“อ้าว อ้าว ไอ้เก่งกับไอ้เอ้คุยอะไรกันวะ ดูซีเรียสจังว่ะ” ก้องเดินหิ้วส้มมาด้วย และนั่งลงแบบเว้นระยะห่าง เก่งกับเอ้พยักหน้าพอใจแล้วคุยกันต่อ
“เราจะไปคาดหวังได้ไงว่าจะไม่เจอ ไม่เห็นคนดื่มเหล้าในชีวิตเรา ว่าไหมก้อง?” เอ้หันหน้ามาถามก้อง
“แหงแหละ ยังไงก็ต้องเจอเหตุการณ์ที่มีการดื่มกิน ทุกวันนี้ก็ยังเห็นคนดื่มอยู่ทุกวัน รู้เลยว่าที่ไหนเขาตั้งวงกัน อีกอย่าง โฆษณาเยอะแยะชักจูงให้เราไปดื่ม ทุกวัน หึหึ” ก้องตอบ
“แล้วจะให้เราเก็บตัวตลอดเวลาก็เป็นไปไม่ได้ จะบอกคนอื่นไม่ให้ดื่มก็คงเป็นไปไม่ได้ทุกคน อีกนั่นแหละ ทางที่ดีนะ ตอนเลิกดื่มใหม่ๆ น่ะ ข้าก็เลือกอยู่กับคนที่ไม่ดื่มมากกว่าคนที่ดื่มว่ะ คนที่กินไข่ กินถั่วไม่ได้ เค้าก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่แต่ในถ้ำนี่หว่า เราก็เหมือนกันใช่ไหมล่ะเก่ง?” เก่งพยักหน้าช้าๆ
“แล้วข้าจะเข้าร้านเหล้า ร้านอาหารที่มีเหล้าได้ไหมน่ะ?” เก่งถาม
“สำหรับข้านะ ข้าไปหลังจากที่หยุดได้หลายเดือนน่ะ แล้วก็ต้องมีเหตุผลที่เข้าท่าพอ ถ้าไปคอยเพื่อนก็คงไม่ไปรอในดงเหล้าหรอกว่ะ แต่ถ้าเป็นงาน ข้าก็ไป แต่ไม่ดื่ม” ก้องพูดบ้าง
“ถ้าเลิกดื่มได้ไม่กี่เดือน คงจะดีกว่าว่ะ หลีกเลี่ยงสถานที่ เพื่อนฝูงที่เคยดื่มด้วยกันน่ะ… โดยเฉพาะเลย เลี่ยงงานเลี้ยงที่มีเหล้าเป็นหลัก ยิ่งถ้าแกกังวล ยิ่งควรหลีกเลี่ยงเลยว่ะ” เอ้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เก่งขมวดคิ้ว ทำท่าครุ่นคิด
แล้วเสียงโทรศัพท์ของเก่งก็ดังขึ้น ก้องแซวว่าเมียตามให้ไปกินข้าวแล้วล่ะสิ น่าอิจฉาจริง เมียทำอาหารอร่อยนี่โชคดีจริงๆ
“กินข้าวบ้านใครบ้านมันก่อนโว้ยตอนนี้ แล้วตอนบ่ายสามมาคุยกันต่อนะเว้ย กำลังค้าง ขอบใจนะเอ้ ก้อง แล้วเจอกันบ่ายสาม ก่อนไป… กูขอชิมส้มลูกนึงดิก้อง” ก้องโยนส้มให้เอ้กับเก่งคนละสองลูก แล้วแยกย้ายกันไปกินข้าว