
ช่วงฤดูหนาวในประเทศไทย ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่หลายคนรอคอย โดยเฉพาะในช่วงปลายปีถึงต้นปี อุณหภูมิจะลดลงในหลายพื้นที่ของประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างยอดดอย และภูเขาต่าง ๆ จะแน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยว ที่หลั่งไหลไปสัมผัสอากาศหนาวและชมทะเลหมอก ตามสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าในช่วงฤดูหนาวของแต่ละปี อัตราการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น เพิ่มสูงขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาอื่น
การออกไปตั้งแคมป์ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดนิยมในฤดูหนาว ภาพของกลุ่มเพื่อนและครอบครัวที่นั่งล้อมวงรอบกองไฟ พร้อมอาหารและเครื่องดื่ม เป็นภาพที่คุ้นตาในช่วงนี้ของปี จากการสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่ากว่า 65% ของผู้ที่ไปตั้งแคมป์ในฤดูหนาวมักมีการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย โดยให้เหตุผลว่าเพื่อเพิ่มความสนุกสนานและ “คลายหนาว” และสังสรรค์
นอกจากนี้ งานเทศกาลและงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ที่มักจัดขึ้นในช่วงปลายปีถึงต้นปีใหม่ อย่างเช่น งานเคาท์ดาวน์ งานปีใหม่ หรืองานวันตรุษจีน ก็มักมีการดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนหนึ่งของการสังสรรค์ ร้านอาหารและสถานบันเทิงหลายแห่งมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงฤดูหนาว และสภาพอากาศเอื้อให้เข้ากับบรรยากาศในการสังสรรค์และการจัดงาน
ความเชื่อที่ว่า “กินเหล้าแก้หนาว” ตามชุมชนหรือชาวบ้านมักจะพูดต่อกันมานั้น แพร่หลายในสังคมไทยโดยไม่ระบุข้อมูลที่ชัดเจนว่า มีการพูดครั้งแรกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานที่มีอากาศหนาวเย็นกว่าภาคอื่น ๆ คำพูดนี้กลายเป็นวลีติดปากที่หลายคนใช้เป็นเหตุผลในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เมื่ออุณหภูมิลดลง บางครอบครัวถึงขั้นมีประเพณีดื่มเหล้าขาวหรือเหล้าดองสมุนไพรในยามค่ำคืนของฤดูหนาว โดยเชื่อว่าจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและหลับสบายตลอดคืน
อากาศเย็น ดื่มเหล้าดับหนาว
ก่อนจะเข้าใจว่าทำไมความเชื่อเรื่อง “กินเหล้าแก้หนาว” จึงแพร่หลาย เราควรเข้าใจก่อนว่าร่างกายทำงานอย่างไรเมื่อเผชิญกับอากาศหนาว เมื่ออุณหภูมิภายนอกลดลง ร่างกายมนุษย์จะพยายามรักษาอุณหภูมิแกนกลางไว้ที่ประมาณ 37 องศาเซลเซียส ผ่านกลไกหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการหดตัวของหลอดเลือดที่ผิวหนัง เพื่อลดการสูญเสียความร้อนออกจากร่างกาย ทำให้เลือดถูกเก็บไว้ในอวัยวะสำคัญมากขึ้น นอกจากนี้ ร่างกายอาจเกิดอาการสั่นเพื่อสร้างความร้อนจากการเผาผลาญพลังงานของกล้ามเนื้อ
เมื่อดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นทันที ซึ่งเป็นที่มาของความเชื่อที่ว่า “กินเหล้าแก้หนาว” แต่ความรู้สึกนี้เกิดจากกลไกที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ร่างกายควรทำในสภาพอากาศหนาว
ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดใต้ผิวหนัง ทำให้เลือดไหลเวียนมาที่ผิวมากขึ้น ส่งผลให้รู้สึกร้อนตามผิวหนังชั่วขณะ แต่การขยายตัวของหลอดเลือดนี้กลับทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนเร็วขึ้น เพราะเลือดที่อุ่นจากแกนกลางร่างกายถูกนำมาไว้ใกล้ผิวมากขึ้น ความร้อนจึงถูกถ่ายเทออกสู่อากาศได้ง่ายกว่าปกติ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ให้ข้อมูลว่า “การดื่มเหล้าในหน้าหนาวอาจทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นชั่วคราว แต่ความจริงแล้วร่างกายกำลังสูญเสียความร้อนเร็วขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ (Hypothermia) ได้ โดยเฉพาะหากอยู่ในที่อากาศหนาวจัดเป็นเวลานาน”
เสี่ยงภาวะตัวเย็นเกิน อันตรายถึงชีวิต!
นาวาอากาศตรี นายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเตือนประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อคลายความหนาว โดยเน้นย้ำว่าเป็นความเชื่อผิด ๆ ที่อาจนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้
“การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดขณะอากาศหนาวเย็น หลังจากดื่มในช่วงแรกจะรู้สึกว่าร้อนวูบวาบที่ผิวหนัง หน้าแดง เนื่องจากจะเกิดในช่วงสั้น ๆ เท่านั้น อาการดังกล่าวเกิดมาจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัว ผู้ดื่มจะสูญเสียความร้อนออกจากร่างกายง่ายขึ้น” นายแพทย์บุญเรืองกล่าว
มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายสูบฉีดเลือดออกไปที่บริเวณผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการขับเหงื่อออก ส่งผลให้ความร้อนถูกระบายออกจากผิวหนังมากขึ้นโดยที่ผู้ดื่มไม่รู้ตัว นำไปสู่การลดลงของอุณหภูมิร่างกาย
ที่น่ากังวลคือ หากอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดภาวะที่ทางการแพทย์เรียกว่า “ไฮโปเทอร์เมีย” (Hypothermia) หรือภาวะตัวเย็นเกิน ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างและเก็บความร้อนได้ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะทุกส่วน
องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้ยืนยันและเผยแพร่ข้อมูลบนเว็บไซต์เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดเช่นกันว่า การดื่มเหล้าแก้หนาวเป็นความเชื่อที่เป็นผลร้ายต่อร่างกาย และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
กรมสบส. ได้แสดงความเป็นห่วงสุขภาพประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นลงเรื่อย ๆ และมีความเสี่ยงจากพฤติกรรมที่เกิดจากความเชื่อที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งพบได้ในฤดูหนาวทุกปี
แอลกอฮอล์กับการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย
จากการรวบรวมข้อมูลวิชาการพบว่า แอลกอฮอล์ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายในสภาพอากาศหนาวหลายประการ:
- รบกวนการทำงานของไฮโพทาลามัส สมองส่วนที่ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่อความหนาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- กดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ลดการรับรู้ว่าร่างกายกำลังสูญเสียความร้อน ทำให้ไม่รู้สึกหนาวแม้อุณหภูมิร่างกายจะลดลง
- ลดการสั่นของร่างกาย ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติในการสร้างความร้อน
ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลสุขภาพ กรมอนามัย แสดงให้เห็นว่าในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีรายงานผู้เสียชีวิตจากภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำเกินไปหลายราย และพบว่าส่วนหนึ่งมีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอนในคืนที่อากาศหนาวจัด
ผลกระทบต่อสุขภาพ
จากการดื่มเหล้าในอากาศหนาว
การศึกษาและข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) พบว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศหนาวอาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพหลายประการ ดังนี้
- ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ (Hypothermia) เป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป เนื่องจากมีเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและไขมันน้อยกว่า รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำได้ง่าย
- อาการคล้ายคนเมา แต่อันตรายกว่า ผู้ที่มีภาวะตัวเย็นเกินจะมีอาการคล้ายคนเมาเหล้ามาก เช่น พูดอ้อแอ้ เดินเซ สับสน งุ่มง่าม ทำให้คนรอบข้างเข้าใจผิดว่าเมาเหล้า แต่หากอุณหภูมิร่างกายลดลงเรื่อย ๆ ผู้ป่วยจะมีอาการเพ้อ ไม่รู้ตัว ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ อาจถึงขั้นถอดเสื้อผ้าออกท่ามกลางอากาศหนาวเย็น หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วร่วมกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
- ลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง และติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งในช่วงหน้าหนาวมักมีการระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอยู่แล้ว
- ร่างกายขาดน้ำ แอลกอฮอล์เป็นยาขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิได้ยากขึ้น
วิธีรับมือกับความหนาว
- สวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นเพียงพอ ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะบริเวณศีรษะ ลำคอ และหน้าอก ซึ่งเป็นอวัยวะที่ต้องให้ความอบอุ่นเป็นพิเศษ รวมถึงการสวมถุงมือและถุงเท้า การสวมใส่เสื้อผ้าหลายชั้นจะช่วยกักเก็บความร้อนได้ดีกว่าเสื้อผ้าชั้นเดียวที่หนา โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุที่เก็บความร้อนได้ดี เช่น ขนสัตว์ หรือผ้าฝ้าย
- หลีกเลี่ยงการนอนในที่ลมโกรกหรือโล่งแจ้ง และไม่ควรผิงไฟในที่อับอากาศ เพราะอาจเกิดอันตรายจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ได้
- ดื่มเครื่องดื่มอุ่นที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น ชา กาแฟ น้ำอุ่น หรือซุปร้อน จะช่วยเพิ่มอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายโดยตรง โดยไม่มีผลข้างเคียง
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ร่างกายต้องการพลังงานมากขึ้นในการสร้างความร้อนเมื่ออากาศหนาว การรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูงจะช่วยให้ร่างกายมีเชื้อเพลิงเพียงพอในการรักษาอุณหภูมิ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การเคลื่อนไหวร่างกายหรือออกกำลังกายเบา ๆ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มการสร้างความร้อนในร่างกาย
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและรักษาสมดุลของร่างกายได้ดีขึ้น
- ใช้ผ้าห่ม หรืออุปกรณ์ให้ความอบอุ่น การห่มผ้าหรือใช้อุปกรณ์ให้ความร้อนจะช่วยป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกาย
นอกจากนี้ คลีฟแลนด์คลินิก (Cleveland Clinic) ยังแนะนำให้ผู้ที่ต้องอยู่ในสภาพอากาศหนาวเป็นเวลานาน พกอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ผ้าห่มฉุกเฉิน อาหารพลังงานสูง และโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตเต็ม หากต้องเดินทางไกลหรืออยู่ในพื้นที่ห่างไกล
กินเหล้าแก้หนาวไม่ได้ผล แถมอันตราย
จากข้อมูลทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ทั้งหมด สรุปได้ว่า “กินเหล้าแก้หนาว” เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง และอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาวะชั่วคราวที่เกิดจากการขยายตัวของหลอดเลือดใต้ผิวหนัง แต่ในความเป็นจริง ร่างกายกำลังสูญเสียความร้อนเร็วขึ้น
ตามที่อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้เตือนไว้ ภาวะตัวเย็นเกินมีโอกาสเกิดได้ในคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ซึ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นหากดื่มเหล้า เนื่องจากผู้สูงอายุมีเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและไขมันน้อย และมีการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำได้ง่าย
การดูแลตัวเองในช่วงอากาศหนาวควรเน้นการป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกาย ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสม ดื่มเครื่องดื่มอุ่นที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง
องค์การอนามัยโลก (WHO) และกระทรวงสาธารณสุขต่างยืนยันตรงกันว่า เหล้าไม่ได้ช่วยสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายเหมือนที่หลายคนเชื่อ แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตได้
ท้ายที่สุด การรู้เท่าทันความเชื่อผิด ๆ และปฏิบัติตามคำแนะนำที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์จะช่วยให้เราผ่านช่วงอากาศหนาวได้อย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดี
ข้อมูลอ้างอิง
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2023). คำแนะนำการดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาว. สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th/th/site/office/view/hfmd
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2023). อันตรายจากการดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศหนาว. สืบค้นจาก https://www.thaihealth.or.th/content/53619-เตือน%20กินเหล้าดับหนาว%20เสี่ยงตัวเย็นตาย.html
- ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.). (2022). รายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย. สืบค้นจาก https://cas.or.th/publications/report
- กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2023). หมอเตือนอากาศเย็น! อย่าดื่มเหล้าดับหนาว ชี้เสี่ยงเกิด “ภาวะตัวเย็นเกิน” อันตรายถึงชีวิต. สืบค้นจาก https://hss.moph.go.th/show_topic.php?id=3286
- Cleveland Clinic. (2023). Having a Cold One Out in the Cold? 5 Safety Tips. Retrieved from https://health.clevelandclinic.org/having-a-cold-one-out-in-the-cold-5-safety-tips
- World Health Organization (WHO). (2022). Alcohol and cold weather: Myths and facts. Retrieved from https://www.who.int/europe/news-room/fact-sheets/item/alcohol-and-cold-weather-myths-and-facts
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2023). คำแนะนำการดูแลสุขภาพในช่วงหน้าหนาว. สืบค้นจาก https://anamai.moph.go.th/th/news-anamai/206299
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (2024). ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในฤดูหนาว. สืบค้นจาก https://www.tourismthailand.org/Articles/winter-destinations