พื้นที่สาธารณะสุขภาวะ จิตสำนึกส่วนรวมสร้างพื้นที่ปลอดภัย

ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวโดยเฉพาะฤดุหนาวและช่วงหน้าร้อน ส่วนมากแล้วมักเลือกไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัด เมื่อเจาะลึกเข้าไปอีก พบว่าเลือกการท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติ พื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะที่เป็นเป้าหมายหลักของคนทำงาน คนท่องเที่ยว ที่อยากไปผ่อนคลายจากการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ชายหาด น้ำตก เดินป่า พักแรมหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม แต่การเข้าไปใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน ไม่ได้หมายถึงแค่การดูแลความสะอาดหรือความปลอดภัยเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อสุขภาพกายและใจของทุกคนที่มาท่องเที่ยวหรือใช้พื้นที่ร่วมกัน

คงไม่ใครที่ไปเที่ยวแล้วอยากเจอคนเมาอาละวาด หรือมีขยะสกปรกเรี่ยราด เปิดเพลง ตะโกนกันเสียงดัง ไปแล้วไม่สบายใจ หรือคาดว่าจะเกิดความเสี่ยงในสถานที่ท่องเที่ยวที่เราไป แนวคิด “พื้นที่สุขภาวะ” เป็นการผสมผสานหลายปัจจัยของปัญหาเข้าด้วยกัน ทั้งการจัดการเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เรื่องอาบายมุข พื้นที่ปลอดอาวุธ รวมถึงเรื่องขยะ การปลูกฝังมารยาท การควบคุมการใช้เสียง ความปลอดภัยในการใช้พื้นที่ และการออกแบบให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการก็ตาม

ความสำคัญของการสร้างพื้นที่สาธารณะสุขภาวะ คือการทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัย สะดวกสบาย และมีความสุขเมื่อได้ใช้พื้นที่ร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมอย่างยั่งยืน

พื้นที่สาธารณะสุขภาวะร่วมสมัย

พื้นที่สุขภาวะไม่ได้หมายถึงแค่ความสะอาดหรือการไม่มีขยะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างบรรยากาศที่ดี การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ใช้พื้นที่ และการออกแบบที่เอื้อต่อการใช้งานของทุกคนในสังคม องค์การอนามัยโลกได้ให้ความสำคัญกับ “เมืองสุขภาวะ” ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงพื้นที่สาธารณะได้อย่างเท่าเทียม และมีโอกาสในการออกกำลังกาย พักผ่อน หรือทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พื้นที่สาธารณะกลายเป็นพื้นที่สุขภาวะมีหลายประการ เช่น

  • พื้นที่ปลอดเหล้าและปลอดภัย การควบคุมการดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะช่วยลดอุบัติเหตุและปัญหาความรุนแรง การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพทำให้พื้นที่สะอาดและน่าอยู่
  • การใช้เสียงและมารยาท การควบคุมเสียงดังในพื้นที่สาธารณะ เช่น การไม่เปิดเพลงเสียงดังหรือพูดคุยเสียงดังเกินไป ช่วยให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและไม่ถูกรบกวน การเคารพสิทธิและให้เกียรติผู้อื่น เช่น การเข้าแถว การไม่แย่งที่นั่ง การช่วยเหลือผู้สูงอายุหรือผู้พิการ เป็นมารยาทที่ควรปลูกฝัง
  • ความปลอดภัยและการเข้าถึง การออกแบบพื้นที่ให้ปลอดภัยสำหรับทุกคน เช่น การมีแสงสว่างเพียงพอ การมีทางลาดสำหรับผู้พิการ การมีเจ้าหน้าที่ดูแล ช่วยให้ทุกคนมั่นใจเมื่อใช้พื้นที่สาธารณะ
  • การออกกำลังกายและกิจกรรมทางกาย การส่งเสริมกิจกรรมทางกายในพื้นที่สาธารณะ เช่น การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา การทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกายและใจ

พื้นที่สุขภาวะ (Healthy Space หรือ Healthy Public Space) คือ พื้นที่สาธารณะที่ได้รับการออกแบบ จัดการ และดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางกายและจิตใจของผู้ใช้งานทุกกลุ่ม โดยไม่จำกัดเพียงแค่พื้นที่สีเขียวหรือสวนสาธารณะ แต่รวมถึงทางเดินเท้า ทางจักรยาน สนามกีฬา สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ตลาดชุมชน และสถานบริการสาธารณะอื่น ๆ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและปลอดภัย

ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดแนวคิด “เมืองสุขภาวะ” (Healthy City) ไว้อย่างชัดเจน โดยเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมเมืองที่สะอาด ปลอดภัย และเอื้อต่อการสร้างสุขภาวะทั้งทางกายและใจของผู้อยู่อาศัย คุณลักษณะสำคัญของเมืองสุขภาวะตาม WHO มี 11 ประการ อาทิ สภาพแวดล้อมทางกายภาพที่สะอาดและปลอดภัย, มีระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอ, การเข้าถึงบริการสุขภาพและสวัสดิการสังคม, การมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาเมือง, การส่งเสริมกิจกรรมทางกายและสุขภาพจิต, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ในปัจจุบันพื้นที่สาธารณะของไทยยังคงเผชิญกับปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปัญหาขยะอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจเมื่อปี 2565 พบว่า มีผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะถึง 28% ซึ่งนำไปสู่ปัญหาความรุนแรง การทะเลาะวิวาท และอาชญากรรม เช่น การทำลายทรัพย์สินและการลวนลามทางเพศ นอกจากนี้การดื่มเหล้าในที่สาธารณะยังเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ โดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรคระบุว่า 40% ของอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลมีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์

ปัญหาขยะในพื้นที่สาธารณะก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะขยะจากขวดแก้ว กระป๋อง และพลาสติกที่ย่อยสลายมักถูกทิ้งเกลื่อนกลาด ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมและภาพลักษณ์ของสถานที่ท่องเที่ยวและชุมชน

หาดบางแสน พื้นที่ต้นแบบสุขภาวะ

ชายหาดบางแสน จังหวัดชลบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่สาธารณะที่ได้รับการยกย่องให้เป็นต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะและสร้างจิตสำนึกสาธารณะ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและนิเวศ (Health & Ecotourism) โดยหาดบางแสนอยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรีไม่ไกลมากนักและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาร่วมกิจกรรมและพักผ่อนอย่างคึกคัก สามารถเดินทางจากกรุงเทพได้สะดวก

ชายหาดบางแสน ถูกเลือกเป็นพื้นที่ต้นแบบ มีผู้มาท่องเที่ยวและใช้บริการในพื้นที่หลากหลาย ทั้งครอบครัว คู่รัก และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้เหมาะกับการทดลองและขยายผลแนวคิดพื้นที่สุขภาวะ ก่อนหน้านี้พื้นที่ชายหาดบางแสนประสบปัญหาจริง เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ และปัญหาขยะ ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์และสุขภาวะของผู้มาใช้บริการ ที่ผ่านมาความพร้อมของหน่วยงานและชุมชนโดยเทศบาลเมืองแสนสุข และหน่วยงานท้องถิ่น รวมทั้งภาคีครือข่ายต่าง ๆ ให้ความสนใจและมีความพร้อมในการร่วมมือกันพัฒนาขับเคลื่อนนโยบาย โดยการดำเนินงานเพื่อสร้างพื้นที่สุขภาวะที่ชายหาดบางแสนท่ผ่านมาพบว่า มีการกำหนดมาตรการปลอดเหล้าและปลอดบุหรี่ โดยประกาศห้ามนำแอลกอฮอล์และบุหรี่เข้ามาดื่มหรือสูบในบริเวณชายหาด และจัดตั้งโซนปลอดภัยสำหรับครอบครัวและนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม มีการรณรงค์สร้างจิตสำนึก ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การประชาสัมพันธ์ การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การอบรมผู้ประกอบการ และการมีส่วนร่วมของชุมชน มีการปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิด การขยายพื้นที่จอดรถ และการจัดจุดสูบบุหรี่เฉพาะที่เพื่อลดผลกระทบต่อผู้อื่น รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วม โดยให้ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ร่วมกันกำหนดกฎกติกาและช่วยกันดูแลพื้นที่

ผลลัพธ์จากการนำร่องชูโมเดล “หาดบางแสน” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อครอบครัว Universal Beach ดึงเครือข่ายนักเรียน นักศึกษาดูแลชายหาดเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน และลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ เช่น การดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุและความรุนแรง และพบว่าพื้นที่มีความสะอาดและน่าอยู่มากขึ้น จากการจัดการขยะและดูแลความสะอาดร่วมกัน นักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่รู้สึกถึงความปลอดภัย สามารถพักผ่อนและทำกิจกรรมได้อย่างสบายใจ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กและผู้สูงอายุ รวมถึงมีการขยายผลและสร้างเครือข่าย เช่น เครือข่ายตะวันออกบอกรักทะเล เพื่อรณรงค์ให้พื้นที่สาธารณะอื่น ๆ เป็นพื้นที่ปลอดเหล้าและปลอดบุหรี่ต่อไป และยังเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่ได้รับความสนใจจากหน่วยงานและชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ

กฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยส่วนมากจัดว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ และเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อุทยานแห่งชาติ โดยประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมการดื่มและขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่สาธารณะอย่างชัดเจน โดยพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 และได้เพิ่มความเข้มงวดในปี 2558 ด้วยคำสั่ง คสช. โดยเฉพาะในเขตสถานศึกษาและหอพัก พื้นที่ที่กฎหมายห้ามดื่มครอบคลุมสถานที่หลากหลาย เช่น สวนสาธารณะ ถนน ทางเท้า ชายหาด แม่น้ำ โรงพยาบาล สถานีขนส่ง วัด โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ และยานพาหนะสาธารณะทุกประเภท

นอกจากกฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์แล้ว ยังมีกฎหมายและระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้พื้นที่สาธารณะ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ กฎหมายเกี่ยวกับความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย กฎหมายจราจร กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมสาธารณะ กฎหมายเกี่ยวกับความผิดทางเพศ ข้อกำหนดเกี่ยวกับเวลาและการใช้เสียง และพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535

จะเห็นได้ว่า จริง ๆ แล้วนั้น ในประเทศไทยก็มีกฎหมายอยู่ แต่ว่าทำไมเรายังพบเห็นการฝ่าฝืนกระทำความผิดอยู่บ่อยครั้ง หนึ่งในนั้นคือการสร้างการมีส่วนร่วมและจิตใต้สำนึกที่นักท่องเที่ยวต้องให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามกฎ หรือแม้ว่าพื้นที่นั้นไม่ได้ระบุกฎหรือข้อบังคับไว้ชัดเจน แต่หากเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี มีคุณภาพเราเองก็ควรให้ความร่วมมือในการอยู่ร่วมกันของสังคมและสิ่งแวดล้อมนั้น

สร้างจิตสำนึกและความร่วมมือของคนในสังคม

การสร้างพื้นที่สาธารณะให้ปลอดภัยและเอื้อต่อสุขภาวะของทุกคนเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพื้นที่สาธารณะที่มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือมีขยะเกลื่อนกลาด มักนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพ เช่น การเกิดอุบัติเหตุ โรคติดต่อจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่สะอาด หรือการทะเลาะวิวาทที่อาจลุกลามเป็นความรุนแรงได้ อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมและการล่วงละเมิด ทำให้ผู้ใช้บริการโดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้หญิงรู้สึกไม่ปลอดภัย การออกแบบและดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัยจึงช่วยลดปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ และทำให้ทุกคนสามารถใช้พื้นที่ร่วมกันได้อย่างมั่นใจ

หากพื้นที่สาธารณะที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาขยะ ปัญหามลพิษทางเสียง และกลิ่นรบกวน ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายทัศนียภาพและความสวยงามของสถานที่เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย นักท่องเที่ยวมักเลือกเดินทางไปยังสถานที่ที่สะอาด ปลอดภัย และน่าอยู่ ดังนั้นการร่วมกันสร้างพื้นที่ปลอดเหล้า ปลอดขยะ และควบคุมเสียง จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

การสร้างพื้นที่ปลอดภัยยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมให้กับทุกคน เมื่อทุกคนมีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่สาธารณะ จะเกิดความตระหนักถึงคุณค่าของพื้นที่ส่วนรวม และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้น เช่น การไม่ทิ้งขยะ การเคารพสิทธิของผู้อื่น และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาพื้นที่ให้เหมาะสมกับความต้องการของทุกกลุ่ม

การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ

จิตสำนึกสาธารณะ หรือ การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ คือความรู้สึกนึกคิดภายในตัวของนักท่องเที่ยวที่มีต่อการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และวัฒนธรรมของพื้นที่ที่ไปเยือน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมเชิงบวกและมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

เมื่อเราเองเป็นนักท่องเที่ยว สิ่งหนึ่งที่เราไปในพื้นที่สาธารณะ หรือมีการใช้พื้นที่ร่วมกันกับคนเป็นจำนวนมาก ความตระหนักถึงผลกระทบจากการกระทำของตนเองต่อชุมชน สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยนักท่องเที่ยวที่มีจิตสำนึกจะปฏิบัติตนอย่างมีมารยาท ไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่ทิ้งขยะ ไม่ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ และให้ความเคารพต่อวิถีชีวิตและประเพณีของคนในพื้นที่ บทบาทของจิตสำนึกนักท่องเที่ยวต่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจะช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศและชุมชนที่ไปเยือน นอกจากชายหาดบางแสนแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในหลายพื้นที่ ก็มีกฎและข้อกำหนดในชุมชนไว้เพื่อการอยู่ร่วมกันและลดผลกระทบต่อส่วนรวม เช่น เชียงคาน จ.เลย และ แม่กำปอง จ.เชียงใหม่

แม้ว่าการสร้างพื้นที่สาธารณะสุขภาวะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตของทุกคนในสังคม พื้นที่เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจหรือไปชาร์จแบตฯชีวิต แต่ยังเป็นแหล่งเสริมสร้างสุขภาพกายและใจ ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน และช่วยลดปัญหาสังคม เช่น ความรุนแรง การทิ้งขยะ และพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ การให้ความสำคัญกับการออกแบบและบริหารจัดการพื้นที่สาธารณะให้เอื้อต่อสุขภาวะของทุกคน จึงถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน

แนวโน้มในอนาคตการพัฒนาพื้นที่สาธารณะสุขภาวะจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างความยั่งยืน โดยเฉพาะการกำหนดเป้าหมายตาม Sustainable Development Goals (SDGs) ซึ่งครอบคลุมหลายด้าน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนมากขึ้น ประชาชนจะตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ส่วนรวมและมีบทบาทในการดูแลรักษา พื้นที่สาธารณะจะถูกออกแบบให้รองรับความต้องการที่หลากหลายของคนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็กและผู้พิการ นอกจากนี้การนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเข้ามามีส่วนช่วยในการบริหารจัดการพื้นที่ เช่น การใช้ระบบออนไลน์ในการรายงานปัญหา หรือการใช้ข้อมูลเพื่อวางแผนพัฒนาพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

“พื้นที่สาธารณะ คือแหล่งเรียนรู้และสร้างสรรค์กิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาวะ ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อย่างเท่าเทียมและปลอดภัย การดูแลรักษาพื้นที่เหล่านี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีและอยากกลับมาใช้บริการอีกครั้ง แทนที่จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามกติกาที่อาจทำให้เกิดความไม่ประทับใจ”

ศุภกิตติ์ คุณา เขียน/เรียบเรียง


ข้อมูลอ้างอิง

  • กรุงเทพธุรกิจ. (2567, 19 มีนาคม). ‘ไม่สูบ ไม่ดื่ม’ คืน 6 พื้นที่สาธารณะ สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกคน. https://www.bangkokbiznews.com/health/social/1118412
  • กันทะเมืองลี้, อ. (2562). การพัฒนาพื้นที่สุขภาวะในบริบทเมือง. วารสารศิลปศาสตร์, 23(1), 279–293. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/download/263758/177035/1037456
  • ผู้จัดการออนไลน์. (2567). ถอดบทเรียนหาดบางแสนโมเดล เกือบ 90% เห็นด้วยพื้นที่สาธารณะปลอด…. https://mgronline.com/politics/detail/9680000049872
  • ผู้จัดการออนไลน์. (2567, 19 มีนาคม). พบดื่มที่สาธารณะ 28% ด้านนักท่องเที่ยว 89% หนุนอุทยานฯปลอดเหล้า…. https://mgronline.com/qol/detail/9670000024228
  • Policy Watch. (ม.ป.ป.). ถอดรหัสเมืองสุขภาวะ สร้างสุขภาพดีที่ทุกคนเข้าถึงได้. https://policywatch.thaipbs.or.th/article/life-113
  • SDN Thailand. (2568, 7 เมษายน). พื้นที่สาธารณะปลอดเหล้า. https://sdnthailand.com/sdnblog/36611
  • สถานีสุขภาพ. (2565, 27 ธันวาคม). ปักหมุด ‘หาดบางแสน’ สู่การท่องเที่ยว ‘สุขภาพ-สุขภาวะ’ ตั้งเป้าปลอด ‘บุหรี่-แอลกอฮอล์’ 100% พร้อมยกระดับสู่ Universal Beach. https://main.healthstation.in.th/news/show/488
  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (ม.ป.ป.). ‘พื้นที่สุขภาวะ’ กับโลกยุคใหม่. https://www.thaihealth.or.th/พื้นที่สุขภาวะ-กับโลก
  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2565, 21 สิงหาคม). บางแสนปลอดเหล้า-บุหรี่ ต้นแบบพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ. https://www.thaihealth.or.th/บางแสนปลอดเหล้า-บุหรี่-ต
  • The Urbanis by UDDC. (2566, 19 มิถุนายน). พื้นที่สุขภาวะ: กับการเติมเต็มชีวิตผู้สูงอายุ. https://theurbanis.com/public-realm/19/06/2023/14631/
  • TPAK. (ม.ป.ป.). พื้นที่สาธารณะละแวกบ้าน: พื้นที่ “เล็ก” แต่ประโยชน์ “ใหญ่”. https://tpak.or.th/en/article/596

นักสื่อสารสุขภาวะดิจิทัล และ Data Journalism