
“สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องสร้างเอง” คำกล่าวที่คุ้นหูนี้ สะท้อนความจริงในเรื่องของสุขภาพที่ดีนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ซื้อหาได้ด้วยเงินทอง แต่เกิดจากการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง เหมือนการปลูกต้นไม้ที่ต้องรดน้ำพรวนดินสม่ำเสมอ ชุมชนที่เข้มแข็งก็เช่นกัน เมื่อสมาชิกในชุมชนร่วมมือกันสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี ทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณ สุขภาวะที่ยั่งยืนก็จะเกิดขึ้นได้เอง
ขึ้นเหนือส่งท้ายฤดูฝนที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ พาไปวิ่งในงาน “รันลัดโต้ง” คือ งานวิ่งที่จัดขึ้นมาเพื่อตอบสนองชุมชนเป็นหลัก โดยเป็นตัวกระตุ้นการรักสุขภาพคนในชุมชน และคนนอกพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในชุมชน และยังชมธรรมชาติความงามท้องนาตามเส้นทางวิ่งในอำเภอสันป่าตอง แม้จะถูกพักช่วงโควิด-19 ไป การกลับมาจัดอีกครั้งตั้งแต่ในปี 2565 ถึงปัจจุบันของกิจกรรม งานวิ่งรันลัดโต้ง ถือว่าเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นการออกกำลังกายของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี และเกิดระบบสุขภาพที่คนในชุมชนสร้างขึ้นเอง
ในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 เทรนการรักสุขภาพได้รับความนิยมกันมากขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมการวิ่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมต้นทุนน้อย โดยที่สวมรองเท้าผ้าใบก็สามารถออกไปเดินวิ่งได้ทันที

รันลัดโต้ง RUN LUD TONG
ทุ่งนา หลายร้อยไร่ ในตำบลสันกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ กลายเป็นแรงกระตุ้นให้คนนอกพื้นที่ เข้ามาออกกำลังกายชมความสวยงาม และส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ผ่านกิจกรรมรันลัดโต้งได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้หลงไหล กับบรรยากาศงานวิ่งที่ไม่เหมือนที่อื่น
เกียรติมงคล เรือนสุข หรือ พี่เก่ง ผู้ริเริ่มกิจกรรม “รันลัดโต้ง” และเป็นคนภูมิลำเนาในหมู่บ้านที่จัดงาน เล่าถึงจุดเริ่มต้นของกิจกรรมรันลัดโต้งว่า งานนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระแสการวิ่งเพื่อสุขภาพกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะหลังจากโครงการก้าวคนละก้าวของตูน บอดี้สแลม ในขณะนั้นงานวิ่งในจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่จัดบนถนน และมักใช้เส้นทางวิ่งที่ซ้ำกัน จนเกิดความอิ่มตัว
พื้นที่จัดงานรันลัดโต้งเป็นสถานที่ส่วนตัวที่มีการจัดกิจกรรมอยู่แล้ว โดยมีรุ่นพี่คือคุณประยูร หงษาธร หรือ “พี่เด่น” ซึ่งเป็นนักเขียนและในตอนนั้นเป็นผู้เช่าพื้นที่ทำเป็นคาเฟ่และร้านหนังสือ ด้วยความที่พี่เด่นและพี่เก่งชอบวิ่งเหมือนกัน จึงคิดจัดกิจกรรมวิ่งร่วมกัน โดยพี่เด่นเป็นผู้ตั้งชื่องานว่า “รันลัดโต้ง” ซึ่งมาจากคำว่า “รัน” (Run) ผสมกับคำว่า “ลัดโต้ง” ในภาษาเหนือที่แปลว่า “เดินลัดทุ่งนา”

งานรันลัดโต้งครั้งแรกเริ่มจากการชวนเพื่อนนักวิ่งและชมรมวิ่งในเชียงใหม่ มีผู้เข้าร่วมประมาณ 80 คน ใช้อุปกรณ์และวัสดุในท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ ใบมะพร้าว และกระสอบข้าวสาร มาทำป้ายและตกแต่งงาน โดยรายได้จากการจัดงานครั้งแรกนำไปปรับปรุงสนามฟุตบอลให้เด็ก ๆ ที่บ้านแม่กุ้งบก
การจัดงานได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทั้งผู้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ส่วนใหญ่เป็นคนในชุมชนที่ทำงานในองค์กรต่าง ๆ บริษัทเครื่องดื่มชั้นนำ และผู้ผลิตเสื้อในท้องถิ่น โดยเน้นขอรับการสนับสนุนเป็นสิ่งของและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการจัดงาน มากกว่าการขอรับเงินสนับสนุน

กิจกรรมรันลัดโต้งได้สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพในชุมชน จากผู้ที่เคยเป็นเพียงกองเชียร์ในปีแรก ๆ กลายมาเป็นนักวิ่ง หรือหันมาออกกำลังกายในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การเดิน ปั่นจักรยาน หรือเต้นแอโรบิค ความสำเร็จของงานไม่ได้วัดจากผลกำไร แต่วัดจากประโยชน์ที่ชุมชนได้รับ
ข้อจำกัดของการจัดงาน คือ พื้นที่จัดงานที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือส่วนบุคคล ทำให้สามารถรองรับนักวิ่งได้เพียง 400-500 คน รวมเจ้าหน้าที่ แต่กลับกันเราเป็นผู้จัด มองว่าการจัดงานขนาดเล็กแต่มีคุณภาพจะดีกว่า และทำให้ผู้คนสนใจและแย่งกันสมัครเข้าร่วมในแต่ละปี

และแน่นอนว่าการดำเนินการจนเสร็จสิ้นนั้น สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ การจัดการขยะ ในงานวิ่งรันลัดโต้งมีการคัดแยกขยะ สำหรับเศษอาหาร พลาสติก และขยะทั่วไป เพื่อง่ายต่อการนำไปจัดการต่อโดยภาคีภาครัฐที่เข้ามามีส่วนร่วมก็คือ อบต.สันกลาง
ถึงแม้ว่ารูปแบบงานวิ่งจะออกแนว Cross Country แต่ก็ยังใช้กติกาแบบทั่วไปในการแยกรุ่นของนักวิ่ง ก็ได้ภาคีเข้ามาร่วมจัด รวมถึงผู้สนับสนุนอุปกรณ์การจัดงาน และอาหารสำหรับนักวิ่ง แต่สิ่งที่ไม่เหมือนที่อื่น คือ รางวัลนั้นจะเป็นเซรามิกเหมือนเหรียญรางวัลและของที่ระลึกจะเป็นผลผลิตหรือสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์จากชุมชนในอำเภอสันป่าตอง ซึ่งจะไม่ซ้ำกัน

ชูอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นจุดขาย
เสื้อวิ่งของงานได้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ด้วยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ใช้โทนสีน้ำเงินและสีเหลืองทอง ซึ่งเป็นสีที่ชาวบ้านชื่นชอบ โดยปรับเปลี่ยนลวดลายไปตามยุคสมัย
ศุภกิตติ์ คุณา หรือ น้องเค แอดมินเพจดังในท้องถิ่นอย่าง SANPATONG CLUB ในฐานะผู้ออกแบบเสื้อและกราฟิกของงาน เล่าว่า เข้ามาร่วมจัดงานจริง ๆ ในครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกมาเป็นช่างภาพ ซึ่งครั้งแรกและครั้งที่ 2 นั้นจัดในปีเดียวกัน แต่เว้นระยะการจัดห่างกันประมาณ 5 เดือน ครั้งแรกนั้นไม่ได้มีเสื้อสำหรับนักวิ่ง มีแต่ของ Staff เท่านั้น โดย Logo งานที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้ก็มาจากพี่เด่นออกแบบไว้แต่แรก และได้นำมาต่อยอด และสร้างแบรนด์สำหรับงานรันลัดโต้ง
อัตลักษณ์ท้องถิ่น ที่นำมาใช้กับงานรันลัดโต้งนั้น จะมีการหาข้อมูลในแต่ละปีหลังจากที่คิดคอนเซ็ปต์ของแต่ละปีได้แล้ว ว่าในท้องถิ่นอำเภอสันป่าตองนั้นมีอะไรเป็นอัตลักษณ์บ้าง ด้วยความที่ทำเว็บไซต์เก็บข้อมูลเกี่ยวกับอำเภอสันป่าตองอยู่แล้ว มีความสนใจอย่างหนึ่งที่ค้นเจอ นั่นก็คือ ลายผ้าซิ่นสันป่าตอง ซึ่งมีลวดลายบนผืนผ้าเป็นรูปต่าง ๆ จึงค้นหาข้อมูลจนเจอ และได้ติดต่อประสานงานร่วมกับแบรนด์ มาดี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าทอในพื้นที่ พาชมผ้าซิ่นสันป่าตองผืนจริงที่เก็บรักษาไว้ และได้นำมาออกแบบประยุกต์ให้มีความร่วมสมัย โดยนำไปประยุกต์กับลายเสื้อ รวมถึงออกแบบเป็นอัตลักษณ์ให้กับงานวิ่งในปีที่จัดปีนั้น ๆ
ด้วยความที่ชอบงานวิ่งอยู่แล้ว และเคยจัดงานวิ่งมาหลายงาน เช่น วิ่งพักตับ โดย สคล., วิ่งควายควาย, Sanpatong Run เป็นต้น และมีผู้จัดจากที่อื่นมาจ้างทำกราฟิกงานวิ่งทั้งงาน จึงอาศัยประสบการณ์มาช่วยทำให้รันลัดโต้งนั้น มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยใช้อัตลักษณ์มาออกแบบทำกราฟิกเสื้อ ทำป้ายหมายเลขนักวิ่ง ป้ายประชาสัมพันธ์ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากจะสร้างความสวยงามและน่าสนใจแล้ว ยังสร้างการยกระดับแบรนด์ให้กับงานรันลัดโต้งขึ้นไปอีก ในปี 2567 ก็มีปรากฎการณ์การขายเสื้อทะลุ 1,000 ตัว จนต้องสั่งผลิต 2 รอบ

งานศิลปะกับการออกแบบเหรียญรางวัลงานวิ่ง
เหรียญรางวัล และ ถ้วยรางวัล ที่ใช้ในงานจะเป็นผลงานของศิลปิน คุณภูริดล พิมสาร แห่ง Have A Hug Studio ที่ชื่นชอบในเรื่องของการวิ่ง ได้ถูกชักชวนเข้ามาร่วมงานกันตั้งแต่ครั้งแรก โดยเหรียญรางวัลนั้นจะออกแบบเป็นรูปสัตว์ ซึ่งถือว่าอยู่ในแนวคิดของ รันลัดโต้ง ตอนนั้นเหรียญรางวัลนักวิ่งมักจะทำมาจากโลหะ อะลูมิเนียม หรือทำมาจากพลาสติกบ้าง อะคริลิคบ้าง เหรียญของรันลัดโต้งนั้นทำมาจากเซรามิก ซึ่งในปีแรกจะเป็นเหรียญรูปควาย สื่อถึงวิถีชนบท
“พอดีว่ามีเพื่อนเป็นคนจัดงานวิ่ง รันลัดโต้ง เลยเข้ามาเสนอทำเหรียญรางวัลให้ โดยใช้ดินปั้นเป็นเหรียญ ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน แล้วเอาเงินไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลชุมชน ผมพบว่าจริง ๆ แล้วคนเขาเข้าใจนะ เลยเป็นที่มาของงานที่ผมจัดเอง Art Run To The Wild #วิ่งควายควาย ด้วยผมเป็นคนชอบวิ่งและคนทำงานศิลปะ เลยเกิดความคิดว่า จะทำอย่างไรให้คนทำงานศิลปะ หันมาดูแลสุขภาพ มันคนละขั้วกันเลยนะ คนทำงานศิลปะจะกินเหล้า สูบบุหรี่ นอนดึก ผมเลยเอา Art ไปรวมกับ Run คราวนั้นผมก็ปั้นเหรียญปั้นถ้วยรางวัลเองด้วย มีคนมาวิ่งตั้งหนึ่งพันห้าร้อยคน”
ภูริดล พิมสาร ในบทสัมภาษณ์ The Cloud
จุดเริ่มต้นจากรันลัดโต้ง ถ้วยรางวัลเซรามิก เริ่มมีชื่อเสียงขยายออกไปในวงการวิ่ง ภูริดลมีโอกาสทำถ้วยและเหรียญรางวัลให้กับงานวิ่งระดับประเทศหลายงาน เช่น The Mall Korat Marathon 2022, กระบี่มาราธอน 2020, กระบี่เทรล 2020 จันทบุรีซีนิคฮาร์ฟมาราธอน 2020, วิ่งพักตับ จ.พะเยา ฯลฯ

ต่อยอดระบบสุขภาพในชุมชน
กิจกรรมวิ่งในแต่ละปี รันลัดโต้ง จะหักค่าใช้จ่าย และมอบให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านห้วยส้ม อ.สันป่าตอง ซึ่งเป็นหน่วยสาธารณสุขในพื้นที่การจัดงาน เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับประชาชนในพื้นที่ โดยตั้งแต่ในปี 2563 กิจกรรมเริ่มขยายเป็นวงกว้าง เริ่มรู้จักมากขึ้น หลายหน่วยงานเริ่มเข้ามาสนับสนุนการจัดงานทั้งภาครัฐและเอกชน
หมอตุ๊กตา หรือ พวงเพชร กองแก้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านห้วยส้ม มองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบสุขภาพชุมชนผ่านกิจกรรม “รันลัดโต้ง” ที่ดำเนินการมาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเล่าว่าก่อนหน้านี้ตนเองเป็นเพียงนักวิ่งที่ไม่ได้มีบทบาทมากนักในชุมชน แต่เมื่อได้รับการชักชวนจากทีมงานให้ร่วมจัดกิจกรรมรันลัดโต้ง ก็เห็นโอกาสในการสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพให้กับชุมชน
กิจกรรมนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยประชาชนเริ่มให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะประชาชนในเขตพื้นที่บริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ทั้งในด้านการออกกำลังกายที่หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินออกกำลังกาย การวิ่งเพื่อสุขภาพ การปั่นจักรยาน รวมไปถึงการเดินชมธรรมชาติตามรอยเส้นทางวิ่งรันลัดโต้ง ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังมีการสร้างอัตลักษณ์ผ่านเสื้อวิ่งที่มีการออกแบบเฉพาะในแต่ละปี ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สร้างความภาคภูมิใจและแรงจูงใจในการออกกำลังกายให้กับคนในชุมชน

ความสำเร็จของกิจกรรมรันลัดโต้ง ยังส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกลุ่มวัย เหมือนกลายเป็นงานประเพณีประจำปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ชาวบ้านจะเฝ้ารอและติดตามการจัดกิจกรรม บางคนก็มีการสอบถามถึงรายละเอียดต่าง ๆ และเตรียมตัวเข้าร่วมงานล่วงหน้า ซึ่งส่งผลดีต่อระบบสาธารณสุขโดยตรง เพราะช่วยลดภาระงานของบุคลากรสาธารณสุข เนื่องจากประชาชนสามารถดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง
การที่เห็นคนในพื้นที่ ต่างตื่นตัวกับการจัดงานวิ่ง ต่างคนก็ออกซ้อมกันทุก ๆ เย็นของวัน ก่อนงานจะเริ่ม แม้ไม่ใช่งานใหญ่โตแต่การมีส่วนร่วมของชุมชนถือว่าเข้มแข็งเลยทีเดียว โดยเฉพาะ อสม. ในแต่ละหมู่บ้าน คอยเชื่อม และกระตุ้นการออกกำลังกาย กลายเป็นกระแสระดับอำเภอ และในจังหวัด

ปัจจุบัน ชุมชนได้พัฒนาความสามารถในการจัดการกิจกรรมด้วยตนเอง มีความเข้าใจในขั้นตอนและกระบวนการจัดงานอย่างชัดเจน สามารถบริหารจัดการและเตรียมงานได้โดยต้องการคำแนะนำเพียงเล็กน้อย ก่อให้เกิดความสามัคคีและการทำงานร่วมกันในชุมชน อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายในการพัฒนากิจกรรมให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการขยายระยะเวลาประชาสัมพันธ์และการสร้างความต่อเนื่องของกิจกรรมตลอดทั้งปี เพื่อรักษาแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพของประชาชนอย่างยั่งยืน

กิจกรรมรันลัดโต้งได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นมากกว่าการวิ่งเพื่อสุขภาพ แต่เป็นศูนย์รวมของการสร้างสุขภาพที่ดีของชุมชน เป็นพื้นที่แห่งการสร้างความสามัคคีและการมีส่วนร่วม กระตุ้นให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ ในการดูแลสุขภาพ และพัฒนาระบบสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืน นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้กิจกรรมการออกกำลังกายเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสุขภาพชุมชน และพัฒนาศักยภาพของประชาชนในการดูแลสุขภาพตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ การริเริ่มเช่นนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมสุขภาพกาย แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนผ่านการมีส่วนร่วมและความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืนในระยะยาว
การที่เห็นคนในพื้นที่ ต่างตื่นตัวกับการจัดงานวิ่งครั้งนี้ ต่างคนก็ออกซ้อมกันทุก ๆ เย็นของวัน ก่อนงานจะเริ่ม แม้ไม่ใช่งานใหญ่โตแต่การมีส่วนร่วมของชุมชนถือว่าเข้มแข็งเลยทีเดียว โดยเฉพาะ อสม. ในแต่ละหมู่บ้าน คอยเชื่อม และกระตุ้นการออกกำลังกาย กลายเป็นกระแสระดับอำเภอ และในจังหวัด

งานจบ แต่วิ่งยังไม่จบ
สำหรับช่วงการจัดกิจกรรม รันลัดโต้ง แต่เดิมครั้งแรกจัดในเดือนพฤษภาคม และขยับมาจัดในช่วงปลายเดือนตุลาคม หรือช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปี ทำให้อากาศดี บางปีมีฝนตกหนัก ก็ยังมีนักวิ่งมาร่วมงานกันเนืองแน่น ทำให้งานวิ่งที่เรียกว่า ไม่กลัวฝนกันเลยทีเดียว
แม้ว่ากิจกรรมรันลัดโต้ง จะจบลงไปแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนหลังจากนี้ คือ คนในชุมชนสวมเสื้องาน ออกกำลังกาย ทั้งเดินและวิ่ง ตามเส้นทางของกิจกรรม ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดความต่อเนื่องการออกกำลังกายของคนในชุมชน และขยายผลไปยังคนในพื้นที่ข้างเคียงหันมาออกกำลังกายมากขึ้น
ทุกครั้งเมื่อพูดถึง เสื้อรันลัดโต้ง คนในชุมชนจะเป็นอันทราบกันดีว่า จะมีการทำกิจกรรมเกี่ยวกับระบบสุขภาพ กลายเป็นเครื่องหมายกิจกรรมคนรักสุขภาพชุมชนไปในตัว นอกจากกระตุ้นระบบคนในชุมชนแล้วรายได้ที่หักค่าใช้จ่าย ยังสมทบทุนสร้างห้องคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI Clinic) และอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ EKG เพื่อให้บริการแก่ประชาชนชาวตำบลสันกลาง และประชาชนบริเวณใกล้เคียง

ภาคีและเครือข่าย
คือหัวใจของความเข้มแข็ง
น้องเค ศุภกิตติ์ คุณา ยังเล่าต่อว่าก่อนหน้านี้ ก็มีทีมงานหลายคน สลับกันเข้ามาร่วมกันจัดในแต่ละปี แตกต่างกันไป งานวิ่งเพื่อสุขภาพ รันลัดโต้ง อาศัยภาคีและเครือข่ายทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ จนกลายเป็นงานประจำปีเลยก็ว่าได้ แม้ว่ากระแสงานวิ่งในประเทศไทยนั้นไม่ได้เติบโตเหมือนเมื่อก่อน ทั้งปัจจัยต่าง ๆ หากรันลัดโต้ง คือจุดมุ่งหมายเดียวกันของการมาพบเจอ บางคนก็ได้มาเจอเพื่อนนักวิ่งด้วยกัน บางคนก็ตั้งตารอที่จะมากินข้าวต้ม (หัวเราะ) บางคนก็มาเก็บคอลเลคชั่นเหรียญรางวัล บางคนเพื่อนชวนมา หรือมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
การเติบโตของงานวิ่งที่เป็นขวัญใจของนักวิ่ง ทั้งรูปแบบการจัดงาน วิวทิวทัศน์ทุ่งนา เส้นทางวิ่งที่สวยงาม รวมถึงการมีส่วนร่วมในชุมชนที่เข้มแข็ง การตอบรับของภาคีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยแต่ละหน่วยงานสนับสนุนตามความถนัดขององค์กร เพื่อหนุนเสริมการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ตัวผมเองก็ไม่ได้มีบทบาทมากเหมือนเมื่อก่อน ขยับให้ชุมชนเริ่มมามีบทบาทมากขึ้น จัดการบางอย่างในงานด้วยตัวเอง ก็มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ได้เห็นชุมชนมีความเข้มแข็งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีชุมชนอื่น ๆ สนใจนำรูปแบบการจัดงานไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนเองด้วย อย่างในปี 2567 ที่ผ่านมาหลังกิจกรรม รันลัดโต้ง ครั้งที่ 6 จบลง ก็มีภาคีนำรูปแบบงานไปจัดที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้ชื่อว่า ล่นลัดหมอก ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จไปอีกก้าวหนึ่ง ของการขยายผลการทำกิจกรรมงานวิ่ง แม้ว่าเป้าหมายจำนวนผู้เข้าร่วมงาน ไม่ได้ตั้งไว้จำนวนมากนัก ทำให้การจัดการในงานนั้นสามารถนำไปขยายต่อยอดได้ทันที
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เพจ รันลัดโต้ง หรือที่ https://www.facebook.com/Runludtong และชวนกันมาสร้างระบบสุขภาพชุมชนด้วยกันครับ