ยุงลาย พาหะนำโรคใกล้ตัว

ย้อนไปในวัยเด็กสมัยประถม หลายคนคงจำได้ดีกับกิจกรรมพิเศษในช่วงหน้าฝน นั่นคือการเดินตรวจโรงเรียนเพื่อคว่ำถัง พลิกชาม และกำจัดแหล่งน้ำขังทุกแห่ง กิจกรรมเรียบง่ายแต่สำคัญนี้ กลายเป็นบทเรียนแรกที่สอนให้เราเข้าใจว่า ยุงไม่ใช่แค่แมลงตัวเล็กที่น่ารำคาญ แต่เป็นพาหะนำโรคร้ายอย่างไข้เลือดออกที่อันตรายถึงชีวิต

ช่วงเวลานั้น โรงเรียนไม่ได้หยุดแค่การป้องกันภายในรั้วเท่านั้น ยังขยายการรณรงค์ออกไปสู่ชุมชน ด้วยการเดินเปิดเสียงตามถนนหนทาง แจกแผ่นพับ และแจกทรายอะเบตให้ชาวบ้านนำไปโรยในแหล่งน้ำที่ไม่สามารถกำจัดได้ เพราะเข้าใจดีว่า ลูกศิษย์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกัน หากไม่ร่วมมือกันป้องกัน ก็ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างแท้จริง

แต่เมื่อเวลาผ่านไป กิจกรรมเหล่านี้ดูเหมือนจะค่อยๆ จางหายไปจากความสนใจของสังคม หลายคนเริ่มคิดว่าโรคจากยุงเป็นเรื่องของช่วงฤดูฝนเท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้ว ยุงมีอยู่ตลอดทั้งปี และโรคที่พวกมันนำมาก็สามารถระบาดได้ในทุกฤดูกาล

การที่เรามองว่ายุงและโรคจากยุงเป็นเรื่องของฤดูฝนเพียงอย่างเดียว อาจเป็นเพราะในช่วงนั้นยุงมีจำนวนมากและเห็นได้ชัดเจนกว่า แต่บางทีอาจทำให้เราละเลยการป้องกันในช่วงเวลาอื่น และเมื่อโรคเกิดขึ้นจริง เราก็อาจไม่ได้เตรียมพร้อมรับมืออย่างเพียงพอ การป้องกันยุงและโรคที่ติดตามมา ไม่ใช่งานเฉพาะกิจในช่วงฤดูฝน แต่เป็นความรับผิดชอบที่ต้องดำเนินต่อเนื่องตลอดทั้งปี

ยุงร้ายกว่าเสือ

ผู้เขียนเองได้คำกล่าวที่ว่า “ยุงร้ายกว่าเสือ” มานานตั้งแต่ยังเด็ก อาจฟังดูเกินจริงสำหรับหลายคน แต่เมื่อมองผ่านข้อมูลแล้วพบว่า ในอดีต ยุงมีความหายนะให้กับมนุษยชาติมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะยุงก้นปล่องที่ทำหน้าที่เป็นพาหะของโรคมาลาเรียหรือไข้จับสั่น ซึ่งเคยคร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมหาศาล จนกลายเป็นที่มาของสำนวนที่เปรียบเทียบความร้ายกาจของยุง ให้เกินกว่าเสือที่ดุร้าย องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เปิดเผยสถิติที่ในแต่ละปีมีประชากรโลกเสียชีวิตเพราะยุงมากกว่า 725,000 คน ในขณะที่การเสียชีวิตจากเสือมีไม่ถึง 10 คน ตัวเลขที่แตกต่างกันอย่างมหาศาลนี้ชี้ให้เห็นว่า อันตรายที่แท้จริงมักซ่อนตัวอยู่ในสิ่งที่ดูไม่น่าสนใจ

ความสามารถในการปรับตัวของยุงทำให้พวกมันกลายเป็นภัยคุกคามที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ต่างจากเสือที่อาศัยเฉพาะในป่าลึก ยุงสามารถอยู่ได้ทุกที่ ทั้งในเมืองใหญ่และชนบทห่างไกล ทั้งในบ้านเรือนและสถานที่สาธารณะ การป้องกันการถูกยุงกัดจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายกว่าการหลีกเลี่ยงสัตว์ป่าอันตรายอื่นๆ ความร้ายกาจจากยุงตัวเล็กๆ นี้ จึงเป็นที่มาของคำเตือนสติเราว่า บางครั้งอันตรายที่ใหญ่ที่สุด กลับมาจากสิ่งที่เล็กที่สุดและดูไม่น่าจะเป็นอันตรายจนเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า “ยุงร้ายกว่าเสือ”

โลกของยุง

ยุง หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Mosquitoes เป็นแมลงดูดเลือดชนิดหนึ่ง ที่นอกจากทำให้คันจนเป็นแผลแล้ว ยังเป็นพาหะนำโรคที่สำคัญหลายโรค ได้แก่ ไข้เลือดออก ไข้ซิกา ไข้ปวดข้อยุงลายหรือชิคุนกุนยา ไข้เหลือง ไข้มาลาเรีย ไข้สมองอักเสบ ไข้เวสต์ไนล์ โรคฟิลาเรียหรือเท้าช้าง ดังนั้น ยุงจึงเป็นแมลงที่มีความสำคัญมากทางสาธารณสุขและระบบเศรษฐกิจ

โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก โดยมีการประมาณการว่ามีผู้ติดเชื้อประมาณ 390 ล้านคนต่อปี และมีประชากร 3.9 พันล้านคนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สำหรับประเทศไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าโรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุข โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว

ยุงลาย พาหะนำโรคใกล้ตัว

ปัจจุบันพบว่าในโลกนี้มียุงประมาณ 4,000 ชนิด ส่วนในประเทศไทยมียุงประมาณ 450 ชนิด แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1) ยุงยักษ์ (Toxorhynchitinae) 2) ยุงก้นปล่อง (Anophelinae) 3) ยุงลายและยุงรำคาญ (Culicinae) ซึ่งยุงแต่ละชนิดจะมีลักษณะและพฤติกรรมไม่เหมือนกัน

ยุงลาย (Aedes aegypti) เป็นยุงพาหะหลักของโรคไข้เลือดออก มีขนาด 4-7 มิลลิเมตร สีดำ และสามารถจำแนกได้จากลายขาวดำที่ขาและมีลายรูปพิณบนหลัง ยุงตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้และเป็นตัวที่กัดคนเพื่อดูดเลือด พฤติกรรมการออกหากินที่สำคัญของยุงลาย คือ ยุงลายชอบหากินตอนกลางวัน ซึ่งแตกต่างจากยุงก้นปล่องและยุงรำคาญที่ชอบหากินตอนกลางคืน การกัดของยุงนอกจากจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง ผื่นแพ้แล้ว ยุงยังเป็นพาหะที่สำคัญของโรคหลายชนิด ในแต่ละปีทั่วโลกมีผู้ป่วยที่เกิดจากยุงจำนวนหลายล้านคนและตายหลายแสนคน

วงจรชีวิตของยุง มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง 4 ระยะ คือ ระยะไข่ (egg) ระยะลูกน้ำ (larva) ระยะตัวโม่ง (pupa) และระยะตัวเต็มวัย (adult) ระยะไข่ (egg) ระยะไข่ใช้เวลา 1-3 วันจึงฟักออกมาเป็นลูกน้ำ ในยุงบางชนิด เช่น ยุงลาย ไข่สามารถอยู่ในสภาพแห้งได้หลายเดือนจนกระทั่งเป็นปีเมื่อมีน้ำก็จะฟักออกมาเป็นลูกน้ำ แหล่งวางไข่ของยุงแต่ละชนิดแตกต่างกัน เช่น ยุงลายชอบวางไข่ติดข้างภาชนะที่มีน้ำขัง ไข่เป็นฟองเดี่ยว ยุงรำคาญชอบวางไข่ในแหล่งน้ำสกปรก ไข่เป็นแพมีหลายฟอง ระยะลูกน้ำ (larva) ลูกน้ำยุงแต่ละชนิดอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่ไม่เหมือนกัน เช่น ตามภาชนะขังน้ำต่างๆ ตามบ่อน้ำ หนอง บึง ลำธาร โพรงไม้หรือกาบใบไม้ที่อุ้มน้ำ อาหารของลูกน้ำยุง ได้แก่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในน้ำนั่นเอง เช่น แบคทีเรีย ยีสต์ สาหร่าย ลูกน้ำจะลอกคราบ 4 ครั้ง เมื่อลอกคราบครั้งสุดท้ายกลายเป็นตัวโม่ง การเจริญเติบโตในระยะลูกน้ำใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของลูกน้ำ อาหาร อุณหภูมิและความหนาแน่นของลูกน้ำด้วย ระยะตัวโม่ง (pupa) ตัวโม่งลักษณะรูปร่างคล้ายเครื่องหมายจุลภาค (,) ระยะนี้ไม่กินอาหาร เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มีท่อหายใจคู่หนึ่งที่ส่วนหัวคล้ายแตรทรัมเป็ต ระยะนี้สั้นใช้เวลาเพียง 1-3 วัน ระยะตัวเต็มวัย (adult) ลักษณะของยุงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง ซึ่งยุงแต่ละชนิดจะมีลักษณะที่สำคัญแตกต่างกัน

แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จะเจริญเติบโตได้ดีในสิ่งแวดล้อมเมืองที่มีแหล่งวางไข่หลายแห่ง การกระจายของยุงชนิดนี้จึงขึ้นอยู่กับกิจกรรมของมนุษย์เป็นหลัก แหล่งเพาะพันธุ์ที่สำคัญประกอบด้วย ภาชนะเก็บน้ำในบ้าน ได้แก่ โอ่งน้ำ ถังน้ำ แจกันดอกไม้ จานรองกระถาง วัสดุเหลือใช้ ได้แก่ ยางรถยนต์เก่า กระป๋อง ฝาขวดพลาสติก ภาชนะที่ทิ้งไว้กลางแจ้ง และตามบริเวณแหล่งน้ำธรรมชาติ โพรงไม้ ใบพืชที่กักเก็บน้ำ ยุงลายสามารถเพาะพันธุ์ในภาชนะที่มีน้ำทุกชนิด แม้ว่าจะมีความชอบเฉพาะ โดยส่วนใหญ่พบลูกน้ำยุงในภาชนะที่มีน้ำฝน การศึกษาในเอธิโอเปียแสดงให้เห็นว่า ยางรถยนต์ทิ้งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ยุงลายชื่นชอบมากที่สุด

อาหารและช่วงเวลาหากินของยุง ตัวเต็มวัยทั้งสองเพศกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่ยุงตัวเมียส่วนใหญ่จำเป็นต้องกินเลือดคนหรือสัตว์เพื่อช่วยในการเจริญของไข่ ยุงตัวผู้มักมีอายุสั้นกว่ายุงตัวเมีย โดยยุงตัวผู้มีอายุประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนยุงตัวเมียมีอายุ 1-5 เดือน อายุขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ฤดูกาล อาหาร กิจกรรมของยุง

กลไกการแพร่เชื้อไวรัสเดงกี เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน หลังจากยุงกัดคนที่ติดเชื้อ ไวรัสจะเพิ่มจำนวนในลำไส้กลางของยุงก่อนแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น รวมทั้งต่อมน้ำลาย ระยะเวลาในการบ่มเชื้อภายนอกร่างกาย (EIP) ใช้เวลาประมาณ 8-12 วัน เมื่ออุณหภูมิแวดล้อมอยู่ระหว่าง 25-28 องศาเซลเซียส

ยุงพาหะที่สำคัญและโรคที่นำมาสู่คน

  • ยุงลาย: ไข้เลือดออก ชิคุนกุนยา ไข้เหลือง ไข้ซิกา
  • ยุงเสือ: โรคฟิลาเรียหรือโรคเท้าช้าง
  • ยุงรำคาญ: โรคฟิลาเรีย ไข้สมองอักเสบ ไข้เวสต์ไนล์
  • ยุงก้นปล่อง: ไข้มาลาเรีย

โรคไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (DENV) ซึ่งเป็นสมาชิกในตระกูล Flaviviridae ไวรัสเดงกีเป็นอนุภาคขนาด 50 นาโนเมตร ประกอบด้วยโปรตีนโครงสร้าง 3 ชนิด และโปรตีนที่ไม่ใช่โครงสร้าง 7 ชนิด มีเยื่อหุ้มไขมัน และมี RNA สายเดี่ยวขนาด 10.7 กิโลเบส ไวรัสเดงกีมี 4 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3, และ DENV-4 คนหนึ่งคนสามารถติดเชื้อไวรัสเดงกีซ้ำได้หลายครั้ง การติดเชื้อครั้งแรกมักมีอาการไม่รุนแรง แต่การติดเชื้อซ้ำในครั้งต่อมามีโอกาสป่วยเป็นไข้เลือดออกได้มากขึ้น โดยเฉพาะการติดเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์ที่ 2 มักทำให้เป็นโรคไข้เลือดออกที่รุนแรงที่สุด พบครั้งแรกในทวีปเอเชีย ยุงลายบ้านเป็นพาหะหลัก มียุงลายสวนเป็นพาหะรอง นำเชื้อไวรัสเดงกีทำให้เกิดโรคไข้เลือดออก พบผู้ป่วยทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ขาดภูมิคุ้มกัน

อาการทั่วไปของการติดเชื้อไม่แสดงอาการในผู้ติดเชื้อถึง 75% ระยะฟักตัวของโรคโดยปกติ 4-7 วัน และมีอาการนาน 3-10 วัน อาการหลังจาก 2 สัปดาห์หลังการสัมผัสไม่น่าจะเกิดจากไข้เลือดออก

  • หลังจากถูกยุงลายที่มีเชื้อกัดประมาณ 5-8 วัน จะมีอาการไข้
  • มีอาการไข้สูง ติดต่อกัน 2-7 วัน
  • หน้าแดง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก ปวดเบ้าตา บางรายมีปวดท้อง อาเจียน เบื่ออาหาร
  • มีจุดแดงเล็กๆ ตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ อาจมีเลือดกำเดาไหล และเลือดออกตามไรฟัน
  • อาการทั่วไปคล้ายเป็นหวัด แต่มักไม่ไอ และไม่มีน้ำมูก

อาการรุนแรง ประมาณ 1 ใน 20 คนที่ป่วยด้วยไข้เลือดออกจะพัฒนาเป็นไข้เลือดออกรุนแรง อาการเตือนของไข้เลือดออกรุนแรงมักเกิดขึ้น 24-48 ชั่วโมงหลังจากไข้ลด ได้แก่:

  • ปวดท้องหรือปวดช่องท้อง
  • อาเจียนบ่อย
  • อาเจียนเป็นเลือดหรือมีเลือดในอุจจาระ
  • เลือดออกง่าย เช่น เลือดออกตามเหงือกหรือจมูก
  • หายใจเหนื่อย
  • ความดันโลหิตต่ำ

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หอบหืด การติดสุราเรื้อรัง ธาลัสซีเมีย หรือมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาก่อน อัตราการเกิดโรคสูงสุดพบในเด็กอายุ 5-14 ปี ตามด้วยผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาวอายุ 15-24 ปี เด็กมีการป้องกันต่อไวรัสเดงกีน้อย จึงมีความไวต่อการติดเชื้อสูง

โรคสำคัญอื่นๆ ที่ยุงเป็นพาหะ

โรคไข้ซิกา (Zika Fever) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา (Zika virus) มียุงลายและยุงอื่นเป็นพาหะนำโรค ไข้ซิกามีระยะฟักตัวเฉลี่ย 4-7 วัน อาการแสดงที่ได้พบบ่อย เช่น มีไข้ เกิดผื่นหนาตามผิวหนัง เยื่อบุตาอักเสบตาแดง ปวดข้อ ปวดหลัง อาจมีอาการอื่นๆ เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองโต อุจจาระร่วง ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงยกเว้นในหญิงตั้งครรภ์ซึ่งอาจทำให้ทารกแรกเกิดมีศีรษะเล็กผิดปกติ มีอาการทางสมองและระบบประสาท หรือมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ แต่มีความสำคัญมากขึ้นเพราะมีรายงานว่าติดต่อจากคนสู่คนได้ทางเพศสัมพันธ์และเลือด

โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือโรคชิคุนกุนยา (Chikungunya) พบครั้งแรกในทวีปแอฟริกา ในประเทศไทยมียุงลายสวนเป็นพาหะหลัก ยุงลายบ้านเป็นพาหะรอง เชื้อจากแม่ยุงส่งต่อไปยังลูกรุ่นต่อไปได้ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลัน มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกายและอาจมีอาการคันร่วมด้วย พบตาแดง ส่วนใหญ่แล้ว ในเด็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าในผู้ใหญ่ ในผู้ใหญ่ อาการที่เด่นชัดคืออาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบข้ออักเสบ ส่วนใหญ่จะเป็นที่ข้อเล็กๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการปวดข้อจะพบได้หลายๆ ข้อ เปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ อาการจะรุนแรงมาก จนบางครั้งขยับข้อไม่ได้ อาการจะหายภายใน 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อเกิดขึ้นได้อีก ภายใน 2-3 สัปดาห์ และบางรายอาการปวดข้อจะอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี

โรคไข้มาลาเรีย (Malaria) เกิดจากเชื้อพลาสโมเดียม 4 ชนิด ได้แก่ Plasmodium falciparumP.malariaeP.vivax และ P.ovale มียุงก้นปล่องเป็นพาหะสำคัญ อาการของโรคคือ ระยะ 2-3 วันแรกจะเป็นไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เพลีย เบื่ออาหาร หลังจากนั้นจะจับไข้แบบเป็นเวลา แบ่งเป็น 3 ระยะคือ ระยะหนาว จะหนาวสั่นประมาณ 15-20 นาที อุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงขึ้น ผิวหนังเย็นซีด คลื่นไส้อาเจียน จากนั้นจะเข้าสู่ระยะร้อน อุณหภูมิร่างกายจะสูงถึง 39-40 องศาเซลเซียส ชีพจรเต้นแรง ความดันโลหิตสูง หน้าและผิวหนังจะแดงและแห้ง คลื่นไส้อาเจียน กระหายน้ำ บางคนมีอาการกระสับกระส่าย หรือไม่มีสติ หลังจากนั้นจะเป็นระยะเหงื่อออก กินเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยอุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็ว ความดันกลับเป็นปกติอีกครั้ง แล้วจะจับไข้อีกตามวงจรเดิม

โรคไข้สมองอักเสบ เจอี (Japanese Encephalitis JE) เกิดจากเชื้อ Japanese encephalitis virus โดยมียุงรำคาญ Culex spp. เป็นพาหะ และมีสุกรเป็นรังโรคที่สำคัญ อาการจะเริ่มด้วยมีไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ต่อไปอาการปวดศีรษะจะมากขึ้น มีอาการอาเจียน ง่วงซึมจนไม่รู้สึกตัว บางรายอาจมีอาการเกร็งชักกระตุกด้วย ระยะเวลาของโรคทั้งหมดประมาณ 4-7 สัปดาห์ เมื่อหายแล้วประมาณร้อยละ 60 ของผู้ป่วยจะมีความพิการเหลืออยู่ เช่น อัมพาตแบบแข็งเกร็ง มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง มีสติปัญญาเสื่อม

การรักษาและดูแลเมื่อป่วย

การประคับประคองอาการ ไม่มีการรักษาจำเพาะสำหรับโรคไข้เลือดออก การรักษาที่แนะนำ คือ การประคับประคองอาการ ควรแนะนำผู้ป่วยให้ดื่มน้ำให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงแอสไพริน (กรดอะเซติลซาลิไซลิก) ยาที่มีแอสไพรินเป็นส่วนประกอบ และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์อื่นๆ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านการแข็งตัวของเลือด

ยาลดไข้ที่แนะนำ: ควรควบคุมไข้ด้วยพาราเซตามอลและการเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น ยาที่ต้องหลีกเลี่ยง: หลีกเลี่ยงยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น แอสไพรินและไอบูโพรเฟน ซึ่งอาจทำให้เลือดออกมากขึ้น

การดูแลโภชนาการ และสมดุลน้ำในร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ ให้พักผ่อนและดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ การรักษาเน้นไปที่การประคับประคองอาการ รวมทั้งการเติมน้ำ การใช้พาราเซตามอลสำหรับจัดการไข้ และการให้เลือดหากมีเลือดออก

การเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน สำหรับผู้ป่วยที่พัฒนาเป็นไข้เลือดออกรุนแรง อาจต้องมีการสังเกตอย่างใกล้ชิดและติดตามบ่อยๆ ในหน่วยดูแลผู้ป่วยวิกฤติ ข้อควรระวังสำคัญการให้เกล็ดเลือดเพื่อป้องกันในผู้ป่วยไข้เลือดออกไม่มีประโยชน์และอาจก่อให้เกิดภาวะน้ำเกิน และการใช้คอร์ติโคสเตียรอยด์ไม่ได้แสดงประโยชน์ที่ชัดเจนและอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย จึงไม่ควรใช้

การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก

การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยเราสามารถกำจัดยุงได้หลายวิธี แต่วิธีที่ดีที่สุดคือจัดการกับแหล่งเพาะพันธุ์และกำจัดในระยะที่เป็นตัวอ่อน กรมควบคุมโรคแนะนำมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ประกอบด้วย

  1. เก็บบ้าน ให้สะอาด ไม่มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำและเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันดอกไม้ทุกสัปดาห์
  2. เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
  3. เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำต้องปิดฝามิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่

มาตรการเฉพาะ

  • จัดการแหล่งเพาะพันธุ์ เช่น ปิดภาชนะให้มิดชิดด้วยผ้าตาข่าย แผ่นคอนกรีต อลูมิเนียม หรือแผ่นโลหะ ทำความสะอาด ขัดล้างโอ่ง ระบายน้ำทิ้ง เปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 4-5 วัน
  • ใส่ซีโอไลท์หรือทรายเคลือบทีมีฟอส ปลากินลูกน้ำ/จุลินทรีย์/ตัวเหนี่ยง/มวนในภาชนะขังน้ำ
  • เปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 3-5 วัน
  • ใส่ดินปลูกต้นไม้หรือปิดไม่ให้น้ำขังในยางรถยนต์
  • ควรทำการฝังหรือเผาเศษขยะไม่ให้มีน้ำขัง

การป้องกันไม่ให้ยุงกัด

การกำจัดยุงรำคาญ เก็บขยะในแหล่งน้ำขังเพื่อจะได้ไม่เป็นแหล่งหลบซ่อนของลูกน้ำ ทำให้ทางระบายน้ำไหลสะดวกเพราะยุงรำคาญชอบเกาะพักแหล่งน้ำขังหรือน้ำนิ่ง ปรับปรุงบ้าน บริเวณบ้านให้สะอาด ปราศจากวัสดุเหลือใช้ ร่วมกิจกรรมสำรวจหรือกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบริเวณบ้านตนเองและบ้านใกล้เคียง หากทำทุกวิธีแล้วยังมียุงบินมากัดเรา ก็ต้องใช้สารเคมีทาป้องกันและสเปรย์กำจัดยุงบริเวณแหล่งเพาะพักในบ้าน

วิธีการป้องกันยุงกัด โดยการใช้ไม้ตียุงไฟฟ้ากำจัดยุง ฉีดพ่นสารกำจัดยุงแบบสเปรย์ในห้องนอน ก่อนใช้วิธีนี้ ให้คนและสัตว์ออกจากห้อง ปิดประตูและหน้าต่าง พ่นจากด้านในสุดเดินถอยหลังออกมา ปิดไว้ประมาณ 30 นาที กางมุ้งทุกครั้งที่เข้านอน หรือติดมุ้งลวดรอบห้องนอน ระมัดระวังอย่าให้ยุงกัด โดยใช้สารทาป้องกันยุงหรือเครื่องไล่ยุง ยาจุดกันยุง สวมใส่เสื้อผ้าผสมสารลดการเกาะหรือไล่ ทั้งนี้การฉีดพ่นหรือทายา ควรตรวจดูอาการแพ้และเลือกใช้ที่ไม่อันตรายต่อคน

การวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก 2 ชนิดที่ได้รับการอนุมัติ

1. Dengvaxia (CYD-TDV) เป็นวัคซีนที่ได้รับการพัฒนาโดย Sanofi Pasteur ได้รับการอนุมัติในปี 2015 และขณะนี้จดทะเบียนในประเทศต่างๆ 20 ประเทศ ลดอุบัติการณ์ของการติดเชื้อเดงกีที่มีอาการและการเข้าโรงพยาบาล แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนแตกต่างกันตามสายพันธุ์ไวรัส สถานะซีโรของผู้ป่วยที่เป็นพื้นฐาน และอายุของผู้ป่วย

2. Qdenga (TAK-003) ได้รับการอนุมัติและได้รับใบอนุญาตในบางประเทศ แต่แนะนำเฉพาะสำหรับกลุ่มอายุ 6-16 ปี ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง วัคซีน Qdenga เป็นวัคซีนที่มีชีวิตที่ลดความรุนแรงแล้ว พัฒนาต่อต้านสายพันธุ์ที่สองของไข้เลือดออก (DENV2) ซึ่งเป็นโครงสร้างทางพันธุกรรมของสายพันธุ์ที่แพร่หลายที่สุดในประเทศไทย ควรได้รับ 2 ครั้งโดยการฉีดใต้ผิวหนังที่บริเวณแขนด้านบน โดยแต่ละครั้งห่างกัน 3 เดือน (เดือนที่ 0 และเดือนที่ 3)

กรมควบคุมโรคมีคำแนะนำ และเล็งเห็นว่าวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเป็นความหวังที่สำคัญ แต่การนำวัคซีนมาใช้ในเชิงสาธารณะจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยใช้ข้อมูลความชุกของการติดเชื้อไวรัสเดงกีในประชากรไทยกลุ่มอายุต่างๆ ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ และผลกระทบเชิงงบประมาณ นอกเหนือจากการใช้วัคซีนเพื่อป้องกันโรคแล้ว กรมควบคุมโรค ขอเน้นย้ำให้ประชาชนทุกคนให้ความสำคัญกับการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายและกำจัดยุงลายตัวแก่ในครัวเรือน รวมถึงป้องกันยุงกัดอยู่เสมอ เนื่องจากวัคซีนเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในการป้องกันโรคไข้เลือดออกเท่านั้น

บทบาทของชุมชนและหน่วยงานรัฐ

กิจกรรมรณรงค์ การควบคุมโรคไข้เลือดออกอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน มีฉันทามติที่เพิ่มขึ้นในหมู่ชุมชนป้องกันโรคเดงกีว่าการแทรกแซงเพียงอย่างเดียวจะไม่เพียงพอต่อการควบคุมโรคเดงกี ดังที่กล่าวไปข้างต้นบทความที่ตอนสมัยเด็กผู้เขียนเองก็มีส่วนช่วยในการรณรงค์ป้องกัน นอกจากนี้หน่วยงาน อปท.ในท้องถิ่น ต้องจัดการยุทธศาสตร์การจัดการชุมชน ยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมที่มีประสิทธิภาพต่อโรคที่เกิดจากยุงในสภาพแวดล้อมเมืองเขตร้อน ต้องมีความพยายามจากชุมชนอย่างเข้มแข็งในการระดมสังคมและการสื่อสาร พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ที่รวมการควบคุมยุงที่เพิ่มประสิทธิภาพ วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ และการปรับปรุงการวินิจฉัยและการจัดการทางคลินิก กรณีศึกษาในประเทศคิวบา ซึ่งผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่ากลุ่มทำงานชุมชน (CWGs) ที่ส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนพื้นที่ขยะให้เป็นสวน การซ่อมแซมท่อน้ำ และการใช้ฝาครอบภาชนะน้ำ ไม่เพียงลดดัชนีพาหะเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการแพร่เชื้อไข้เลือดออกอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าโปรแกรมควบคุม A. aegypti ตามปกติ

การเฝ้าระวังโรค การเฝ้าระวังโรคเดงกีที่เพิ่มขึ้นในคลินิกหรือชุมชนเฝ้าระวัง การเฝ้าระวังโรคเดงกี แบบพาสซีฟ ผ่านระบบสุขภาพ ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยทางคลินิกสามารถให้ข้อมูลที่รวดเร็วและทันเวลาเกี่ยวกับระดับกิจกรรมโรคเดงกีที่สงสัยที่เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันทางห้องปฏิบัติการแสดงให้เห็นว่าการแพร่เชื้อไวรัสเดงกี (DENV) กำลังเกิดขึ้นและให้ข้อมูลสำหรับรูปแบบ (เวลา ขนาด และสถานที่) ของการแพร่เชื้อ การติดเชื้อไวรัสเดงกี (DENV) มักไม่แสดงอาการ ซึ่งส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อแบบเงียบๆ ที่ไม่ถูกตรวจพบหากการเฝ้าระวังจำกัดเฉพาะโรคที่ชัดเจน การวินิจฉัยทางคลินิกของโรคเดงกีอาจไม่แม่นยำ ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพของการแทรกแซงควบคุมแมลงพาหะแบบปฏิกิริยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำรายงานการเฝ้าระวังโรคทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์ เพื่อติดตามสถานการณ์โรคไข้เลือดออกอย่างต่อเนื่อง การรายงานนี้ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมได้อย่างทันท่วงที

จากบทสรุปทั้งหมดในเรื่องของยุง ถือว่าเป็นแมลงที่สร้างปัญหาทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะยุงลายที่เป็นพาหะของโรคไข้เลือดออกและโรคสำคัญอื่นๆ อีกหลายโรค การเข้าใจเกี่ยวกับวงจรชีวิตของยุง ลักษณะและพฤติกรรม แหล่งเพาะพันธุ์ รวมทั้งอาการและการรักษาโรคต่างๆ เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรค การป้องกันที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยการดำเนินการแบบบูรณาการ ตั้งแต่การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย การป้องกันไม่ให้ยุงกัด เช่น การเททรายอะเบตกำจัดลูกน้ำ ทาโลชั่นกันยุง และกับดักไข่ยุง รวมถึงการพิจารณาใช้วัคซีนป้องกันโรค

สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน จนถึงหน่วยงานภาครัฐ จะช่วยให้การควบคุมโรคไข้เลือดออกและโรคอื่นๆ ที่เกิดจากยุงนั้น มีอัตราการป่วยที่น้อยลง และลดการระบาดของยุงลาย สุดท้ายแล้ว  ยุงจะร้ายกว่าเสือ หรือไม่ แต่เมื่อเราเข้าใจและดำเนินการอย่างถูกต้อง เราสามารถป้องกันยุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ข้อมูลอ้างอิง

  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2566). แนวทางการวินิจฉัย ดูแลรักษา ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก (ฉบับย่อ) พ.ศ. 2566. กรุงเทพฯ: กรมควบคุมโรค.
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2567). มาตรการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดต่อนำโดยยุงลาย พ.ศ. 2567. กรุงเทพฯ: กรมควบคุมโรค.
  • กองระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข. (2025). สถานการณ์โรคไข้เลือดออก. รายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาประจำสัปดาห์, 33(31), 493.
  • สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย. (2567). ข้อแนะนำของกรมควบคุมโรคเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก. สืบค้นจาก https://www.pidst.or.th/A580.mobile
  • สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2559). ยุงร้ายกว่าเสือ Mosquitoes. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
  • Bangkok Hospital. (2025). Get dengue vaccination to build your immunity & save your life. สืบค้นจาก https://www.bangkokhospital.com/en/content/dengue-vaccine
  • Bumrungrad Hospital. (2023). Dengue vaccine, protecting yourself from the peak period for dengue fever. สืบค้นจาก https://www.bumrungrad.com/en/health-blog/august-2023/dengue-vaccine-protecting-peak-period
  • Centers for Disease Control and Prevention. (2024). Clinical Care of Dengue. สืบค้นจาก https://www.cdc.gov/dengue/hcp/clinical-care/index.html
  • Centers for Disease Control and Prevention. (2024). How Dengue Spreads. สืบค้นจาก https://www.cdc.gov/dengue/transmission/index.html
  • Cleveland Clinic. (2025). Dengue Fever: Causes, Symptoms & Treatment. สืบค้นจาก https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/17753-dengue-fever
  • European Centre for Disease Prevention and Control. (2023). Aedes aegypti – Factsheet for experts. สืบค้นจาก https://www.ecdc.europa.eu/en/disease-vectors/facts/mosquito-factsheets/aedes-aegypti
  • Vax-Before-Travel. (2022). QDENGA Dengue Vaccine. สืบค้นจาก https://www.vax-before-travel.com/vaccines/qdenga-dengue-vaccine
  • World Health Organization. (2024). Dengue and severe dengue. สืบค้นจาก https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/dengue-and-severe-dengue

นักสื่อสารสุขภาวะดิจิทัล และ Data Journalism