ศุภกิตติ์ คุณา เรียบเรียง

นม (Milk) เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากมีโปรตีนและแคลเซียมสูง นมเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีและมีกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมสูง ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง นมยังเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น วิตามินดี วิตามินบี 12 และโพแทสเซียม
เชื่อว่าทุกคนรู้จัก นม เป็นสารอาหารสำหรับทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก เด็กวัยเรียน ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ล้วนได้รับประโยชน์จากการดื่มนม โดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี เป็น “วันดื่มนมโลก” เพื่อให้คนทั่วโลกตระหนักถึงคุณค่าของนมและรณรงค์ให้บริโภคนมอย่างเหมาะสม จากข้อมูลทางโภชนาการพบว่าในน้ำนม มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย เช่น แคลเซียม ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน อีกทั้งยังมีโปรตีน ช่วยซ่อมแซมและสร้างเนื้อเยื่อ รวมถึงวิตามินต่างๆ เช่น วิตามินบี ช่วยระบบประสาทและกล้ามเนื้อ, วิตามินดี ช่วยดูดซึมแคลเซียม, ธาตุเหล็ก (ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง) และแร่ธาตุอื่นๆ ที่สำคัญ
ในบทความนี้ ผู้เขียนจะชวนมารู้จักเรื่องราวของนม ส่วนใหญ่จะเป็นนมที่เราบริโภคกันเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนมวัว เป็นนมที่นิยมบริโภคมากที่สุด แต่ก็ยังมีนมจากสัตว์ชนิดอื่นที่สามารถบริโภคได้ เช่น แพะ กระบือ และนมจากพืช เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ที่เหมาะสำหรับผู้แพ้นมวัวหรือต้องการทางเลือกสุขภาพ การดื่มนมมีประโยชน์มากมาย ไม่ได้ทำให้อ้วนเสมอไป หากเลือกดื่มนมที่เหมาะสมกับวัยและสุขภาพของตนเอง รวมถึงควบคุมปริมาณและไม่บริโภคน้ำตาลมากเกินไป
วันดื่มนมโลก
ความสำคัญของการดื่มนม ถูกกำหนดตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา โดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายนของทุกปีเป็น “วันดื่มนมโลก” หรือ World Milk Day เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วโลกเห็นความสำคัญของการดื่มนมและตระหนักถึงคุณค่าทางโภชนาการของนม
กิจกรรมในวันดื่มนมโลก จัดขึ้นหลายประเทศทั่วโลก เช่น ฟินแลนด์ สวีเดน ออสเตรเลีย อินเดีย และประเทศไทย โดยมีการให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของนม การจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคนมในโรงเรียน และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์นมใหม่ ๆ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาดื่มนมมากขึ้น สำหรับในประเทศไทย เริ่มจัดกิจกรรมวันดื่มนมโลกอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมกันรณรงค์ให้เด็กและประชาชนทั่วไปเห็นคุณค่าของนม
สถานการณ์การบริโภคนมของคนไทย
แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจอนามัยโพลเรื่อง “การดื่มนม” ปี 2567 พบว่าคนไทยดื่มนม ร้อยละ 88 แต่ส่วนใหญ่ ดื่มนมเพียง 1-2 วันต่อสัปดาห์ (ร้อยละ 44) และดื่มนม 1 แก้วต่อวัน (ร้อยละ 72) ส่วนน้อยดื่มนม 2 แก้วต่อวัน (ร้อยละ 10 ) และส่วนใหญ่เลือกดื่มนมรสจืด (ร้อยละ 50) โดยคนไทยดื่มนมเฉลี่ยเพียงคนละ 21.9 ลิตร/ปี ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย เช่น ไต้หวันดื่มนม คนละ 77.4 ลิตร/ปี ญี่ปุ่น คนละ 36.2 ลิตร/ปี สิงคโปร์ คนละ 33.3 ลิตร/ปี ฮ่องกง คนละ 26.3 ลิตร/ปี เมื่อเทียบกับประเทศตะวันตก เช่น เดนมาร์ค คนละ 51.9 ลิตร/ปี และ แคนาดา คนละ 57.2 ลิตร/ปี รวมถึงค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ดื่มนมเฉลี่ยคนละ 30.7 ลิตร/ปี
ปัญหาหลักที่ทำให้คนไทยดื่มนมน้อย ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งนมสดที่สะอาดและราคาสมเหตุสมผล ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับนม เช่น นมทำให้อ้วน หรือไม่เหมาะกับผู้ใหญ่ การแพ้นมวัวหรือภาวะไม่ทนต่อน้ำตาลแลคโตส ทั้งนี้ นมเป็นอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพของทุกคน และควรได้รับการส่งเสริมให้บริโภคอย่างเหมาะสมตามวัยและสุขภาพของแต่ละบุคคล
ประโยชน์ของนม
น้ำนม ถือเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กและวัยรุ่นที่กำลังเจริญเติบโต แม้แต่เด็กทารกก็บริโภคนมจากมารดาแต่แรกเกิด อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นในน้ำนม มีแคลเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุนในวัยสูงอายุ และมีโปรตีนคุณภาพดี ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุหลากหลาย เช่น วิตามินเอ (บำรุงสายตา), วิตามินบี (ช่วยระบบประสาทและกล้ามเนื้อ), วิตามินดี (ช่วยดูดซึมแคลเซียม), ธาตุเหล็ก (ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง), ไอโอดีน (ช่วยการทำงานของต่อมไทรอยด์) และฟอสฟอรัส (ช่วยเสริมสร้างกระดูก) นมมีไขมันดี เป็นแหล่งพลังงานและช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน ช่วยลดความเสี่ยงโรคบางชนิด เช่น ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ และมีผลดีต่อสมองและพัฒนาการของเด็ก นอกจากนี้ นมยังเหมาะกับทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้สูงอายุ โดยเด็กทารกควรได้รับนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและพัฒนาการ
นอกจากนมจากสัตว์แล้ว นมจากพืช หรือ Plant-based milk กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงหรือแพ้นมจากสัตว์ เช่น นมวัว นมแพะ และผู้ที่ต้องการลดการบริโภคไขมันจากสัตว์ หรือผู้ที่เลือกกินอาหารมังสวิรัติ นมจากพืชมีหลายชนิด เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ นมข้าว นมข้าวโอ๊ต นมพิสตาชิโอ และนมมะพร้าว โดยแต่ละชนิดล้วนมีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ที่แตกต่างกันไป โดยจุดเด่นและประโยชน์ของนมจากพืช คือ ไม่มีแลคโต ซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบในนมวัว จึงเหมาะกับผู้ที่แพ้แลคโตสหรือมีภาวะย่อยน้ำตาลแลคโตสบกพร่อง (Lactose Intolerance) ทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาการท้องอืด ท้องเสีย หรือไม่สบายท้อง นมจากพืชเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้นมวัวหรือแพ้นมแพะ รวมถึงผู้ที่เลือกกินอาหารมังสวิรัติ เพราะทำมาจากพืชทั้งหมด ไม่มีส่วนผสมของสัตว์ และยังให้สารอาหารหลากหลาย นมจากพืชหลายชนิดมีไขมันดีจากพืช ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และมีกากใยอาหารสูง ช่วยระบบขับถ่ายและบำรุงลำไส้ นมจากพืชยังมีปริมาณน้ำตาลและไขมันอิ่มตัวต่ำกว่าเมื่อเทียบกับนมวัวบางชนิด จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือดูแลสุขภาพ
ประเภทของนม
นมเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก และมีหลากหลายประเภทที่แตกต่างกันทั้งในแง่ของแหล่งที่มา วิธีการผลิต และคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งแต่ละชนิดมีข้อดีและเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละกลุ่มผู้บริโภคแตกต่างกันไป บทความนี้จะพาท่านไปรู้จักประเภทของนมต่าง ๆ รวมถึงคุณสมบัติและประโยชน์ที่สำคัญ เพื่อช่วยให้สามารถเลือกดื่มนมได้อย่างเหมาะสมและถูกต้องตามความต้องการของร่างกาย
นมโคสดแท้ (Fresh Milk) เป็นนมที่ได้จากวัวโดยตรง ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนเพื่อกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย แต่ยังคงรักษาคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติธรรมชาติไว้ได้ดี นมชนิดนี้มีรสจืด เหมาะกับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุที่ต้องการสารอาหารครบถ้วน เช่น โปรตีน แคลเซียม และวิตามินต่าง ๆ ที่ละลายในไขมัน
นมพร่องมันเนย (Non-Fat Milk หรือ Low Fat Milk) หรือนมไขมันต่ำ คือ นมที่ผ่านการแยกไขมันออกบางส่วน ทำให้มีปริมาณไขมันและพลังงานต่ำกว่านมโคสดแท้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือมีภาวะไขมันในเลือดสูง โดยนมพร่องมันเนย 1 แก้ว (240 มล.) ให้พลังงานประมาณ 120 กิโลแคลอรี มีโปรตีนและแคลเซียมใกล้เคียงกับนมโคสด
นมยูเอชที (UHT หรือ Ultra High Temperature Milk) คือ นมที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงมากที่อุณหภูมิ 135-150 องศาเซลเซียส เป็นเวลาสั้น ๆ (2-3 วินาที) เพื่อกำจัดเชื้อจุลินทรีย์เกือบทั้งหมด ทำให้นมสามารถเก็บได้นาน 6-9 เดือนโดยไม่ต้องแช่เย็น นมยูเอชทีส่วนใหญ่บรรจุในกล่องกระดาษและมีรสชาติที่อร่อยน้อยกว่านมพาสเจอร์ไรส์เล็กน้อย แต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้ดี
นมแปลงไขมัน (Filled Milk) เป็นนมพร้อมดื่มที่มีการนำไขมันชนิดอื่น เช่น น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันปาล์ม มาแทนไขมันนมเดิมบางส่วนหรือทั้งหมด จึงมีคุณสมบัติและรสชาติแตกต่างจากนมโคสดแท้ และมักใช้ในผลิตภัณฑ์นมราคาประหยัด
นมปรุงแต่งรส (Flavored Milk) เช่น นมรสช็อกโกแลต หรือนมรสสตรอว์เบอร์รี เป็นนมที่มีการเติมน้ำตาลและกลิ่นแต่งรสเพื่อเพิ่มความอร่อย แต่มีปริมาณน้ำตาลสูงกว่านมจืด จึงควรบริโภคอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต (Drinking Yoghurt and Yoghurt) เป็นนมที่ผ่านกระบวนการหมักด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ก่อพิษ ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้และระบบย่อยอาหาร อาจมีการปรุงแต่งรส กลิ่น และสีเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความน่ารับประทาน
นมข้น (Condensed Milk) นมข้นแบ่งเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ นมข้นจืด (Unsweetened Condensed Milk) หรือ นมผงขาดมันเนยที่ละลายน้ำในอัตราส่วนน้อยกว่านมสดธรรมดา หากเติมน้ำมันปาล์มเรียกว่า “นมข้นแปลงไขมันชนิดไม่หวาน” และถ้าเติมไขมันเนยเรียกว่า “นมข้นคืนรูปไม่หวาน” ซึ่งไม่เหมาะกับเด็กทารกหรือเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เพราะมีกรดไขมันจำเป็นและวิตามินบางชนิดต่ำ และอีกประเภทคือ นมข้นหวาน (Sweetened Condensed Milk) เป็นนมที่ระเหยน้ำบางส่วนออก ผสมไขมันเนยหรือน้ำมันปาล์ม และเติมน้ำตาลประมาณ 45% มีน้ำตาลสูงและโปรตีนน้อยกว่านมสดมาก จึงไม่เหมาะสำหรับเด็กทารกหรือใช้เสริมคุณค่าทางอาหาร
นมสเตอริไลซ์ (Sterilized Milk) เป็นนมที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น เหมาะสำหรับการเก็บรักษาระยะยาว แต่รสชาติและคุณค่าทางโภชนาการอาจแตกต่างจากนมสดพาสเจอร์ไรส์เล็กน้อย
นมจากสัตว์อื่น ๆ นอกจากนมวัว ยังมีนมจากสัตว์อื่น เช่น นมแพะและนมกระบือ ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับนมวัว แต่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้นมวัวบางราย เพราะมีโปรตีนและไขมันที่ย่อยง่ายกว่า
นมจากพืช (Plant-Based Milk) เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่แพ้นมวัว หรือต้องการลดการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ นมข้าว นมข้าวโอ๊ต และนมมะพร้าว ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณค่าทางโภชนาการแตกต่างกันไป เช่น นมอัลมอนด์มีไขมันต่ำและโปรตีนต่ำ นมข้าวโอ๊ตมีไฟเบอร์สูงและช่วยลดคอเลสเตอรอล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพหัวใจ
การเลือกดื่มนมที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย
นมเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ให้สารอาหารครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กก่อนวัยเรียน วัยเรียน หญิงตั้งครรภ์ วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ การเลือกดื่มนมให้เหมาะสมกับช่วงวัยและสภาพร่างกายจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เด็กก่อนวัยเรียนและเด็กวัยเรียน สำหรับเด็กที่มีอายุ 1 ขวบขึ้นไปจนถึงวัยเรียน ควรดื่มนมรสจืดวันละ 2 แก้ว โดยแต่ละแก้วมีปริมาตรประมาณ 240 มิลลิลิตร การดื่มนมในปริมาณนี้จะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง เพราะนมเป็นแหล่งสำคัญของแคลเซียมและวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น วิตามินเอ ดี อี และเค สำหรับเด็กที่มีสุขภาพดีและน้ำหนักตัวปกติ แนะนำให้ดื่มนมครบส่วน (นมเต็มมันเนย) เพราะมีไขมันและวิตามินเหล่านี้ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต แต่สำหรับเด็กที่มีภาวะโภชนาการเกินเกณฑ์ เช่น เด็กอ้วนหรือมีน้ำหนักเกิน อาจเลือกดื่มนมพร่องมันเนยเพื่อลดการรับไขมันส่วนเกินและช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้
หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร ควรดื่มนมรสจืดวันละ 2 แก้ว เพื่อให้ได้รับแคลเซียมและสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนากระดูกของทั้งแม่และทารกในครรภ์ นอกจากนี้ ควรบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมสูงเพิ่มเติม เช่น ปลาเล็กปลาน้อย 2 ช้อนโต๊ะ ผักใบเขียวเข้ม 4 ทัพพี หรือเต้าหู้แข็ง 1 แผ่น เพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงทั้งแม่และลูกในครรภ์
วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ แนะนำให้ดื่มนมรสจืดพร่องมันเนยหรือไร้ไขมันวันละ 2 แก้ว เพื่อให้ได้รับแคลเซียมและแร่ธาตุที่เพียงพอ ช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนและลดความเสี่ยงต่อการแตกหักของกระดูกในอนาคต โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคนี้
ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง ควรเลือกนมพร่องมันเนยหรือไร้ไขมัน สำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันในเลือดสูง ควรเลือกดื่มนมรสจืดพร่องมันเนยหรือนมไร้ไขมันแทนนมปรุงแต่งรส เพื่อช่วยลดปริมาณไขมันและคอเลสเตอรอลที่เข้าสู่ร่างกาย และยังคงได้รับสารอาหารที่จำเป็นจากนมอย่างครบถ้วน
การเลือกผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพนั้น เมื่อเราเลือกดื่มนมและผลิตภัณฑ์นม ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีเครื่องหมาย อย. รับรองอย่างถูกต้อง และอ่านฉลากข้อมูลโภชนาการอย่างละเอียด โดยเฉพาะเปอร์เซ็นต์ของน้ำนมโคสดแท้ในผลิตภัณฑ์ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำนมโคสดแท้สูงกว่า เพื่อให้ได้รับสารอาหารจากนมอย่างเต็มที่และมีคุณภาพมากขึ้น
นอกจากคุณค่าทางโภชนาการแล้ว นมยังเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ความสดชื่นไม่แตกต่างจากน้ำดื่ม การดื่มนมเพียง 1-2 แก้วต่อวันจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน
การจัดเก็บนมทั่วไปและวันหมดอายุ
เวลาเราไปซื้อนมที่เราดื่มทั่วไปจากห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าทั่วไปนั้น มีทั้งนมที่แช่เย็นและไม่แช่เย็น เช่น นมสด นมพาสเจอร์ไรส์ นมยูเอชที หรือนมสเตอริไลซ์ มีวิธีการจัดเก็บและวันหมดอายุที่แตกต่างกันตามชนิดและกระบวนการผลิต เพื่อรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของนมให้คงอยู่ได้นานที่สุด, สำหรับนมสดและนมพาสเจอร์ไรส์ เมื่อซื้อมาแล้วควรเก็บในตู้เย็นทันทีที่อุณหภูมิประมาณ 2-5 องศาเซลเซียส และควรบริโภคภายใน 7-10 วันนับจากวันที่บรรจุ หลีกเลี่ยงการดื่มนมจากภาชนะโดยตรงเพื่อป้องกันการปนเปื้อนและทำให้นมเสียเร็วขึ้น, นมยูเอชที (UHT Milk) เป็นนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงมากในเวลาสั้น ๆ สามารถเก็บได้นานถึง 6-9 เดือนที่อุณหภูมิปกติ (ไม่ต้องแช่เย็น) แต่ต้องเก็บในที่ร่ม หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง หลังเปิดกล่องควรเก็บในตู้เย็นและบริโภคภายใน 3-5 วัน, นมสเตอริไลซ์ ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงและเวลานาน สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็นก่อนเปิด แต่หลังเปิดแล้วควรเก็บในตู้เย็นและบริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนดบนฉลาก สำหรับนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตพร้อมดื่ม ควรเก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-5 องศาเซลเซียส และบริโภคภายในวันที่ระบุ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีจุลินทรีย์มีชีวิต
ข้อควรระวังในการเก็บนม
- หลีกเลี่ยงการเก็บนมในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือโดนแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้นมเสียเร็ว
- ไม่ควรเก็บนมในช่องประตูตู้เย็น เพราะอุณหภูมิไม่คงที่
- ควรตรวจสอบวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ก่อนซื้อและก่อนบริโภคทุกครั้ง
- หากเปิดกล่องนมแล้ว ควรเทนมออกมาในภาชนะสะอาดและเก็บในตู้เย็นทันที ไม่ควรดื่มจากกล่องโดยตรงเพื่อลดความเสี่ยงการปนเปื้อน
การปฏิบัติตามวิธีการเก็บรักษานมที่ถูกต้องจะช่วยรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของนมให้คงอยู่ได้นาน พร้อมทั้งช่วยให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและปลอดภัยต่อสุขภาพ
จะเห็นได้ว่าการดื่มนม เป็นแหล่งสารอาหารสำคัญที่ให้โปรตีน แคลเซียม และวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของทุกวัย องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) จึงกำหนดวันที่ 1 มิถุนายนเป็น “วันดื่มนมโลก” เพื่อส่งเสริมการบริโภคนมอย่างเหมาะสม แม้ในประเทศไทยการบริโภคนมยังน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ นมมีหลายประเภท ทั้งนมจากสัตว์ เช่น นมวัว นมแพะ และนมจากพืชที่เหมาะสำหรับผู้แพ้แลคโตสหรือผู้ที่ต้องการทางเลือกสุขภาพ การเลือกดื่มนมให้เหมาะสมกับวัยและสุขภาพ เช่น นมเต็มมันเนยสำหรับเด็ก และนมพร่องมันเนยสำหรับผู้สูงอายุ จะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
แม้ว่าร้านคาเฟ่นมในประเทศไทยจะเป็นช่องทางเลือกของการเข้าถึงนมมากขึ้น แต่ผู้บริโภคหลายท่านก็ยังกังวลเรื่องของปัจจัยสุขภาพอื่นๆ เช่น เรื่องอาหารที่เสริฟกับนม เรื่องการปรุงแต่ง ที่ยังเป็นตัวทำลายสุขภาพ การรณรงค์ให้เด็กไทยดื่มนมจืดที่บ้านนั้นได้รับการขอความร่วมมือให้ผู้ปกครองช่วยเตรียมนมไว้ที่บ้านสำหรับเด็ก เนื่องจากผลการสำรวจของกรมอนามัยสอดคล้องกับสวนดุสิตโพล พบว่า เด็กและวัยรุ่นจะดื่มนมมากขึ้นถ้ามีนมติดบ้าน ร่วมกับกินอาหารประเภทอื่น ๆ ให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ ทั้ง 3 มื้อ ในปริมาณสัดส่วนที่เหมาะสม ทั้งนี้การเลือกผลิตภัณฑ์นมที่มีคุณภาพและอ่านฉลากโภชนาการอย่างรอบคอบก่อนซื้อ จะช่วยให้ผู้บริโภคอย่างเราได้รับสารอาหารครบถ้วนและปลอดภัย และอย่าลืมอ่านฉลาก ดูวันหมดอายุของนมด้วยนะครับ
ข้อมูลอ้างอิง
- BDMS Wellness Clinic. (ม.ป.ป.). นมพืชแต่ละชนิดให้คุณค่าสารอาหารอย่างไรบ้าง. สืบค้นจาก https://www.bdmswellness.com/th/blog/plant-based-milk-nutrition
- Butterfly Organic. (ม.ป.ป.). รู้จัก 7 ประเภทของนม. สืบค้นจาก https://www.butterflyorganic.com/blogs/news/7-types-of-milk
- Micronware. (ม.ป.ป.). นมมีกี่ประเภทและแตกต่างกันอย่างไร?. สืบค้นจาก https://www.micronware.com/blog/types-of-milk
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2562). คำแนะนำการบริโภคนมตามวัย. สืบค้นจาก https://www.anamai.moph.go.th
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2564). ข้อมูลสุขภาพและโภชนาการเกี่ยวกับนม. สืบค้นจาก https://www.anamai.moph.go.th
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2564). สถานการณ์การบริโภคนมของคนไทย. สืบค้นจาก https://www.anamai.moph.go.th/statistics
- ศูนย์วิจัยนมและผลิตภัณฑ์นม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2564). ประเภทของนมและคุณค่าทางโภชนาการ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
- สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย. (2563). นมจากพืช: ทางเลือกเพื่อสุขภาพ. วารสารโภชนาการ (Journal of Nutrition Association of Thailand), ฉบับที่ 18 เล่มที่ 2 หน้า 45-52
- สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2564). มาดูวิธีการเก็บรักษานม. สืบค้นจาก https://www.thaihealth.or.th/มาดูวิธีการเก็บรักษานม-2
- องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.). (2564). รายงานกิจกรรมวันดื่มนมโลก. สืบค้นจาก https://alro.go.th/uploads/org/library/files/รายงานประจำปี-2564-อ_ส_ค_9.pdf
- องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO). (2544). วันดื่มนมโลก (World Milk Day). สืบค้นจาก http://www.fao.org/world-milk-day/en