เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทดแทนแอลกอฮอล์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทรนด์การรักสุขภาพ ลดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการลดความเสี่ยงจากผลกระทบของแอลกอฮอล์ รวมถึงกระแสการรณรงค์งดเหล้าช่วงเข้าพรรษาที่มีการพูดถึงทั้งเสียดสี และการนำไปปฏิบัติทำให้เป็นที่น่าสนใจและท้าทายว่าจะทำได้หรือไม่ ความสำคัญของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ไม่เพียงจะเป็นกระแสตอบรับ นอกจากนี้เครื่องดื่มที่ลดหวาน ไม่หวาน และไม่มีไขมันก็ได้รับความนิยม เพื่อลดความเสี่ยงโรคต่าง

เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ต้องการดูแลสุขภาพและลดความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์ เช่น โรคตับ โรคหัวใจ และโรคมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้ยังช่วยลดแคลอรีและน้ำตาลที่ได้รับจากการดื่มเหล้ายาดองหรือสุรากลั่น ซึ่งมีผลดีต่อการควบคุมน้ำหนักและสุขภาพโดยรวม ในประเทศไทยการรณรงค์งดเหล้าพรรษาได้ส่งเสริมให้คนไทยหันมาเลือกดื่มเครื่องดื่มทดแทนที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น ม็อกเทลและเครื่องดื่มสมุนไพรต่าง ๆ ที่นอกจากจะปลอดภัยแล้วยังช่วยเพิ่มความสนุกสนานในงานสังสรรค์โดยไม่ต้องพึ่งแอลกอฮอล์ ลดอัตราการเมาแล้วขับที่จะเกิดอุบัติเหตุ

เหตุผลที่ควรเลือกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

การเลือกบริโภคเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ตามความหมายเลยก็คือเพื่อสุขภาพที่ดี ผลกระทบด้านสุขภาพอย่างแรก คือ การดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะหากดื่มในปริมาณมากหรือดื่มเป็นประจำ จะส่งผลกระทบต่ออวัยวะหลายส่วน เช่น สมองและระบบประสาท แอลกอฮอล์ทำให้เกิดอาการมึนเมา ง่วงนอน หมดสติ และหากดื่มบ่อยครั้งจะทำให้สมองเสื่อม ความจำลดลง บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง และอาจเกิดภาวะซึมเศร้าหรือประสาทหลอนได้, ระบบทางเดินอาหารและตับ แอลกอฮอล์ทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร และเสี่ยงต่อโรคตับแข็ง รวมถึงตับอักเสบและมะเร็งตับ, ระบบหัวใจและหลอดเลือด การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจวาย ความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดในสมองแตก, ผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หากมารดาดื่มสุราขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้ทารกมีพัฒนาการผิดปกติ น้ำหนักแรกเกิดต่ำ สมองเล็ก และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ รวมถึงอุบัติเหตุและความรุนแรง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดความสามารถในการตัดสินใจและควบคุมร่างกาย ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนและความรุนแรงในสังคมสูงขึ้น

นอกจากลดผลเสียจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว การเลือกเครื่องดื่มทดแทนที่ไม่มีแอลกอฮอล์ช่วยให้ได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น การลดแคลอรีและน้ำตาล เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่มีแคลอรีต่ำกว่าหรือไม่มีน้ำตาล ซึ่งช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงโรคอ้วน ลดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ ลดโอกาสเกิดโรคตับ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคทางเดินอาหารที่เกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์ ปลอดภัยต่อสมองและระบบประสาท ไม่มีผลกดประสาท ไม่มีอาการมึนเมา หรือเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมในระยะยาว เหมาะสำหรับกับทุกเพศทุกวัย สามารถดื่มได้ในงานสังสรรค์โดยไม่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุหรือผลเสียต่อสุขภาพ ส่งเสริมสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ที่ดี ช่วยให้สนุกสนานโดยไม่ต้องพึ่งแอลกอฮอล์ ลดความเสี่ยงปัญหาความรุนแรงและปัญหาครอบครัว

ในขณะเดียวกันเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ยังไม่มีข้อจำกัดในการขาย ซึ่งขายเหล้า-เบียร์ ยังต้องการควบคุมและมีกฎหมายควบคุมการจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด โดยมีเหตุผลเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพและสังคม เช่น ห้ามขายแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ห้ามขายในสำคัญทางศาสนา และห้ามขายทุกวันในเวลา 14.00-17.00 น. และหลัง 24.00 น. ห้ามขายแอลกอฮอล์แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และยังมีกฎหมายควบคุมการโฆษณาและส่งเสริมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อจำกัดการเข้าถึงของเยาวชนและประชาชนทั่วไป

เครื่องดื่มเสมือนทดแทนแอลกอฮอล์

สิ่งที่เป็นทางเลือกในปัจจุบัน ที่น่าจับตามองและต้องมีความเข้าใจกับเครื่องดื่มทดแทนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปัจจุบัน ที่มีการวางขายในร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าหลากหลายประเภทที่ตอบโจทย์ทั้งรสชาติ ทั้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นและความแตกต่างที่น่าสนใจ แต่เป็นดาบสองคมจะเป็นสะพานการนำพาให้ไปสู่การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือไม่ เพราะว่ารสชาติและส่วนประกอบนั้นมีความคล้ายกับการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-Alcoholic Malt Beverages) เป็นเครื่องดื่มประเภทนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาให้มีรสชาติและกลิ่นคล้ายเบียร์ แต่ไม่มีแอลกอฮอล์และบางยี่ห้อยังไม่มีน้ำตาลด้วย ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ไม่เข้าเงื่อนไขการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แถมยังชู 0.0% เป็นจุดขาย เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสชาติของเบียร์แต่ต้องการหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และแคลอรีสูง ตัวอย่างที่ได้รับความนิยม เช่น เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ที่มีรสชาติใกล้เคียงเบียร์แท้ ให้ความสดชื่นและฟองนุ่ม เครื่องดื่มกลุ่มนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศการดื่มเบียร์โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแอลกอฮอล์
  • เครื่องดื่มฮอปโซดา (Hop Soda) เป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสานฮอปส์ (Hop) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในเบียร์ เข้ากับโซดา ทำให้ได้รสชาติสดชื่น ซ่า และไม่มีน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความซ่าและกลิ่นหอมของฮอปส์โดยไม่ต้องดื่มแอลกอฮอล์
  • เครื่องดื่มชาผสมฮอปส์ (HopTea) เป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสานชาและฮอปส์เข้าด้วยกัน แล้วอัดแก๊สเพื่อให้ความรู้สึกเหมือนดื่มเบียร์ แต่ไม่มีแอลกอฮอล์ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% และผ่านกระบวนการผลิตแบบคราฟต์เบียร์โดยไม่หมักจนเกิดแอลกอฮอล์ ซึ่งช่วยให้ได้รสชาติและฟองเหมือนเบียร์จริง ๆ
  • ม็อกเทลผลไม้และสมุนไพร (Non-Alcoholic Mocktails) เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ โดยใช้ผลไม้สด สมุนไพร และน้ำผลไม้ต่าง ๆ มาผสมผสานกันเพื่อสร้างรสชาติที่สดชื่นและดีต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับงานสังสรรค์ที่ต้องการลดการบริโภคแอลกอฮอล์ เช่น ม็อกเทลสมุนไพรไทย เช่น น้ำตะไคร้ น้ำใบเตย น้ำกระเจี๊ยบ ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพ ม็อกเทลผลไม้สด เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำแตงโม ที่ช่วยเพิ่มวิตามินและความสดชื่น
  • สุราและเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-Alcoholic Spirits and Aperitifs) กลุ่มเครื่องดื่มนี้ถูกออกแบบมาให้มีรสชาติและกลิ่นใกล้เคียงกับสุราจริง เช่น วิสกี้ จิน หรือเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย แต่ไม่มีแอลกอฮอล์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดหรือเลิกดื่มสุราแต่ยังต้องการความรู้สึกและรสชาติแบบเดียวกัน ตัวอย่างที่น่าสนใจ รวมถึงในประเทศไทยที่มีความคล้ายคลึง เช่น ข้าวหมาก ที่มีความคล้ายคลึงกับกระบวนการขั้นตอนผลิตสาโท

เทรนด์เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ในต่างประเทศ

SYNERGY บริษัทวิจัยด้านการตลาด ได้วิเคราะห์ 5 เทรนด์ที่น่าจับตามองในปี 2567 ของเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ต่อผู้ผลิตในปีใหม่ พบว่า

  1. เครื่องดื่มที่ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ร้อยละ 82 ของผู้บริโภคในอเมริกาเหนือ เลือกดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดีต่อสุขภาพ และยินดีที่จะจ่ายเงิน
  2. เครื่องดื่มรสชาติที่เติมความมีชีวิตชีวาและความสดชื่น นอกจากความต้องการเครื่องดื่มที่มีรสชาติที่หอมหวานอร่อยแล้ว ผู้บริโภคต้องการเครื่องดื่มที่ให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายควบคู่ไปด้วย เนื่องจากการบริโภคเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นจะสามารถช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและวิตกกังวล โดยมะนาวคือส่วนผสมที่สำคัญในเครื่องดื่มหมวดนี้
  3. เครื่องดื่ม Plant-Based ร้อยละ 60 ของผู้บริโภคในอเมริกาเหนือ นิยมเครื่องดื่มที่ทำจากพืช (Plant-Based Beverage) โดยประเภทเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือน้ำมะพร้าว น้ำว่านหางจระเข้ น้ำกระบองเพชร และน้ำแตงโม ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นให้บริษัทมีการเปิดตัวเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากพืชตลอดทั้งปี 2566
  4. เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 0% ที่นอกเหนือจากเบียร์ ตลาดเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผู้ผลิตได้มองไปไกลกว่าการผลิตเบียร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 0% โดยมีการพัฒนาการผลิตสุราไร้แอลกอฮอล์ ไวน์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์น้อยหรือไม่มีเลย หรือที่เรียกว่า NA wine
  5. เครื่องดื่มไฮบริด (hybrid beverages) และเครื่องดื่มสปาร์คกลิ้งรสผลไม้ แนวโน้มการบริโภคในสหรัฐอเมริกา ได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยหลายด้าน เนื่องจากชาวสหรัฐฯ มีทางเลือกในการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย เพราะมีประชากรที่อยู่อาศัยจากหลายเชื้อชาติ อีกทั้ง ชาวสหรัฐฯ ชื่นชอบการสังสรรค์ตามงานเลี้ยงและเทศกาลสำคัญต่างๆ ปัจจัยเหล่านี้ ส่งผลให้ความต้องการประเภทของเครื่องดื่มมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเครื่องดื่มที่กำลังเป็นที่นิยมตามงานเลี้ยงสังสรรค์ ได้แก่ เครื่องดื่มไฮบริด (hybrid beverages) หรือเครื่องดื่มลูกผสม อย่างเช่น โค้กผสมกาเเฟ น้ำอัดลมผสมกับน้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลมผสมกับชา เป็นต้น

ไม่ดื่มเหล้า แล้วดื่มอะไร

การเลือกและดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทดแทนแอลกอฮอล์อย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งในเรื่องสุขภาพและความสนุกสนานในงานสังสรรค์ โดยมีแนวทางสำคัญดังนี้

  • เลือกเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาลและแคลอรีต่ำ โดยน้ำตาลในเครื่องดื่มเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มและเสี่ยงโรคเบาหวาน ควรเลือกเครื่องดื่มที่ระบุว่าไม่มีน้ำตาล (Sugar-Free) หรือมีน้ำตาลต่ำ และเลือกเครื่องดื่มที่มีแคลอรีต่ำ เพื่อควบคุมน้ำหนักและสุขภาพโดยรวม และอ่านฉลากโภชนาการบนบรรจุภัณฑ์เพื่อเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสมกับเป้าหมายสุขภาพของตัวเรา
  • เลือกเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ เครื่องดื่มที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ชา สมุนไพร ผลไม้สด และฮอปส์ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เลือกเครื่องดื่มที่ไม่มีสารกันเสีย สารแต่งสี หรือสารปรุงแต่งสังเคราะห์ เพื่อป้องกันผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว การเลือกเครื่องดื่มจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ผลิตในประเทศไทยช่วยส่งเสริมเกษตรกรและเศรษฐกิจในประเทศ
  • การผสมเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มรสชาติและความสนุกสนานในงานสังสรรค์ ผสมผสานน้ำผลไม้สด สมุนไพร น้ำโซดา หรือเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ต่าง ๆ เพื่อสร้างรสชาติใหม่ ๆ ที่น่าสนใจและสดชื่น ใช้เครื่องปรุงธรรมชาติ: เช่น ใบสะระแหน่ มะนาว น้ำผึ้ง หรือขิง เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ลองจัดเสิร์ฟเครื่องดื่มในแก้วที่สวยงาม เพิ่มความรู้สึกพิเศษและบรรยากาศดีในงานสังสรรค์

เทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ทดแทนแอลกอฮอล์ในประเทศไทย สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ต้องการปรับเปลี่ยนค่านิยมจาก “การสังสรรค์ต้องมีเหล้า” เป็น “สนุกได้โดยไม่ต้องเมา” ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทดแทนที่เข้ามาในตลาดมักอยู่ภายใต้ของบริษัทเครือเดียวกันกับบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่เครื่องดื่มมอลต์ปลอดแอลกอฮอล์ ฮอปโซดา ไปจนถึงม็อกเทล น้ำดื่มที่ยี่ห้อเดียวกันกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนน้ำสมุนไพรไทย ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าตลาดมีศักยภาพและความต้องการจริง แต่ในขณะเดียวกันความคล้ายคลึงของรสชาติและรูปลักษณ์ สีของผลิตภัณฑ์ที่มีความคล้ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจเป็นดาบสองคม ที่ต้องติดตามผลกระทบระยะยาวว่า จะเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนหรือเป็นเพียงสะพานเชื่อมสู่การดื่มแอลกอฮอล์ การที่เทรนด์สุขภาพจะได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีต่อเนื่องนั้น ผู้เขียนมองว่าขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย ได้แก่ การศึกษาผู้บริโภคให้เลือกซื้ออย่างรู้เท่าทัน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย และการสร้างวัฒนธรรมการสังสรรค์ใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งแอลกอฮอล์ หากดำเนินไปได้สมดุล เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอาจเป็นกุญแจสำคัญในการลดปัญหาสาธารณสุขจากแอลกอฮอล์และสร้างสังคมไทยที่มีสุขภาพดีขึ้น


ข้อมูลอ้างอิง

  • Saengow, U., Patanavanich, R., Suriyawongpaisul, P., Aekplakorn, W., Sornpaisarn, B., Jiang, H., & Rehm, J. (2024). The effect of an annual temporary abstinence campaign on population-level alcohol consumption in Thailand: a time-series analysis of 23 years. BMJ Global Health, 9(7), สืบค้นจาก https://gh.bmj.com/content/9/7/e014428
  • Saengow, U. (2019). Drinking abstinence during a 3-month abstinence campaign in Thailand: weighted analysis of a national representative survey. BMC Public Health, 19(1), 1688.
  • Synergy Flavors. (2024). 5 Trends to Watch 2024: Non-Alcoholic Beverage. Synergy Taste. สืบค้นจาก https://www.synergytaste.com/insights/5-trends-to-watch-2024-non-alcoholic-beverage
  • Jirarattanasopha, V., Witvorapong, N., & Hanvoravongchai, P. (2019). Impact of Buddhist Lent Dry Campaign on alcohol consumption behaviour: A community level study. Health & Social Care in the Community, 27(4), 863-870.
  • Thai PBS World. (2024, September 6). Buddhist Lent: Thailand’s secret cure for alcohol addiction. สืบค้นจาก https://world.thaipbs.or.th/detail/buddhist-lent-thailands-secret-cure-for-alcohol-addiction/54325
  • Nation Thailand. (2019, April 22). Heineken launches non-alcoholic beer. สืบค้นจาก https://www.nationthailand.com/business/30365312
  • Mini Me Insights. (2019, March 12). Heineken 0.0 marks Thai debut, localises production in Singapore. สืบค้นจาก https://www.minimeinsights.com/2019/03/13/16599

นักสื่อสารสุขภาวะดิจิทัล และ Data Journalism