ทำไมวันเลือกตั้ง ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การเลือกตั้งในประเทศไทย ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ชยพล ธานีวัฒน์ วิทยากรชำนาญการพิเศษ  สำนักกฎหมาย ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเลือกตั้งว่า การเลือกตั้งมิได้มีความสำคัญพียงแค่เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นประชาธิปไตยในสังคมนั้น ๆ แต่ยังหมายถึงการสะท้อนความคิดและความต้องการของประชาชนผ่านกระบวนการสรรหาที่ประชาชนได้เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในสังคมผ่านกระบวนการรัฐสภา

การเลือกตั้งในประเทศไทยมีหลายประเภทและขั้นตอนที่สำคัญ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทการเลือกตั้ง ได้แก่ 1. การเลือกตั้งระดับชาติ 1.1 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.): การเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนมีสิทธิลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกตัวแทนในสภาผู้แทนราษฎร โดยใช้ระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดและระบบบัญชีรายชื่อ 1.2 สมชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในรัฐธรรมนูญบางฉบับมีการระบุให้มีการเลือกตั้ง ส.ว. แต่ในปัจจุบัน (ปี 2567) ส.ว. มาจากการแต่งตั้งและการเลือกกันเองใน 3 ระดับ, 2.การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ได้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีการเลือกตั้งเพื่อเลือกผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ, นายกเมืองพัทยา มีการเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา มีสถานะพิเศษเช่นเดียวกับ กทม., และนายกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น มีการเลือกตั้งในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล (เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และสภาท้องถิ่น ก็มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น

ข้อปฏิบัติห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันเลือกตั้ง เป็นมาตรการที่มีมายาวนาน ตั้งแต่ก่อนการจัดตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องจากในอดีตมีการใช้สุราเป็นเครื่องมือในการซื้อเสียง โดยนักการเมืองหรือหัวคะแนนมักนำสุราซึ่งถือเป็นสินค้าราคาสูงมาแจกจ่ายแก่ประชาชน นอกเหนือจากการให้เงินสด นอกจากนี้ ยังมีข้อห้ามในการจัดเลี้ยงและมหรสพต่างๆ เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองโดยมิชอบ

ทำไมก่อนและวันเลือกตั้งห้ามขายเหล้าเบียร์

ที่ทราบกันอยู่แล้วว่า เหล้าเบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดนั้นล้วนมีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ ที่ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการมึนเมา ขาดสติ และควบคุมตนเองได้ยาก แม้ว่าในสังคมไทยจะมีการดื่มแอลกอฮอล์ในงานเลี้ยงสังสรรค์หรือเทศกาลต่าง ๆ แต่การดื่มมากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาทั้งด้านสุขภาพ ครอบครัว และสังคม

ด้วยเหตุนี้ ในช่วงการเลือกตั้งซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญทางประชาธิปไตย รัฐบาลไทยจึงมีมาตรการห้ามจำหน่าย จ่าย แจกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพื่อให้ประชาชนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ในการตัดสินใจเลือกผู้แทน และป้องกันการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องมือในการซื้อเสียงหรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

โดยปกติประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้ว ซึ่งมีบทลงโทษระบุไว้ พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่มาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันเลือกตั้งของประเทศไทยนั้น เกิดจากในอดีตที่พบปัญหาเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียงและการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องมือในการโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท มาตรการนี้ถูกบรรจุไว้ในพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 และได้รับการสืบทอดมาในกฎหมายเลือกตั้งฉบับต่อๆ มา

ดังนั้นการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและในวันเลือกตั้ง มีเหตุผลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความเป็นธรรมในกระบวนการเลือกตั้ง โดยสรุปเป็นประเด็นดังนี้

  1. ป้องกันการซื้อเสียง การจำกัดการขายและแจกจ่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วยลดช่องทางการซื้อเสียงที่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองอาจใช้เพื่อโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
  2. รักษาความสงบเรียบร้อย ลดความเสี่ยงการเกิดเหตุทะเลาะวิวาทหรือความวุ่นวายที่อาจเกิดจากความมึนเมา โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญที่ต้องตัดสินใจอย่างมีสติในการลงคะแนนเสียง คิดไตร่ตรองก่อนตัดสินใจเลือกผู้แทน โดยไม่มีผลกระทบจากแอลกอฮอล์
  3. เพิ่มความโปร่งใส ป้องกันการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเครื่องมือในการครอบงำการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
  4. สอดคล้องกับกฎหมาย เป็นไปตาม พ.ร.บ. การเลือกตั้ง และ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้ง

บทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน

โดยพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ได้ระบุไว้ มาตรา 123 ไว้ว่า ผู้ใดขาย จำหน่าย จ่าย แจก หรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิด ในเขตเลือกตั้ง ในระหว่างเวลา 18:00 นาฬิกา ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวัน จนถึงเวลา 18:00 นาฬิกา ของวันเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรการนี้จึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและกระบวนการยุติธรรมในกระบวนการเลือกตั้ง

ห้ามขายเหล้าวันเลือกตั้ง ไม่ได้มีแค่ในไทย

นอกจากประเทศไทยแล้ว หลายประเทศได้นำมาตรการคล้ายกับการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันเลือกตั้งของประเทศไทยมาใช้เช่นกัน (ข้อมูลจาก https://vinepair.com/articles/election-day-alcohol-dry-laws)

ในมองโกเลียมีการบังคับใช้มาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทเป็นเวลา 72 ชั่วโมง ในช่วงการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา การห้ามนี้เริ่มตั้งแต่วันก่อนเลือกตั้งและต่อเนื่องไปจนถึงวันเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเมืองหลวงอูลานบาตอร์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรส่วนใหญ่ มาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันการมีอิทธิพลต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในช่วงเวลาสำคัญนี้ (http://www.china.org.cn/world/Off_the_Wire/2020-06/22/content_76191112.htm)

เม็กซิโกบังคับใช้ “ley seca” หรือ “กฎหมายงดเหล้า” ซึ่งห้ามการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งในวันเลือกตั้งและวันก่อนเลือกตั้ง กฎหมายนี้ใช้บังคับกับทุกสถานประกอบการ รวมถึงบาร์ ร้านอาหาร และร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เจตนารมณ์ของกฎระเบียบนี้คือเพื่อให้แน่ใจว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะมีสติสัมปชัญญะและมีสมาธิในการเลือกตั้ง

ประเทศในละตินอเมริกาหลายประเทศ รวมถึง อาร์เจนตินา, บราซิล, ชิลี, โคลอมเบีย และ เปรู มีกฎหมายงดเหล้าในรูปแบบของตนเองที่จำกัดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและระหว่างการเลือกตั้ง ตัวอย่างเช่น ในอาร์เจนตินา การห้ามเริ่มตั้งแต่เวลา 20:00 น. ของคืนก่อนวันเลือกตั้งและต่อเนื่องไปจนถึง 21:00 น. ของวันเลือกตั้ง และเปรูมีการห้ามขายที่ยาวนานกว่าโดยใช้เวลา 48 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 8:00 น. ของวันเสาร์ก่อนวันเลือกตั้ง

แม้ว่าหลายรัฐในสหรัฐฯ ได้ยกเลิกข้อจำกัดการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันเลือกตั้งแล้ว แต่บางเขตปกครองยังคงมีการห้ามอยู่ เช่น เซาท์แคโรไลนา (South Carolina) เคยมีการห้ามขายมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งถูกยกเลิกในปี 2557 อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่เช่น เปอร์โตริโก (Puerto Rico) ยังคงมีข้อจำกัดที่คล้ายคลึงกันในวันเลือกตั้ง

มาตรการเหล่านี้ในประเทศต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายร่วมกัน เพื่อส่งเสริมกระบวนการเลือกตั้งที่เป็นธรรมโดยลดการรบกวนและอิทธิพลที่อาจเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาสำคัญของการลงคะแนนเสียง


ข้อมูลอ้างอิง

นักสื่อสารสุขภาวะดิจิทัล และ Data Journalism