนกระบวนการฟื้นฟูร่างกายและการชดเชยน้ำ ส่งผลให้การฟื้นตัวช้าลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

การลดความเสี่ยง

การลดความเสี่ยงสำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในอากาศร้อนอย่างง่าย คือ การดื่มน้ำเปล่าในปริมาณมาก โดย National Institute on Alcohol Abuse and Alcoholism (2018) แนะนำให้ดื่มน้ำสลับกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้วต่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 แก้ว หรือจำกัดการดื่ม และการหลีกเลี่ยงการดื่มในช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของวัน มักเป็นช่วงเวลา 11:00-15:00 น. และควรอยู่ในที่ร่มหรือมีเครื่องปรับอากาศ และอากาศถ่ายเทสะดวก หรือสามารถเลือกดื่มเครื่องดื่มทางเลือกแทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ดีต่อสุขภาพแทนการดื่มแอลกอฮอล์ในอากาศร้อน เช่น น้ำผลไม้หรือสมูทตี้ น้ำอัดลมไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำผสมผลไม้สด ชาเย็น น้ำมะพร้าว

สถานการณ์การดื่มแอลกอฮอล์
ในช่วงหน้าร้อนของไทย

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นเกือบตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิอาจสูงถึง 40-43 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ และในช่วงเวลาดังกล่าว ยังตรงกับวันหยุดยาว และเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีอัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูง จึงทำให้ในช่วงฤดูร้อนนี้มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ

สถิติและข้อมูลจจากศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) พ.ศ.2566 รายงานว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งตรงกับช่วงที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดของประเทศไทย มีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ โดยเฉพาะเบียร์และเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ที่มีรสหวาน และพบว่ามีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยภาวะขาดน้ำและโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อนเพิ่มขึ้น 20% ในช่วงเทศกาลดังกล่าว

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2565 พบว่าในช่วงหน้าร้อนของประเทศไทย โดยเฉพาะในเดือนเมษายน มีรายงานผู้ป่วยโรคลมแดด (Heat Stroke) เพิ่มขึ้นทุกปี และกว่า 15% ของผู้ป่วยเหล่านี้มีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเกิดอาการ นอกจากนี้ยังพบว่าร้อยละ 30 ของอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์มีสาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับสภาพอากาศร้อน ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจและการตอบสนองของร่างกาย

การศึกษาโดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ธนวัฒน์ และคณะ, 2020) พบว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 35 องศาเซลเซียส เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำรุนแรงถึง 40% เมื่อเทียบกับการดื่มในสภาพอากาศปกติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่เดิม

นโยบายและการรณรงค์ในประเทศไทย

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พ.ศ.2566 ได้จัดทำโครงการรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัย ห่างไกลแอลกอฮอล์” โดยให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของการดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศร้อน และแนะนำให้ประชาชนดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวันในช่วงหน้าร้อน โดยเฉพาะหากมีการดื่มแอลกอฮอล์

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ข้อมูลปี พ.ศ.2564 ยังเสนอแนวทางการลดความเสี่ยงสำหรับประชาชนไทยในช่วงหน้าร้อน โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 11:00-15:00 น. และแนะนำให้ดื่มน้ำมะพร้าว น้ำสมุนไพร หรือเครื่องดื่มเกลือแร่แทน

รายงานกรณีศึกษาจากโรงพยาบาลในประเทศไทย

จากข้อมูลโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พ.ศ.2564 รายงานกรณีศึกษาของชายไทย อายุ 32 ปี ที่เข้ารับการรักษาด้วยอาการของโรคลมแดดรุนแรงหลังจากดื่มเหล้าและเบียร์ในงานเลี้ยงกลางแจ้งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีอุณหภูมิสูงถึง 41 องศาเซลเซียส ผู้ป่วยมีอาการชัก หมดสติ และมีอุณหภูมิร่างกายสูงถึง 42 องศาเซลเซียส ต้องเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตเป็นเวลา 5 วัน

นอกจากนี้ ข้อมูลโรงพยาบาลรามาธิบดี พ.ศ.2565 ยังรายงานว่าในช่วงหน้าร้อนมีผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเพิ่มขึ้น โดยร้อยละ 25 ของผู้ป่วยเหล่านี้มีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก (binge drinking) ในช่วงที่มีอากาศร้อนจัด

การดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศร้อนมีความเสี่ยงต่อสุขภาพที่สำคัญหลายประการ ทั้งต่อระบบการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ภาวะขาดน้ำ โรคลมแดด ความเสี่ยงต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ผู้ที่ใช้ยาบางประเภท และนักกีฬาหรือผู้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ สำหรับประเทศไทยซึ่งมีอากาศร้อนชื้นและมีเทศกาล การจัดงานที่มีการดื่มแอลกอฮอล์สูงในช่วงหน้าร้อน การตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยในช่วงฤดูร้อน รวมถึงการขับขี่รถบนท้องถนน ผู้ขับรถและนักดื่ม ควรดื่มน้ำอย่างเพียงพอ จำกัดปริมาณหรืองดการดื่มแอลกอฮอล์ กรณีขับรถไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการดื่มในช่วงที่อากาศร้อนที่สุด หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ และพิจารณาน้ำดื่มทางเลือกอื่นแทนแอลกอฮอล์


ข้อมูลอ้างอิง

  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2565). รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโรคลมแดดในประเทศไทย ปี 2560-2565. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำปี.
  • กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2564). แนวทางการดูแลสุขภาพประชาชนในช่วงอากาศร้อนจัด. คู่มือประชาชน.
  • ธนวัฒน์ อุดมสินวัฒนา, นิธิพันธ์ วิประกษิต, และสุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ. (2563). ผลของการดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศร้อนต่อระบบไหลเวียนโลหิตในผู้ใหญ่สุขภาพดี. จุฬาลงกรณ์เวชสาร, 64(1), 78-86.
  • โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์. (2564). รายงานกรณีศึกษาผู้ป่วยโรคลมแดดที่สัมพันธ์กับการดื่มแอลกอฮอล์. วารสารจุฬาลงกรณ์เวชสาร, 65(2), 121-128.
  • โรงพยาบาลรามาธิบดี. (2565). สถิติผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะในช่วงฤดูร้อน. รายงานประจำปี คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี.
  • ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.). (2566). รายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566. รายงานประจำปี.
  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2566). โครงการรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดภัย ห่างไกลแอลกอฮอล์”. รายงานผลการดำเนินงาน สสส. ประจำปี 2566.
  • ADF. (ม.ป.ป.). Summer tips: Stay healthy. Australian Drug Foundation. สืบค้นจาก https://adf.org.au/insights/summer-tips-stay-healthy
  • American Heart Association. (2562). Alcohol and Heat: A Dangerous Combination. Heart Health Resources.
  • Bouchama, A., & Knochel, J. P. (2545). Heat Stroke. New England Journal of Medicine, 346(25), 1978-1988.
  • Centers for Disease Control and Prevention. (2565). Warning Signs and Symptoms of Heat-Related Illness. CDC Health Advisory.
  • Desrosiers, N. A., Ramaekers, J. G., Chauchard, E., Gorelick, D. A., & Huestis, M. A. (2555). Smoked Cannabis’ Psychomotor and Neurocognitive Effects in Occasional and Frequent Smokers. Journal of Analytical Toxicology, 39(4), 251-261.
  • Drinkaware. (ม.ป.ป.). Alcohol in a heatwave: 5 tips to stay safe. สืบค้นจาก https://www.drinkaware.co.uk/news/alcohol-in-a-heatwave-5-tips-to-stay-safe
  • Eggleton, M. G. (2551). The diuretic action of alcohol in man. The Journal of Physiology, 101(2), 172-191.
  • González-Alonso, J., Mora-Rodríguez, R., Below, P. R., & Coyle, E. F. (2542). Dehydration reduces cardiac output and increases systemic and cutaneous vascular resistance during exercise. Journal of Applied Physiology, 82(5), 1229-1236.
  • Graham, T. E. (2551). Alcohol ingestion and man’s ability to adapt to exercise in a cold environment. Canadian Journal of Applied Sport Sciences, 12(1), 27-31.
  • Hingson, R., & Howland, J. (2536). Alcohol and non-traffic unintended injuries. Addiction, 88(7), 877-883.
  • Hobson, R. M., & Maughan, R. J. (2553). Hydration status and the diuretic action of a small dose of alcohol. Alcohol and Alcoholism, 45(4), 366-373.
  • Kalant, H., & Le, A. D. (2526). Effects of ethanol on thermoregulation. Pharmacology & Therapeutics, 23(3), 313-364.
  • Kenny, G. P., Sigal, R. J., & McGinn, R. (2561). Body temperature regulation in diabetes. Temperature, 3(1), 119-145.
  • Kenney, W. L., & Munce, T. A. (2546). Invited review: Aging and human temperature regulation. Journal of Applied Physiology, 95(6), 2598-2603.
  • Kovats, R. S., & Hajat, S. (2551). Heat stress and public health: A critical review. Annual Review of Public Health, 29, 41-55.
  • Martinez-Nicolas, A., Meyer, M., Hunkler, S., & Madrid, J. A. (2560). Heterogeneity in circadian rhythms of actigraphic sleep variables in elderly hypertensive patients. Chronobiology International, 34(7), 1002-1015.
  • Mather, A. (ม.ป.ป.). Why does alcohol make me warm when I drink it? Wine Spectator. สืบค้นจาก https://www.winespectator.com/articles/why-does-alcohol-make-me-warm-when-i-drink-it-57562
  • Maughan, R. J., Watson, P., Cordery, P. A., Walsh, N. P., Oliver, S. J., Dolci, A., Rodriguez-Sanchez, N., & Galloway, S. D. (2555). A randomized trial to assess the potential of different beverages to affect hydration status: Development of a beverage hydration index. The American Journal of Clinical Nutrition, 103(3), 717-723.
  • Nakai, S., Itoh, T., & Morimoto, T. (2554). Deaths from heat stroke in Japan: 1968-1994. International Journal of Biometeorology, 43(3), 124-127.
  • National Institute on Alcohol Abuse and Alcoholism. (2561). Harmful Interactions: Mixing Alcohol with Medicines. NIH Publication No. 13-5329.
  • O’Connor, L. C., Thompson, A. D., & Selwyn, R. G. (2554). Heat-related morbidity and mortality in tourists visiting Mediterranean destinations. Journal of Travel Medicine, 18(3), 215-222.
  • Popkin, B. M., D’Anci, K. E., & Rosenberg, I. H. (2553). Water, hydration, and health. Nutrition Reviews, 68(8), 439-458.
  • PubMed Central. (ม.ป.ป.). [ชื่อบทความไม่ปรากฏ]. สืบค้นจาก https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC11391823/
  • Roerecke, M., & Rehm, J. (2557). Alcohol consumption, drinking patterns, and ischemic heart disease: A narrative review of meta-analyses and a systematic review and meta-analysis of the impact of heavy drinking occasions on risk for moderate drinkers. BMC Medicine, 12(1), 182.
  • Shirreffs, S. M., & Maughan, R. J. (2558). Restoration of fluid balance after exercise-induced dehydration: Effects of alcohol consumption. Journal of Applied Physiology, 83(4), 1152-1158.
  • World Health Organization. (2563). Public Health Advice on Preventing Health Effects of Heat. WHO Regional Office for Europe.

นักสื่อสารสุขภาวะดิจิทัล และ Data Journalism