Author: Puangpen Puangpen

  • “กระบี่พบ อันตรายซ่อนเร้น เด็ก 17 ปี เมาแล้วขับ เด็กหลุดระบบการศึกษา 7,928 คน เครือข่ายเรียกร้องบูรณาการ ป้องกัน-ส่งเสริม-บังคับใช้กฎหมาย-บำบัด เพื่ออนาคตชาติ”

    “กระบี่พบ อันตรายซ่อนเร้น เด็ก 17 ปี เมาแล้วขับ เด็กหลุดระบบการศึกษา 7,928 คน เครือข่ายเรียกร้องบูรณาการ ป้องกัน-ส่งเสริม-บังคับใช้กฎหมาย-บำบัด เพื่ออนาคตชาติ”

    6 กันยายน 2568 ประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อมูลระดับจังหวัด :จังหวัดกระบี่ เพื่อขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด

    โดย สุวรรกิตติ์ บุญแท้ ผู้ประสานงานโครงการ สานพลังประชาสังคมขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด กล่าวว่าได้เริ่มโครงการนี้ขึ้นจากความตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างกลไกการปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติดในระดับจังหวัด โดยเน้นการใช้กฎหมายและนโยบายเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อน
    วัตถุประสงค์การจัดเวทีครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ:

    1. จัดทำข้อมูลการปฏิบัติตาม การบังคับใช้ผลกระทบ จากกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับจังหวัด
    2. สานพลังเครือข่ายภาคประชาสังคมในระดับจังหวัดเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด
    3. รวมทั้งเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชน
      ระดมความคิดเห็น: สถานการณ์กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับการปกป้องเด็กและเยาวชนในจังหวัดกระบี่
      5 ประเด็นสำคัญในการหารือ
      (1) ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่
      จากข้อมูลสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดกระบี่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) พบว่า:
    • มีเด็กในจังหวัดจำนวน 170,000 คน
    • ปัญหาเรื่องเด็กและเยาวชนมีน้อย แต่พบปัญหาทางเศรษฐกิจมากกว่า
    • การรับเรื่องร้องเรียนค่อนข้างน้อย และไม่พบปัญหาแอลกอฮอล์เลย
      อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการพบว่า จังหวัดกระบี่เป็นอันดับ 1 ของประเทศในเรื่องการสูบบุหรี่ และข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเด็กหลุดระบบการศึกษาจากผลการสำรวจข้อมูลพบว่ามี จำนวน 7,928 คน อายุ 3-18 ปี และสาเหตุของการหลุดจากระบบการศึกษาพบว่าเป็นเด็กที่มีปัญหาครอบครัวแตกแยก ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจเด็ก และส่งผลให้เกิดปัญหาเริ่มทดลองดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และใช้ยาเสพติด
      (2) การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเด็กและเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย
      จากข้อมูลสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พบเด็กมีคดี 80 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการทำร้ายร่างกายที่มีสาเหตุจากยาเสพติดและการลักขโมย พบว่าเด็กเหล่านี้มักไม่จบการศึกษาระดับมัธยมต้น
      ปีนี้มีเคสที่แปลกอยู่ 1 คดีคือ กรณีเด็กเมาแล้วขับรถ 1 คดี อายุ 17 ปี ซึ่งเริ่มดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่อายุ 15 ปี มีปัญหาครอบครัวแตกแยก เรียนไม่จบม.ต้น ทำให้อ่านเขียนไม่คล่อง
      (3) กรณีศึกษาผลกระทบ
      สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้วิเคราะห์ 48 กลุ่มเคสเพื่อหาสาเหตุที่เด็กหลุดระบบการศึกษา พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงและการทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีสภาพแวดล้อมชุมชนที่สร้างสิ่งเร้าให้เด็กมีพฤติกรรมเสี่ยง
      (4) ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
    • การขาดข้อมูลที่แท้จริงในพื้นที่ เนื่องจากฐานข้อมูลภาครัฐมีเพียงการบันทึกการรับเรื่องผ่านระบบเท่านั้น
    • ความแตกต่างระหว่างข้อมูลสถานการณ์กับข้อเท็จจริง
    • การขาดมาตรการควบคุมสถานประกอบการที่ขายสินค้าให้เด็ก
      (5) ข้อพิจารณาเชิงกฎหมาย/เชิงนโยบาย/เชิงวิชาการ/เชิงรณรงค์
      กฎหมายที่ใช้ในการพิจารณา
      การประชุมได้ทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการปกป้องเด็กและเยาวชน ได้แก่:
    • พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
    • ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่
    • พระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546
    • คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 22/2558
    • พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
    • พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
    • กฎกระทรวงการทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่ พ.ศ. 2567
      บทสรุปและทิศทางการขับเคลื่อน
    1. การประชุมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการปกป้องเด็กและเยาวชนจังหวัดกระบี่จากปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด ผ่านการใช้กลไกทางกฎหมายและนโยบาย
    2. การทำงานต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และชุมชนในการรับเด็กกลับสู่สังคม รวมถึงการดำเนินโครงการเชิงรุกในการให้ความรู้กับโรงเรียนต่างๆ
    3. การประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมด้วยการออกแบบการป้องกัน ส่งเสริม บังคับใช้กฎหมาย บำบัดรักษา โดยสร้างการมีส่วนร่วมกับองค์กรหน่วยงานในระดับจังหวัดเพื่อการปกป้องเด็กและเยาวชนจังหวัดกระบี่ให้ห่างไกลจากปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด ด้วยการใช้กลไกทางกฎหมายและนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ
  • สมัชชาคนคอน นครศรีธรรมราช รวมพลังขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะ เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-ประชาชน

    สมัชชาคนคอน นครศรีธรรมราช รวมพลังขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะ เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-ประชาชน

    เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบนและศูนย์ควบคุมปัจจัยเสี่ยงจังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมเป็นหนึ่งในองค์กรร่วมเตรียมงาน #สมัชชาคนคอน นครศรีธรรมราช รวมพลังขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะ เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-ประชาชนนครศรีธรรมราช วันนี้ (5 กันยายน 2568) สมัชชาคนคอนจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดการประชุมใหญ่ โดยมีเครือข่ายจากหลากหลายกลุ่มประเด็นเข้าร่วมกว่า 50 คน เพื่อทบทวนผลการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการสร้างเสริมสุขภาวะในจังหวัดนครศรีธรรมราช14 ประเด็นขับเคลื่อนปี 2567 + 2 ประเด็นใหม่ปี 2568 รวม 16 ประเด็น 1. ประเด็นการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนท้องถิ่นโดย : เครือข่ายจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนท้องถิ่น

    2. ประเด็นการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย “บ้านพอเพียง”โดย : เครือข่ายพัฒนาที่อยู่อาศัยจังหวัดนครศรีธรธรรมราช

    3. ประเด็นการป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ในสถานศึกษาโดย : เครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดนครศรีธรรมราช

    4. ประเด็นการส่งเสริมการศึกษาบนฐานชุมชนโดย : เครือข่ายการศึกษาบนฐานชุมชน

    5. ประเด็นการจัดสวัสดิการชุมชนโดย : เครือข่ายสวัสดิการชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช

    6. ประเด็นการสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัย “บ้านมั่นคง”โดย : เครือข่ายพัฒนาที่อยู่อาศัยจังหวัดนครศรีธรธรรมราช

    7. ประเด็นความเข้มแข็งขององค์กรชุมชนโดย : เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช

    8. ประเด็นการทำการประมงอย่างยั่งยืนโดย : สมาคมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดนดรศรีธรรมราช

    9. ประเด็นผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อม (คุณแม่วัยใส)โดย : สหทัยมูลนิธิ สำนักงานภาคใต้

    10. ประเด็นสุขภาวะทางเพศของเยาวชนโดย : มูลนิธิรักษ์ไทย

    11. ประเด็นการป้องกันการใช้สารเสพติดของเด็กในสถานศึกษาโดย : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชนนครศรีธรรมราช

    12. ประเด็นบุหรี่ไฟฟ้ากับเด็กและเยาวชนในจังหวัดนครศรีฯโดย : เครือข่ายยุวทัศน์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ

    13. ประเด็นนวัตกรรมยางก้อนถ้วยช่วยลดหนี้มีเงินออมโดย : สหกรณ์การเกษตรจุฬาภรณ์พัฒนา

    14. ประเด็นเกษตรกรรุ่นใหม่เพื่อเกษตรกรรมยั่งยืนโดย : กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่จังหวัดนครศรีธรรมราช

    + 2 ประเด็นเพิ่มเติมคือ

    1. ประเด็นท่องเที่ยวชุมชน

    2. ประเด็นแก้ไขปัญหาที่ดิน

    #ทบทวนผลงานผ่านคำถามสำคัญ

    4 ข้อเครือข่ายได้รวมกันทบทวนผลการขับเคลื่อนที่ผ่านมา โดยใช้คำถามสำคัญ 4 ข้อเป็นแกนหลักในการพิจารณา ได้แก่:

    1. ปัญหาขอบเขตการดำเนินงาน – ทำได้ไม่มาก ยังทำไม่ได้ และยังไม่ครอบคลุม

    2. ปัญหาสถานะทางราชการ – ไม่มีสถานะที่ชัดเจนในการดำเนินงาน

    3. ความต้องการนโยบายสนับสนุน – ขาดนโยบายที่สนับสนุนการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน

    4. การหาแนวทางขับเคลื่อนต่อไป- ข้อเสนอหลักสำหรับการพิจารณาและกำหนดทิศทางในอนาคต#ข้อเสนอหลัก: ขอตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-ประชาชนจากการประชุมครั้งนี้ สมัชชาคนคอนฯ มีข้อเสนอหลักต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช คือ ขอให้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างเสริมสุขภาพในจังหวัดนครศรีธรรมราชคณะกรรมการที่เสนอนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกลไกการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนอย่างเป็นระบบ และเป็นทางการ เพื่อให้การขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้นสมัชชาคนคอนครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของการรวมตัวของภาคประชาชนคนคอน ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเป็นหลัก

  • ยกระดับโรงเรียนนำร่อง “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง” สู่โมเดล งานปกป้องเด็ก-เยาวชน เมืองคอน

    ยกระดับโรงเรียนนำร่อง “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง” สู่โมเดล งานปกป้องเด็ก-เยาวชน เมืองคอน

    ยกระดับโรงเรียนนำร่อง “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง” สู่โมเดล งานปกป้องเด็ก-เยาวชน เมืองคอน วันที่ 4 กันยายน 2568 ณ. ห้องประชุม โรงเรียนวัดเขาขุนพนม ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หรือ สช. ร่วมกับแกนนำเครือข่ายนักสานพลังสร้างสุขภาวะ ( คนส.) รุ่น 3 ภาคใต้ จัดเวทีประชุมเชิงปฎิบัติการ เสริมสร้างการประเมินผลเพื่อการพัฒนา กรณีศึกษาการขับเคลื่อนธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย จังหวัดนครศรีธรรมราช ในกลุ่มเป้าหมาย 5 โรงเรียนนำร่องที่ประกาศขับเคลื่อนธรรมนูญโรงเรียนปลอดปัจจัยเสี่ยงเมื่อต้นปี 2568 ประกอบด้วยโรงเรียนวัดเขาขุนพนม / โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 / โรงเรียนอัลมูวาห์ฮิดีน / โรงเรียนอินทร์ธานี และโรงเรียนร่อนพิบูลย์เกียรติวสุนธราภิวัฒก์ รวมถึงมีองค์กรร่วมขับเคลื่อนการปกป้องเด็กเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยง 25 องค์กรในจังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมแลกเปลี่ยนและเสนอแนะข้อมูลหลังจากร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การขับเคลื่อนธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย ป้องกันปัจจัยเสี่ยง เหล้า – บุหรี่ – บุหรี่ไฟฟ้า – น้ำกระท่อม – สารเสพติด – การพนันออนไลน์ – อุบัติเหตุ และ อนามัยเจริญพันธ์ ในเด็กและเยาวชนจังหวันนครศรีธรรมราช นายองอาจ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบนและนายกสมาคมเพื่อนเยาวชน และพัฒนาสังคมภาคใต้ตอนบน ในฐานะองค์กรผู้จุดประกายและประสานขับเคลื่อน ธรรมนูญโรงเรียนปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า ในปี2566-2567 ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจข้อมูลพฤติกรรมการดื่ม/สูบ พบว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชประชากรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้อยละ 20.9 และสูบบุหรี่ 25.6% ติดอันดับต้นๆของประเทศและทางศึกษาธิการจังหวัดร่วมกับเครือข่ายงดเหล้าจังหวัดนครศรีธรรมราชสำรวจ 63โรงเรียนในกลุ่มนักเรียนอายุ13-15ปีใน18อำเภอจำนวน 1,800 กว่าตัวอย่างพบว่า นักเรียนม.ต้นเคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึง 38.2 % ดื่มจนเมาและครองสติไม่ได้ 10.3% ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลเยาวชนเป็นโรคทางเพศสัมพันธ์สูงโดยเฉพาะ HIV จึงเป็นที่มาของการจับมือ 25 องค์กรร่วมลงนามปกป้องเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงรวมถึงมีการขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่องในหลากหลายรูปแบบเช่น การทำหลักสูตรให้ความรู้ในโรงเรียน การบันทึกลงร่วมร่วมกับผู้นำชุมชนและผู้ประกอบการรอบโรงเรียน เป็นต้น โดยใช้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางและใช้ชุมชนเป็นสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการปกป้องนักเรียน ในปี 2568 ทางเครือข่ายจึงสำรวจกลุ่มตัวอย่างนักเรียนเพื่อคัดกรองพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงใน 5 โรงเรียนที่ขับเคลื่อนเข้มข้นภายใต้เครื่องธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยง ในกลุ่มอายุเดิมพบว่านักเรียนที่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 8.4% และเคยสูบบุหรี่ 11.9% ซึ่งมั่นใจว่าจะลดจำนวนนักดื่มและนักสูบหน้าใหม่ได้แน่นอน ช่วงท้ายเครือข่ายนักสานพลังสุขภาวะได้สรุปการขับเคลื่อนที่สำคัญที่ควรดำเนินการต่อ 1. การพัฒนาระบบการประเมินผล- ใช้แนวคิด Development Evaluation เป็นเครื่องมือหลักในการประเมินผลการขับเคลื่อนธรรมนูญสถานศึกษา- สร้างกลไกการติดตาม ประเมินผล และปรับปรุงแผนงานอย่างต่อเนื่อง2. การขยายผลและการเชื่อมโยงเครือข่าย- ขยายผลจาก 5 โรงเรียนนำร่องไปสู่โรงเรียนอื่นๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช- เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเคลื่อนข่าย 25 องค์กรร่วมขับเคลื่อน 3. การพัฒนาขีดความสามารถ- เสริมสร้างทักษะการประเมินเพื่อการพัฒนาให้แก่บุคลากรและเครือข่าย- พัฒนาเครื่องมือและแนวทางการประเมินที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่4. การขับเคลื่อนเชิงนโยบาย- ยกระดับการขับเคลื่อนจากพื้นที่รูปธรรมสู่การขับเคลื่อนเชิงนโยบาย- เชื่อมโยงการทำงานในระดับจังหวัด ภูมิภาค และประเทศ5. การลดปัจจัยเสี่ยงอย่างยั่งยืน- ใช้ข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมเด็กกลุ่มเสี่ยงเป็นฐานในการวางแผนและปรับกลยุทธ์- สร้างกลไกการป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะยาว 6. การสร้างการมีส่วนร่วม- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนธรรมนูญสถานศึกษา- พัฒนากลไกการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจทั้งนี้ทิศทาง การขับเคลื่อนโรงเรียนต้นแบบจะเสนอเป็นโมเดล ในสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อยกระดับสู่นโยบายสาธารณะและขยายผลสู่เครือข่ายในโรงเรียนและจังหวัดอื่นๆต่อไป

  • เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน ขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลง MOU “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง”

    เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน ขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลง MOU “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง”

    เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบนชวน 12 หน่วยงาน 19 โรงเรียน  สร้างความร่วมมือ ผนึกกำลังเป็นเครือข่ายโรงเรียนสกัดการเข้าถึงปัจจัยเสี่ยงภาคใต้ตอนบน เพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงและขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลง MOU “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง” ซึ่งมีวัตถุประสงค์คือการกำหนดให้เรื่องสุขภาวะในโรงเรียน สถานศึกษา เป็นนโยบายและยุทธศาสตร์สำคัญของทุกองค์กรความร่วมมือร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง เป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไข ปัญหา ปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า น้ำกระท่อม สารเสพติด การพนันออนไลน์ อุบัติเหตุทางถนน และ อนามัยเจริญพันธุ์ในเด็กเยาวชน รวมถึงปฏิบัติการใน พื้นที่ 19 โรงเรียน 17 อำเภอ ของ  7 จังหวัด ภาคีเครือข่ายในเขตพื้นที่ 12 หน่วยงาน อาทิ  คณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขต 11 (กขป. 11) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 11 (สปสช. เขต 11) แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี มูลนิธิรักษ์ไทยเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมาคมเพื่อนเยาวชนและพัฒนาสังคมภาคใต้ตอนบน และสถานศึกษาในเขต 11 จำนวน 19 แห่ง เพื่อยกระดับโรงเรียนต้นแบบ ร่วมกับหน่วยงานภาคีที่ให้ความร่วมมือสู่ความเป็นเครือข่ายระดับภาคณ ห้องประชุมสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี

    นายองอาจ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน  อายุเฉลี่ยในการเริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเยาวชนลดลงเหลือเพียง 13-15 ปี (ข้อมูลจากแบบสำรวจพฤติกรรม 63 โรงเรียนในจ.นครศรีธรรมราช)  ขณะที่การเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษา รวมถึงการพนันออนไลน์เพราะเข้าถึงได้ง่ายจากสมาร์ทโฟน รวมไปถึงปัจจุบันได้มีการแก้ไขพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และพ.ร.บ.การพนันฉบับแก้ไขเพิ่มเติม นโยบายเหล่านี้ที่อ้างว่าเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจนั้น ส่วนตัวกลับมองว่าเป็น นโยบายที่ส่งเสริมให้เกิด “เสรีปัจจัยเสี่ยง” เราจึงต้องร่วมกันป้องกัน และแก้ไข ปัญหา ปัจจัยเสี่ยงให้กับเด็กและเยาวชน

    นายสมเกียรติ พิทักษ์กมลพร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะภาคใต้ ได้กล่าวถึงความสำคัญที่ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องดูแลเด็กและเยาวชนให้เกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพในขณะที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับการเป็นสังคมสูงวัย ตลอดจนความสำคัญของการนำธรรมนูญสถานศึกษาไปใช้เพื่อร่วมกันสร้างข้อตกลงของสถานศึกษาและพื้นที่ให้มีสุขภาวะที่ดีต่อไป

    นายจุฬา จันทพราหมณ์ ผู้อำนวยการ  โรงเรียนวัดเขาขุนพนม ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โรงเรียนได้มีการทำงานขับเคลื่อนร่วมกับเครือข่ายในการประเด็นการลดปัจจัยเสี่ยงให้เด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง

    โดยต่อจากนี้มีการยกระดับการขับเคลื่อนต่อด้วยการร่วมกับโรงเรียนจำนวน 5 โรงเรียน ที่ได้ลงนามในวันนี้ ด้วยจัดทำหลักสูตรอบรมสถานศึกษาปลอดภัย เพื่อพัฒนาเนื้อหา กระบวนการ รวมถึงการออกแบบกิจกรรมเพื่อนำไปสู่การทดลองใช้จริง ขยายผลการอบรมไปยังสถานศึกษาเป้าหมาย 5  แห่ง  และพัฒนากลไกการขับเคลื่อนนโยบายในระดับสถานศึกษาตามบริบทที่แตกต่างกันเพื่อให้ทันสมัยและตอบสนองกันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง