Author: Dan Theertham

  • Mr. Pierre Andersson ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การผลักดันกฎหมายและนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    Mr. Pierre Andersson ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การผลักดันกฎหมายและนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    สคล. และ สสส. จัดประชุม Thailand and Sweden Alcohol policy and Alcohol control Law : comparative sharing. ณ ห้องประชุม 415 สสส 27 มกราคม 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดและวิธีการผลักดันนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมี Mr. Pierre Andersson จาก IOGT-NTO Movement เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่ง Mr. Pierre Andersson เป็นผู้เชี่ยวชาญและให้คำปรึกษาในการผลักดันนโยบายและกฎหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศต่างๆ นอกจากนี้มีภาคีเครือข่ายของ สสส. และ สคล. เข้าร่วมประชุมด้วย

              ทั้งนี้ในที่ประชุมได้พูดคุยประเด็นต่างๆ เช่น เป้าหมายของกฎหมายของสวีเดนคือ (1) ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมองว่าการดื่มในมุมมองมหภาค ไม่ใช่เรื่องบุคคล จึงพยายามการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง (2) การจำกัดการค้า กำไรจากร้านค้าและ (3) ควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยรัฐบาลเป็นผู้ผูกขายการขายแอลกอฮอล์ด้วย monopoly  

              รัฐบาลพยาบาลควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ ค.ศ. 1905 โดยเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากกว่า 3.5 ดีกรีต้องขายที่ร้านของรัฐบาล แ และจำกัดเวลาขาย คือไม่ขายตอนเย็น และไม่ขายวันอาทิตย์ เหตุผลที่จำกัดการขายเพราะว่ามีการเคลื่อนไหวตั้งแต่ 1879 ของภาคประชาสังคมที่พยายามเรียกร้องให้มีการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะว่าในอดีตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิดปัญหาสังคมมาก จึงมีการเรียกร้องเช่น เรียกร้องผ่านสิทธิของแรงงานและ IGGT ซึ่งทำงานด้านการเคลื่อนไหวประเด็นเรื่องสุขภาพ การเรียกร้องนี้ได้ทำภาคประชาสังคมได้ร้องเรียนรู้ระบบประชาธิปไตยและแกนนำในการเรียกร้องได้รับคัดเลือกให้เป็นนักการเมืองท้องถิ่น

              นอกจากนี้ในร้านสะดวกของเอกชนก็ถูกจำกัดเรื่องราคา โปรโมชั่น ฯลฯ ปัจจุบันการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงพาณิชย์ (เปลี่ยนจากกระทรวงสาธารณะ) ซึ่งเป็นความเสี่ยงว่า ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยมุ่งเน้นประเด็นทางการค้ามากขึ้น

              ทั้งนี้พบว่า ประชาชน 76% ให้การสนับสนุนการผูกขาดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของรัฐบาล เพราะมีผลการศึกษาว่า มาตรการนี้ช่วยปกป้องคนตาย 1,400 คน/ปี ลดอุบัติเหตุจากเมาแล้วขับได้ 8,000 เคส/ปี และลดการทะเลาะวิวาทได้ 29,000 เคส/ปี

              การประสบผลสำเร็จจากการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอออล์ เกิดจาก (1) รัฐบาลผูกขาด (2) การใช้ระบบใบอนุญาติในการขาย (3) จำกัดเวลาขาย (4) เข้มงวดกับการขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีในร้านอาหาร และ 20 ปีในร้านค้า โดยเด็กที่ซื้อไม่มีความผิดแต่ผู้ขายมีความผิด

    ในสวีเดนและฟินแลนด์ภาษีของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะสูงกว่าประเทศยุโรปอื่นๆ ประมาณ 50% โดย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 700 ml จะเสียภาษีประมาณ 13% ซึ่งทำให้คนสวีเดนและฟินแลนด์บางส่วนนั่งเรือข้ามไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศอื่นโดยเฉพาะในประเทศเยอรมัน

              ด้านการตลาด ประเทศสวีเดนห้ามไม่มีการกโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทีวีและวิทยุ, ในร้านค้า moderate จะห้ามโฆษณาใน ad ของภาพยนตร์ และ billboards, โดยทำได้เฉพาะในสื่อสิ่งพิมพ์ที่แสดงสินค้าและบอกว่าผลิตจากอะไร อย่างไรก็ตามการเข้าร่วมเป็นสมาชิก EU ทำให้มาตรการต่างผ่อนปรนไปมาก แต่ก่อนจะห้ามโฆษณาเด็ดขาด นอกจากนี้มีความท้าทายจาก social media ที่ควบคุมยาก และมักไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงมีการโฆษณาข้ามชาติ และมี influencer ที่เป็นชาวต่างชาติและสื่อต่างชาติ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา

              OECD รายงานว่า การดำเนินการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในโรงเรียนและสถานประกอบการ ยังน้อยอยู่ซึ่งควรเพิ่มการดำเนินรณรงค์ในสถานที่นี้ อย่างไรก็ตามปัญหาเมาแล้วขับของสวีเดนลดลงทุกปีแต่ก็ยังมีการรณรงค์อย่างเข้มงวด

              หลังจากการเข้าเป็นสมาชิก EU ในปี 1995 อัตราการดื่มของประเทศสวีเดนเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายการเป็นผู้ผลิตที่รัฐบาลผูกขาดไม่สามารถทำได้ ทำได้แต่ควบคุมการขาย อย่างไรก็ตามอัตราการดื่มในประเทศถ้าจากเครื่องดื่มที่ถูกต้องตามกฎหมายจะคงที่ แต่จากเครื่องดื่มที่ผิดกฎหมายในระยะแรกจะสูงโดยสูงที่สุดในปี 2003 จากนั้นจะคอยๆ ลดลง และเหลือน้อยในปัจจุบัน ส่วนในเกิดจากมาตรการด้านศุลกากรที่ควบคุมเข้มงวดมากขึ้น นอกจากนี้มีการสำรวจเป็นรายเดือนถึงสถานการณ์ดื่มในประเทศโดยสำรวจประชากรประมาณ 1,000 คน

              ความท้าทายของประเทศสวีเดนคือ  (1) การโฆษณาและการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ข้ามชายแดน (2) นักการเมืองบางคนไม่เห็นด้วยรัฐบาลจะผูกขาดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (3) การทำการตลาดผ่าน social media และ influencers และ (4) การเปลี่ยนนโยบายและเปลี่ยนบุคคล (government offices) ซึ่งข้าราชการรุ่นใหม่จะไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไร

  • ภาคประชาสังคม ไทย – เวียดนาม แลกเปลี่ยนแนวคิด “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา และ ปลูกพลังบวกฯ”

    ภาคประชาสังคม ไทย – เวียดนาม แลกเปลี่ยนแนวคิด “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา และ ปลูกพลังบวกฯ”

    ภาคประชาสังคม ไทย – เวียดนาม

    แลกเปลี่ยนแนวคิด “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา และ ปลูกพลังบวกฯ” จับมือเรียนรู้รณรงค์แก้ปัญหาแอลกอฮอล์ หวังปกป้องเด็กเยาวชนและสังคมให้มีความปลอดภัย

    สคล. ได้รับเชิญจาก Vietnam Non-Communicable Diseases Prevention and Control Alliance (NCDs-VN) ให้เข้าร่วมการประชุมผ่านแอพพลิเคชั่นซูม เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการควบคุมและป้องกันผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอออล์ (Experience sharing in alcohol harm prevention and control) และผลกระทบจาก NCD

    ทั้งนี้ นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ได้นำเสนอในวันที่ 22 ธันวาคม 2565 เรื่องการขับเคลื่อนงานของ สคล. และ โมเดลสามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา ซึ่งเป็นโมเดลในการขับเคลื่อนประเด็นเรื่องปัจจัยเสี่ยงของประเทศไทย ซึ่งทั้งประเทศไทยและเวียดนาม มีสถานการณ์ปัญหาแอลกอฮอล์คล้ายๆ กันโดยประเทศเวียดนามมีอัตราการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จนเทียบเท่าสถิติประเทศไทย (รายงาน World status report on Alcohol and Health, WHO) โดยการนำเสนอนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมชาวเวียดนาม ที่ซักถามถึงแนวทางการทำงานร่วมกันของภาคนโยบาย ภาควิชาการและภาคประชาสังคม โดยเฉพาะในบทบาทของภาคประชาสังคม เช่น บทบาทของ สคล. ที่ต้องเป็นปฏิบัติในพื้นที่ ด้วยการนำความรู้ต่างๆ ไปใช้เพื่อสร้างความตระหนักและสร้างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชน ขณะเดียวกัน สคล. ก็มีบทบาทในการรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งสัญญาณให้แก่ภาคนโยบายให้ปกป้องประชาชนจากผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น 

    ผู้เข้าร่วมการประชุมยังให้ความสนใจต่อการนำภาษีสุราและบุหรี่มาใช้เพื่อรณรงค์สร้างเสริมสุขภาพ และปัญหา NCD ของประเทศไทย ซึ่งเวียดนามเห็นว่าเวียดนามมีกองทุนจากภาษีบุหรี่เป็นหลัก ควรมีกองทุนที่มีขอบเขตเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพมากขึ้น คุณธีระ วัชรปราณี กล่าวว่านอกจากกองทุนจาก สสส. แล้ว ควรทำงานร่วมกับภาคอื่นๆ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีงบประมาณสนับสนุนการทำงานของภาคประชาสังคม

    นอกจากนี้ นางมาลัย  มินศรี ผู้จัดการโครงการปลูกพลังบวกเพื่อสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่) สำหรับเด็กปฐมวัย ได้นำเสนอในที่ประชุมในวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่ผ่ามมา โดยผู้เข้าร่วมประชุมวียดนามได้ให้ความชื่นชม โดยเฉพาะความร่วมมือทางนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการทำให้เกิดการขยายของโครงการจาก 4 จังหวัดต้นแบบ เป็น 35 จังหวัดและมี 1,415 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ โครงการได้เริ่มดำเนินการในปี 2559 หลังจากนี้ 3 ปีถึงประสบผลสำเร็จในการผลักดันสู่นโยบายของกระทรวงศึกษา ซึ่งคุณมาลัยกล่าวว่าเทคนิคที่สำคัญคือ การจัดทำเครื่องมือหรือคู่มือครู คู่มือของผู้บริหารสถานศึกษา คู่มือของผู้ปกครองและชุมชนให้พร้อม รวมถึงต้องจัดทำข้อมูลความสำเร็จของโครงการเพื่อนำไปเสนอต่อกระทรวงศึกษา

    นอกจากนี้ปัจจัยความสำเร็จของโครงการยังอยู่ที่การทำงานร่วมกันแบบเครือข่าย ทั้งส่วนกลางที่มีหน้าที่ผลิตชุดความรู้ ระดับจังหวัดจะมีหน้าที่ในการพัฒนาศักยภาพของครูรวมถึงติดตามและนิเทศงาน สำหรับโรงเรียนจะเป็นผู้ปฏิบัติด้วยการปรับหลักคู่มือต่างๆ ให้เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน พร้อมกับเชื่อมประสานงานผู้ปกครองและชุมชนให้มีส่วนร่วมในการปกป้องเยาวชนจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยผู้ปกครองร้อยละ 94 พึงพอใจต่อการดำเนินงานของโครงการ

    นายธีระ วัชรปราณี กล่าวเสริมว่า ความรู้เรื่องแอลกอฮอล์และบุหรี่ทำลายการเติบโตของสมองเด็กเล็ก จะทำให้ผู้กำหนดนโยบายทั้งระดับชาติและท้องถิ่นต้องใส่ใจต่อปัญหานี้แน่นอน เพราะเป็นเรื่องเชิงบวกที่ไม่มีใครไม่เห็นด้วย และการปลูกฝังตั้งแต่อายุยังน้อยทำให้เกิดภูมิคุ้มกันในระยะยาว เป็นต้น นอกจากนี้ การนำเสนอบทเรียนจากประเทศไทยที่ได้แลกเปลี่ยนดังกล่าว ทำให้ สคล. ได้เรียนรู้ในหลายๆ ประเด็น เช่น การนำงานวิจัยหรืองานวิชาการไปพัฒนาการทำโครงการ โดยเฉพาะการประเมินผลโครงการให้ถึงในระดับการสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับต่างๆ เช่น ระดับบุคคลหรือสังคม เป็นต้น  ซึ่งในการร่วมมือของเครือข่ายงดเหล้า NCDs-VN ครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการเรียนรู้กันและกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีแผนในการร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกันต่อไป
     

  • World Alcohol-Free Day VS Drink Revolution Day

    World Alcohol-Free Day VS Drink Revolution Day

    วันที่ 3 ตุลาคมของทุกปีเป็นวัน “World Alcohol-Free Day” ซึ่งบทความนี้นำเสนอที่มาของวันนี้ และตัวอย่างการจัดกิจกรรมของจังหวัดต่างๆ

    ที่มาของ World Alcohol-Free Day

    จอห์น เบิร์ด ฟินช์ (John B.Finch มีชีวิตระหว่าง 17 มีนาคม พ.ศ. 2395 – 3 ตุลาคม พ.ศ. 2430) ซึ่งเป็นนักการเมืองและนักการศึกษาชาวอเมริกัน มีผลงานที่โดดเด่นในการป้องกันและให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจแอลกอฮอล์ เพื่อรำลึกการเสียชีวิตของเขา จึงกำหนดให้วันที่ 3 ตุลาคมของทุกปีเป็นวัน World Alcohol-Free Day (นอกจากนี้อาจมีเชื่อเรียกต่างๆ เช่น Good Templar Youth Day, World Temperance Day, Drink Revolution Day)

    ทั้งนี้เชื่อว่า วันนี้จะเป็นที่ทำให้โลกมีความสุขมากขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้มีพื้นที่ที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, รวมถึงส่งเสริมทางเลือกอื่นๆ ในการดื่ม เช่น นมและเครื่องดื่มที่ดีสุขภาพ, และเป็นวันที่จะนำเสนอข้อมูลผลกระทบจากธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผลกระทบจากการดื่มแอลกอฮอล์

    ตัวอย่างการจัดกิจกรรมของจังหวัดต่างๆ

              สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เรียกวันนี้ว่า Drink Revolution Day ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า วันนี้ควรเป็นวันของการปฏิวัติการดื่ม หรือควรเปลี่ยนค่านิยมของสังคมต่อการดื่มแอลกอฮอล์ ด้วยพยายามจัดกิจกรรมเพื่อสร้างค่านิยมของการไม่ดื่ม การสร้างทางเลือกในการดื่ม เช่น ส่งเสริมให้เกิดร้านนมปลอดเหล้าเพื่อเป็นสถานที่ทำกิจกรรมของเยาวชน รวมถึงเพื่อสร้างเชื่อมั่นให้แก่คณะทำงานและสร้างความตระหนักให้แก่สังคม โดยมีตัวอย่างการทำกิจกรรมของจังหวัดต่างๆ เช่น จังหวัดขอนแก่น ตรัง และสตูล ดังนี้

    กิจกรรม Drink Revolution Day on October 3rd 2022 ตอน ตุลา ปาร์ตี้ “สนุก มันส์ สร้างสรรค์ ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์” และ การแข่งขันวอลเลย์บอล “มหานครขอนแก่นเกมส์ 2022” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1 – 2 ตุลาคม 2565 ณ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ซึ่งจัดโดยประชาคมงดเหล้าจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับกลุ่ม M-REACH ขอนแก่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้เยาวชน พร้อมกับสร้างค่านิยมใหม่ในการไม่ดื่มระหว่างที่มีการพบปะ สังสรรค์ จัดปาร์ตี้ หรือการเล่นกีฬา

              กิจกรรมส่งกำลังใจและความห่วงใย ของกลุ่มแกนนำเยาวชนจิตอาสาต้นแบบ SDN จังหวัดตรัง

    เป็นการมอบเครื่องดื่ม ขนมและกาแฟ ให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้านการปฐมพยาบาล/หน่วยฉุกเฉิน และผู้ที่มาเยี่ยมชมวัดในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง

              เทศกาล “ตุลา ปาร์ตี้ @ บาร์นม 55 สนุกได้ มันส์ได้ ไร้แอลกอฮอล์” ของกลุ่มเยาวชน YSDN SATUN ร่วมกับ สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดสตูล สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง จังหวัดสตูล โดยคัดเลือกร้านนมต้นแบบ หรือร้านนมที่ไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเห็นความสำคัญในการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้แก่เด็กและเยาวชน ซึ่งปีนี้ได้คัดเลือกร้าน “ร้านบาร์นม 55” ซึ่งมีนางสาวสุพรักษ์ สุขสวัสดิ์ เป็นเจ้าของร้าน เป็นร้านต้นแบบนำร่องร้านแรกของจังหวัดสตูล

  • คุณได้อะไร จากการงดเหล้าเข้าพรรษา

    คุณได้อะไร จากการงดเหล้าเข้าพรรษา

     

    การงดเหล้าช่วงเข้าพรรษาในช่วงที่ผ่านมา เป็นอย่างไรบ้าง?

    √ คุณสามารถลดเหล้าได้ทั้งพรรษา

    √ คุณเลิกเหล้าได้ไม่ครบพรรษา

    ไม่ว่าคุณจะงดเหล้าได้ครบพรรษาหรือไม่ แต่สิ่งที่คุณได้แล้วคือคุณได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งสำคัญที่สุดอาจไม่ใช้เป้าหมาย แต่ระหว่างทางที่คุณได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ โดยเฉพาะที่คุณได้พยายามต่อสู้กับตนเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

    คุณได้อะไรจากการงด ละ เลิกเหล้า

              √ คนส่วนใหญ่ไม่คิดจะลด ละ เลิกการดื่มเหล้า เพราะตนเองยังไม่ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น คนรอบข้างยังไม่ได้รับผลกระทบจากการดื่มของตนเอง ยังไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เป็นต้น แต่จริงๆ การดื่มเหล้าเท่ากับเป็นการสะสมผลกระทบด้านลบต่างๆ เช่น คนที่ดื่มจะรู้ว่ายิ่งดื่มเยอะ ความสามารถในการควบคุมตนเองยิ่งน้อยลง ดังนั้นลึกๆ แล้วคนที่ดื่มเหล้าต่างต้องการที่จะลด ละ เลิก แต่การต่อสู้กับตนเองเป็นเรื่องที่ยากมาก การร่วมกิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษาแม้ว่าจะไม่ใช้การลด ละ เลิกเหล้าอย่างถาวร แต่ก็ช่วยทำให้คุณคิดทบทวนมากขึ้นว่าครั้งต่อไปจะดื่มหรือไม่

              √ คนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวคุณ เช่น นอนหลับสนิทขึ้น ได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น ได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างดีขึ้น

              √ คุณได้เรียนรู้ว่า การเข้าสังคมไม่ต้องดื่มเหล้าเครื่องดื่มเสมอไป เช่น คุณสามารถดื่มน้ำอัดลมแทนได้ และถ้ามีความชัดเจนว่าจะไม่ดื่ม คนที่จะชวนคุณดื่มก็จะน้อยละ และยิ่งทำให้คุณลด ละ เลิก การดื่มเหล้าได้ง่ายขึ้น

    ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง (ไม่ว่าในครั้งนี้จะงดเหล้าได้ครบพรรษาหรือไม่) เมื่อรวมกับประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงที่งดเหล้า ทั้งหมดจะทำให้คุณมีความพยายามในครั้งต่อๆ ไป ซึ่งสำนักงานเครือข่ายงดเหล้าขอเป็นกำลังใจให้ท่านลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจริงๆ แล้วการกล้าบอกกับสังคมว่า “จะลด ละ เลิกเหล้า” ก็เป็นการแสดงความกล้าหาญของตนเองแล้ว

  • การดูแลเด็กให้เติบโตอย่างปลอดภัยและมีสุขภาวะที่ดี

    การดูแลเด็กให้เติบโตอย่างปลอดภัยและมีสุขภาวะที่ดี

    ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา Movendi ได้จัดการอบรมออนไลน์เรื่องการดูแลเด็กให้เติบโตอย่างปลอดภัยและมีสุขภาวะที่ดี โดยมีผู้เชียวชาญจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime หรือ UNODC) เป็นวิทยากร เนื้อหาการบรรยายประกอบด้วย 2 ส่วนได้แก่ (1) ทักษะที่เด็กควรได้รับการพัฒนา (2) แนวทางการดูแลเด็กโดยเฉพาะทักษะการฟัง (Listen)

    ส่วนแรกทักษะที่เด็กควรได้รับการพัฒนา : เด็กควรได้รับการพัฒนาทักษะด้านสังคมและอารมณ์เพื่อเป็นรากฐานที่ดีของชีวิต โดย UNODC เห็นว่ามี 5 ทักษะที่เด็กควรได้รับการพัฒนา ซึ่งได้แก่

    1. ทักษะการบริหารตนเอง (Self-management) โดยเด็กควรเข้าใจและสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ คิดก่อนพูดและทำสิ่งต่างๆ สามารถวางเป้าหมายและวางแผนชีวิตได้

    2. ทักษะการตระหนักรู้ในตนเอง (self-awareness) โดยเด็กควรเข้าใจอารมณ์และพฤติกรรมของตนเอง รวมถึงเข้าใจว่าสิ่งต่างๆ ส่งผลต่อตนเองอย่างไร

    3. การรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ (Responsible decision making) โดยเด็กควรมีทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ สามารถจัดลำดับความสำคัญ สามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้ด้วยตนเอง รวมถึงทราบว่าการตัดสินใจของตนเองส่งผลกระทบด้านบวกต่อผู้อื่นหรือไม่

    4. ทักษะการบริหารความเครียด (Stress management) เด็กควรได้รับการฝึกให้สามารถดูแลตนเองได้รวมถึงสามารถผ่อนคลายความเครียดได้ และสามารถจัดการตนเองได้เมื่ออยู่ในภาวะที่เครียด

    5. ทักษะการสร้างสัมพันธภาพ (Relationship skills) เด็กควรได้รับการฝึกให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในกลุมคนที่หลากหลายได้ รวมถึงมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถสื่อสารเช่นสามารถฟังและสามารถแก้ไขความขัดแย้งได้

    ส่วนที่สองแนวทางการดูแลเด็ก โดยเฉพาะทักษะการฟัง (Listen) : เป็นการประกาศเจตนาของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ว่าจะผลิตสื่อและให้การสนับสนุนผู้ปกครองและผู้ที่ดูแลเด็กในการป้องกันเด็กจากยาเสพติด ในเว็บไซต์ของ UNODC มีสื่อวิดีทัศน์และบทความให้ศึกษาเช่นเรื่องวิธีการแสดงความรัก วิธีการฟังเชิงรุก การออกแบบกิจกรรมของครอบครัว การเสริมสร้างทักษะด้านความอดทน วิธีการชื่นชมเด็ก เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม UNODC เห็นว่าทักษะการฟังเป็นขั้นตอนแรกในการเสริมสร้างให้เด็กเติบโตอย่างปลอดภัยและมีสุขภาวะที่ดี โดยในระยะยาวการฟังจะช่วยสร้างให้มีสุขภาวะที่ดีเพราะการที่เด็กได้รับการตอบสนองที่ดีจะทำให้เด็กมีความมั่นใจและมีความฉลาดทางอารมณ์สูง และเป็นการปกป้องเด็กจากการป่วยทางจิตและพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงเป็นการปกป้องเด็กจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการใช้ยาเสพติดด้วย

    หมายเหตุ : เว็บไซต์ของ UNODC https://www.unodc.org/unodc/en/listen-first/

  • 16 ปีของการรณรงค์งานสงกรานต์เชียงใหม่ ปลอดเหล้า

    16 ปีของการรณรงค์งานสงกรานต์เชียงใหม่ ปลอดเหล้า

    ประเพณีสงกรานต์ของจังหวัดเชียงใหม่ หรือป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ เป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงและเป็นเป้าหมายของการท่องเที่ยวทั้งของชาวไทยและต่างชาติ ที่เป็นเช่นนี้ส่วนหนึ่งเพราะสามารถรักษาศิลปะวัฒนธรรมได้อย่างเหนี่ยวแน่น และทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัยที่มาท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้มาจากการจัดงานสงกรานต์แบบปลอดเหล้า ซึ่งเทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ได้ร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) จัดงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ตั้งแต่ พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน

    หนังสือ “ประเพณีเทศกาลปลอดเหล้า” ได้เล่าการขับเคลื่อนงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ปลอดเหล้าว่าเริ่มจากปี 2549 โดย สคล. เข้าไปทำกิจกรรมรณรงค์ให้วัดเป็นเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยมีนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ เป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ในขณะนั้น หลังจากนั้นปี 2550 นายบุญเลิศเห็นควรให้มีการรณรงค์ประเพณีปี๋ใหม่เมือง ลดละเลิกแอลกอฮอล์ โดยให้มีการรณรงค์ในขบวนแห่ และขอความร่วมมือร้านค้างดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณรอบคูเมือง โดยเทศบาลออกประกาศเทศบาลนครเชียงใหม่เรื่อง ให้พื้นที่ประตูท่าแพเป็นพื้นที่สาธารณะและกำหนดพื้นที่เล่นน้ำปลอดภัย (Zoning) ซึ่งเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ปลอดเหล้า แม้จะมีการเปลี่ยนผู้บริหารของเทศบาลนครเชียงใหม่มาหลายรุ่นจึงถึงปัจจุบันนายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ยังคงให้การสนับสนุนการจัดงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ปลอดเหล้า

    งานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองเจียงใหม่ปลอดเหล้า ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายประการ ดังที่ นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “…ประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2560 จะกระตุ้นจิตสำนึกผู้ใช้รถใช้ถนนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ ลดการใช้ความเร็ว งดเว้นการดื่ม ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ขณะเดียวกันในปีนี้ทุกหน่วยงานได้บูรณาการความร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ประเพณีสงกรานต์เชียงใหม่เป็นประเพณีที่ปลอดภัยไร้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้แนวคิด “สุขก๋าย เย็นใจ๋ ปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์…” (นายทัศนัย บูรณุปกรณ์, อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่) นอกจากนี้สงกรานต์ปลอดเหล้ายังกลายเป็นวัฒนธรรมการเที่ยวงานสงกรานต์ของชาวเชียงใหม่ และขยายจากพื้นที่เขตเทศบาลเมืองไปสู่อำเภออื่นๆ

    “…เราได้สร้างให้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันไป ว่ามาเล่นสงกรานต์คูเมืองเชียงใหม่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าดื่มนอกจากชาวบ้านจะเดินมาบอกแล้ว ยังต้องเจอกับสายตาที่จะมองแบบแปลกๆ ในอนาคต ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้บริหารก็จะต้องดำเนินนโยบายนี้ นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติของคนเชียงใหม่…” (นายทัศนัย บูรณุปกรณ์, อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่)

    “…การดำเนินงานที่ผ่านมาส่วนตัวมองว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่เขตเทศบาล แต่อำเภออื่นๆ ก็เริ่มตื่นตัว ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลายๆ พื้นที่เริ่มเข้าใจแล้วว่าถ้าในงานมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มักจะเกิดปัญหาตามมาไม่ว่าจะเป็นเมาทะเลาะวิวาท รวมไปถึงอุบัติเหตุต่างๆ…” (นายณัฐฐ์ชูเดช วิริยะดิลกธรรม, อดีตรองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่)

    หมายเหตุ : เนื้อหามาจากหนังสือ “ประเพณีเทศกาลปลอดเหล้า” ซึ่งสามารถดาวโหลดได้ที่ https://sdnthailand.com/wp-content/uploads/2020/10/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2_c.pdf