
เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนนอกจากโรคฮิตหน้าฝนแล้ว เรื่องอาหารพืชพรรณที่เป็นวัตถุดิบอาหารก็มีหลากหลาย ป่าไผ่เขียวขจี และหนึ่งในที่ช่วงฤดูฝนจะเป็นฤดูกาลของเห็ดนานาชนิดที่งอกงามขึ้นตามพื้นดิน ต้นไม้ และแม้กระทั่งมูลสัตว์ ทั้งที่กินได้และอันตราย มีทั้งเห็ดที่ขึ้นอย่างสวยงาม แต่หลายคนไม่รู้ว่าในความงามนั้นแฝงไปด้วยอันตรายที่อาจคร่าชีวิตได้
การเก็บเห็ดป่ามารับประทานเป็นวิถีชีวิตที่ช่วงต้นฤดูฝน โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชาวบ้านจะออกเก็บเห็ดหลังฝนตกเพื่อนำมาปรุงอาหาร ทั้งเห็ดโคน เห็ดหูหนู เห็ดเผาะ และเห็ดอื่นๆ อีกมากมาย แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานผู้เสียชีวิตจากการบริโภคเห็ดพิษเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเห็ดที่มีชื่อเรียกว่า “เห็ดเมา” หรือที่ทราบกันดีในนาม “เห็ดขี้ควาย”
เห็ดเมา-เห็ดขี้ควาย
ส่วนใหญ่เราจะคุ้นกับคำว่าเมาในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นซะส่วนใหญ่ อาการเมาเหล้า และอาการเมาจากการวิงเวียนคลื่นไส้ เห็ดเมา มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เห็ดขี้ควาย หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Magic Mushroom ชื่อ “เห็ดเมา” หรือ “เห็ดขี้ควาย” มีที่มาจากลักษณะเป็นเห็ดพิษที่มีสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการมึนเมา เคลิบเคลิ้ม ประสาทหลอน หรือที่เรียกว่า “เมา” จึงเรียกกันว่า “เห็ดเมา” ส่วนชื่อ “เห็ดขี้ควาย” นั้นมาจากการที่เห็ดชนิดนี้พบมากที่สุด คือ กองมูลควายและวัว ซึ่งเป็นแหล่งธาตุอาหารที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการเจริญเติบโตของเห็ดเหล่านี้
เห็ดเมา หรือ เห็ดขี้ควาย เมื่อโตเต็มที่จะมีลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ชัดเจน โดยหมวกเห็ดจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6.5-8.8 เซนติเมตร ลำต้นสูงประมาณ 5.5-8.0 เซนติเมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางของก้านประมาณ 0.8-1.0 เซนติเมตร สีของเห็ดจะเป็นสีเหลืองซีดคล้ายสีฟางแห้ง ส่วนบนหัวของร่มจะมีสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ ลักษณะพิเศษที่สำคัญคือบริเวณก้านที่ใกล้จะถึงตัวร่มจะมีแผ่นเนื้อเยื่อบางๆ สีขาวแผ่ขยายออกรอบก้าน แผ่นนี้มีลักษณะคล้ายวงแหวน เห็ดขี้ควายสามารถพบได้ทั่วไปแทบทุกภาคของประเทศไทย
เห็ดเมา เป็นชื่อเรียกโดยทั่วไปของเห็ดหลากหลายสายพันธุ์ที่ผลิตสารประกอบออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทตามธรรมชาติ สิ่งที่ทำให้เห็ดขี้ควายอันตรายและผิดกฎหมายคือสารประกอบทางเคมีที่เรียกว่า Psilocybin และ Psilocin ซึ่งเป็นสารในกลุ่ม Tryptamine Alkaloids สารเหล่านี้มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกับสารสื่อประสาทในสมองชื่อ Serotonin ทำให้สามารถไปจับกับตัวรับ (Receptor) เดียวกันในสมองได้ การรบกวนระบบ Serotonin ในสมองนี้เองที่เป็นสาเหตุของอาการประสาทหลอนและความผิดปกติทางจิตประสาทต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากบริโภคเห็ดเมา
อันตรายและอาการจากการบริโภคเห็ดเมา
ตามรายงานข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า Psilocybin จัดอยู่ในประเภทวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 ซึ่งหมายความว่าเป็นสารที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดการติดและไม่มีการใช้ทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับ นอกจากนี้ ในบางรายงานยังพบสารอื่นๆ ที่มีฤทธิ์คล้าย LSD (Lysergic Acid Diethylamide) ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทที่มีความแรงสูงมาก
เมื่อร่างกายได้รับ Psilocybin เข้าไป ระบบการย่อยอาหารจะเปลี่ยนสารนี้ให้กลายเป็น Psilocin ซึ่งเป็นสารที่สามารถผ่านเข้าสู่สมองได้ง่าย Psilocin จะไปจับกับตัวรับ Serotonin โดยเฉพาะ 5-HT2A receptor ในบริเวณ Prefrontal cortex และ Visual cortex ของสมอง การรบกวนการทำงานปกติของบริเวณสมองเหล่านี้ทำให้เกิดอาการต่างๆ ที่แพทย์และนักวิทยาศาสตร์จัดแบ่งเป็นหลายกลุ่ม
อาการทางกายภาพที่เกิดขึ้นในระยะแรกหลังจากบริโภคเห็ดเมาประมาณ 30-60 นาที ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปากและลิ้นชา รู้สึกหมดแรง และอาจมีไข้เล็กน้อย อาการเหล่านี้เกิดจากการที่สารพิษไปรบกวนระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral Nervous System) และระบบการย่อยอาหาร
อาการที่น่ากลัวและอันตรายที่สุดคืออาการทางระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งจะเริ่มปรากฏขึ้นหลังจากอาการทางกายภาพประมาณ 1-2 ชั่วโมง ผู้ที่บริโภคเห็ดเมาจะมีอาการมึนเมา เคลิบเคลิ้ม ไม่สามารถควบคุมสติและการกระทำของตนเองได้ สิ่งที่อันตรายที่สุดคือการเกิดประสาทหลอน (Hallucination) ทั้งการเห็นภาพหลอน (Visual hallucination) การได้ยินเสียงหลอน (Auditory hallucination) และการรู้สึกสัมผัสหลอน (Tactile hallucination)
การบริโภคเห็ดเมาไม่ได้เป็นเพียงแค่การ “สนุก” หรือ “ลองของแปลกใหม่” เท่านั้น แต่เป็นการเสี่ยงต่อชีวิตอย่างแท้จริง โรงพยาบาลสินแพทย์ได้รายงานสถิติเกี่ยวกับผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจากการบริโภคเห็ดเมามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 15-20 หากบริโภคในปริมาณมากหรือร่วมกับแอลกอฮอล์
อันตรายเฉียบพลันที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ การหยุดหายใจ (Respiratory depression) จากการที่สารพิษไปกดการทำงานของศูนย์ควบคุมการหายใจในสมอง การเกิดชัก (Seizure) จากการรบกวนกิจกรรมไฟฟ้าในสมอง การขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรงจากการอาเจียนต่อเนื่อง และที่อันตรายที่สุดคือการเกิดอุบัติเหตุจากการที่ผู้บริโภคไม่สามารถควบคุมสติได้
ผลกระทบระยะยาวของการบริโภคเห็ดเมาที่หลายคนมักมองข้ามคือปัญหาสุขภาพจิต นักจิตเวชจากโรงพยาบาลศรีธัญญา ได้รายงานว่าผู้ที่เคยบริโภคเห็ดเมาจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคจิตเภท (Schizophrenia) สูงกว่าคนทั่วไปถึง 3-5 เท่า นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะ “Flashback” ซึ่งเป็นการกลับมามีอาการประสาทหลอนแม้ไม่ได้บริโภคสารเสพติดในขณะนั้น
สิ่งที่น่ากังวลอีกประการหนึ่งคือการเกิดภาวะติดยาเสพติด แม้ว่าการติด Psilocybin จะไม่รุนแรงเท่ากับสารเสพติดอื่นๆ เช่น เฮโรอีน หรือ เมทแอมเฟตามีน แต่ผู้ใช้จะมีแนวโน้มต้องเพิ่มขนาดการเสพเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม (Tolerance) และอาจนำไปสู่การใช้สารเสพติดชนิดอื่นที่มีอันตรายมากกว่า
เห็ดขี้ควาย เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5
ปัจจุบันในประเทศไทย เห็ดขี้ควายถูกจัดให้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศชี้แจงอย่างชัดเจนว่า การเสพ การครอบครอง การผลิต การจำหน่าย การนำเข้า หรือการส่งออกเห็ดขี้ควาย ล้วนเป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น
สำหรับผู้เสพ บทลงโทษคือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่สำหรับผู้ที่ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือครอบครองเพื่อจำหน่าย จะต้องรับโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,500,000 บาท
ที่น่าสนใจคือกฎหมายไทยไม่ได้แยกแยะระหว่างการบริโภคเห็ดเมาเพื่อความสนุกสนานกับการบริโภคโดยไม่รู้ตัว หรือการบริโภคโดยเข้าใจผิดว่าเป็นเห็ดกินได้ทั่วไป ดังนั้น ความไม่รู้หรือความเข้าใจผิดจึงไม่สามารถใช้เป็นข้อแก้ตัวทางกฎหมายได้
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เมื่อพบผู้ที่มีอาการของการเป็นพิษจากเห็ดเมา หรือเห็ดพิษชนิดอื่น อ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หัวหน้าหน่วยระบบหัวใจและหลอดเลือด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้คำแนะนำว่า ปฐมพยาบาลเบื้องต้นต้องทำให้ผู้ป่วยอาเจียนออกมามากที่สุด อาจใช้ไข่ขาวหรือใช้เกลือแกงผสมน้ำอุ่นกระตุ้นให้เกิดการอาเจียนออกมา แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์รักษาต่อไป หากเป็นไปได้ ควรนำตัวอย่างเห็ดที่บริโภคไปให้แพทย์ตรวจสอบด้วย ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์สามารถให้การรักษาที่เหมาะสมและรวดเร็วได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจคือในวงการวิจัยทางการแพทย์สากล ได้มีการศึกษาถึงประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากสาร Psilocybin ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด ในปี 2560 คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ได้ทำการวิจัยโดยทดลองใช้ Psilocybin ที่สกัดจากเห็ดกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า 19 คน ภายใต้การควบคุมทางการแพทย์อย่างเข้มงวด หลังจากให้สารสกัดนี้ 1 ครั้ง และตรวจสอบการทำงานของสมองผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังการรักษา พบว่าผู้ป่วยไม่มีอาการซึมเศร้าเหลืออยู่หลังจากผลของสารหมดไป โดยสมองบางส่วนมีการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป และสามารถคงภาวะที่ดีขึ้นนี้ไว้ได้นานถึง 5 สัปดาห์
ทั้งนี้ การวิจัยดังกล่าวเป็นการศึกษาในสภาพแวดล้อมทางการแพทย์ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนเฉพาะด้าน และไม่สามารถนำมาเป็นเหตุผลในการบริโภคเห็ดเมาด้วยตนเองได้ เนื่องจากความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นยังคงมีอยู่สูงมาก
ย้ำเตือนกันอีกครั้ง ในประเทศไทยเห็ดขี้ควายและสาร psilocybin/psilocin ถูกควบคุมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 และวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ผู้เสพอาจถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและแพ่ง หากพบว่ามีการครอบครองหรือจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต การบริโภคเห็ดเมาโดยไม่รู้จักหรือโดยตั้งใจ ล้วนมีความเสี่ยงสูง ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการเก็บเห็ดแปลกหน้าหรือเห็ดที่ไม่แน่ใจในชนิด หากสงสัยว่ามีอาการผิดปกติหลังรับประทานเห็ด ควรพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม นอกจากเห็ดเมาแล้ว ยังมีเห็ดมีพิษชนิดอื่นๆ หากเราไม่เคยเห็นหรือไม่รู้จัก สามารถสอบถามเพิ่มเตอมได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เปิดสายด่วน 1556 เพื่อให้คำปรึกษาและข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารและยา รวมทั้งการแจ้งเหตุเกี่ยวกับการพบเห็ดพิษหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่น่าสงสัย บริการนี้เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ
อ้างอิง
- คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (ม.ป.ป.). เห็ดพิษและเห็ดเมา: ความรู้เพื่อความปลอดภัย. สืบค้นจาก https://www.med.cmu.ac.th/web/news-event/news/hilight-news/2265
- กรมควบคุมโรค. (2567). ประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง การป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่เกิดในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ. 2567. สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th/doe/news.php?news=43418&deptcode=doe
- กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. (ม.ป.ป.). ข้อมูลเห็ดพิษและเห็ดเมา. สืบค้นจาก https://www3.dmsc.moph.go.th
- โรงพยาบาลสินแพทย์. (ม.ป.ป.). อันตรายจากเห็ดเมา. สืบค้นจาก https://www.synphaet.co.thอันตรายจากเห็ดเมา
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. (ม.ป.ป.). อันตรายจากเห็ดพิษและเห็ดเมา. สืบค้นจาก https://www.fda.moph.go.th/sites/food/SitePages/NewsDetail.aspx?ID=2312