
การบวชพระในพุทธศาสนาเป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ชาวพุทธเชื่อว่าการเป็นเจ้าภาพบวชพระจะได้รับอานิสงส์มาก โดยเฉพาะผู้เป็นบิดามารดาที่มีบุตรชายบวช จะได้ “เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์” และถือเป็นการตอบแทนคุณพ่อแม่ผู้มีพระคุณ ในอดีตการบวชต้องผ่านขั้นตอนที่เคร่งครัด ผู้ที่จะบวชต้องขออนุญาตจากครอบครัว สละทรัพย์สิน มุ่งมั่นปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และศึกษาพระธรรมวินัย พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ชัดเจนว่า “เราจะไม่บวชให้แก่ผู้มีทรัพย์”
ปัจจุบัน การบวชกลายเป็น “บุญประเพณี” ที่ครอบครัวจัดขึ้นเพื่อความมีหน้าตาในสังคม มีการเชิญแขกมาร่วมงาน จัดโต๊ะจีน ฆ่าสัตว์ปรุงอาหาร พร้อมทั้งเสิร์ฟสุรายาเมาและจัดมหรสพ การแห่นาคเข้าโบสถ์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ กลับกลายเป็นงานรื่นเริง แขกที่มาร่วมงานเต้นรำหน้าขบวน ดื่มสุราจนเมา “เดินแอ่นหน้าแอ่นหลัง พากันเต้นแร้งเต้นกา” สร้างภาพที่ไม่เหมาะสม
ในยุคที่งานบวชกลายเป็นงานสังคมมากกว่างานบุญ ยิ่งในปัจจุบันเราจะเห็นงานประเพณีกับความรื่นเริง ความฟุ่มเฟือยเป็นของคู่กัน หรือค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนหนึ่งมาจากการเลียนแบบ การใช้สื่อโซเซียลออนไลน์ในการสร้าค่านิยมที่ผิดเพี้ยน ทำให้การหาเส้นทางกลับสู่แก่นแท้ของประเพณีกลายเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จากข้อมูลการจัดเวทีสาธารณะประเด็นการจัดงานบวชในจังหวัดอ่างทองนั้น ผู้ที่ให้ข้อมูลและการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องในจังหวัดอ่างทอง มีความพยายามและมีแนวทางในการปฏิรูปงานบวชให้กลับคืนสู่วัตถุประสงค์ดั้งเดิมให้มากที่สุด
พระสงฆ์ในบทบาทผู้นำการเปลี่ยนแปลง
พระครูพิทักษ์จันทรังษี เจ้าอาวาสวัดจันทรังษี ตัวแทนผู้เข้าร่วมเวทีสาธารณะของพระสงฆ์ หนึ่งในพระสงฆ์ที่มีบทบาทสำคัญในการชี้แนะแนวทางการจัดงานบวชที่เหมาะสม ได้กำหนดแนวทางชัดเจนว่า การบวชต้องมีพระสงฆ์เป็นองค์ประกอบสำคัญ ถ้าไม่มีพระสงฆ์ก็บวชไม่ได้ ต้องครบองค์ประกอบจึงจะเป็นพระ เป็นสมมุติพระสงฆ์ได้ ได้ย้ำถึงจุดประสงค์ที่สำคัญคือ การบวชแบบเรียบง่าย สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีอะไรมากมาย เพียงแค่มีผ้าไตร บาตร เครื่องอัฐบริขาร และพระอุปัชฌาย์ เป็นผู้ทำพิธี ไม่จำเป็นต้องมีขบวนแห่ หรือพิธีกรรมฟุ่มเฟือย เพียงแค่มีองค์ประกอบพื้นฐานคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็เพียงพอต่อการบวชแล้ว และเรื่องทางพิธีการคงเตรียมการคงไม่ยากนัก
อีกบทบาทสำคัญในบริบทก็คือ วัด ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่จัดพิธี แต่ยังเป็นแหล่งให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติ ในอดีต วัดในฐานะแหล่งเรียนรู้และเป็นสถานที่ปฏิบัติในการบวชนั้น โดยเฉพาะวัดต่าง ๆ ในตำบลหัวไผ่ ปัจจุบันมีบทบาทในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะบวชด้วย โดยนายสุทิน คงพละ อดีตกำนันตำบลหัวไผ่ เล่าว่า ในสมัยก่อน ในอดีตก่อนที่จะบวช จะต้องนำมาเอกสารมาให้ผู้ใหญ่บ้านเซ็นรับรองการบวชด้วย เพื่อรับรองผู้ที่มาบวช ถือเป็นการคัดกรองประวัติไปด้วย
ปัจจุบันในวัดต่าง ๆ เริ่มมีการปรับบทบาทโดยการสร้างทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการจัดงานบวชแบบเรียบง่ายมากขึ้น นายคนิด จิตตวิปูน ซึ่งทำหน้าที่เป็นไวยาวัจกรวัดกลาง มีการเสนอผ่านในเวทีสาธารณะครั้งนี้ว่า ผู้ที่จะบวชแบบไม่ต้องเลี้ยงเหล้า สามารถมาหาผมได้เลย ใน 5 วัดนี้ ได้แก่ วัดจันทรังษี วัดดาวดึงส์ วัดกลาง วัดเชิงหวาย และวัดเกตุ สามารถจัดให้ได้เลย ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายอะไร และไม่ต้องเอาปัจจัยอะไรมาถวาย
การสร้างมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา
จากตัวอย่างกรณีของวัดจันทร์รังสี ได้มีการดำเนินการสร้างมาตรการเชิงป้องกันหลายอย่าง การออกระเบียบห้ามดื่มสุราในบริเวณวัด ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญ พระครูพิทักษ์จันทรังษี ได้ให้ข้อมูลแลกเปลี่ยนในเวทีสาธารณะครั้งนี้ว่า มีการติดป้ายขนาดใหญ่ในวัด และประกาศ ห้ามดื่มสุราและห้ามส่งเสียงดังเกินความจำเป็น ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จากการจัดงานบวชในช่วงที่ผ่านมา การจัดงานบวชยังมีขบวนแห่ ซึ่งพอเข้ามาถึงใกล้บริเวณวัด ทั้งเสียงและผู้ที่มีพฤติกรรมเมา หรือมีการประพฤติตัวไม่เหมาะสมก็ลดลง เสียงเพลงก็จะเบาลง
นอกจากนี้ทางวัดยังมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบพิธีกรรม เช่น การงดการเวียนรอบโบสถ์ เพื่อลดปัญหาจากพฤติกรรมของผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการกำหนดให้การแห่ที่มีเครื่องเสียงจากวงดนตรีอยู่ภายนอกบริเวณวัด
นายสุทิน คงพละ อดีตกำนันตำบลหัวไผ่ ในบทบาทผู้สนับสนุนและขับเคลื่อนในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระดับผู้นำชุมชน มีวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาโดยมีจุดเริ่มต้นมาจากความสำเร็จของการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาในช่วงที่ผ่านมา จากการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ในปีนั้นมีคนเข้าร่วม 119 คน ซึ่งเป็นคนที่มีตัวตนอยู่จริง มาร่วมงดเหล้าเข้าพรรษา 3 เดือน และหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมช่วงออกพรรษา มีคนที่เลิกได้ทั้งหมด 21 คน จาก 119 คน มองว่าเป็นความสำเร็จในขั้นแรก ซึ่งทำให้มั่นใจแสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น มีความเป็นไปได้ เมื่อมีการนำและมีการสนับสนุนที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังมีการสร้างจิตสำนึกใหม่ต่อการจัดงานบวช โดยต้องอาศัยกระบวนการที่ต่อเนื่อง นายสุทิน เล่าถึงกระบวนการว่า ใช้วิธีการให้ความรู้เกี่ยวกับโทษภัยของเหล้าและส่งเสริมการรักษาศีล 5 มีการพูดคุยลักษณธการโน้มน้าวใจให้พอเพียง ไม่ฟุ่มเฟยหรือฟุ้งเฟ้อ ทำให้มีคนร่วมงดเหล้าเข้าพรรษาเพิ่มขึ้น สามารถทำงานบุญไม่เลี้ยงเหล้าได้ง่ายขึ้น และเวลาที่ชวนคนลดเหล้าแบบไม่ได้บังคับให้เลิก หรือให้ค่อยๆลด จนเขาเห็นข้อดี เพื่อสุขภาพที่ดี เขาลด เขาจะรู้เอง โดยไม่ต้องไปทำกระบวนการอะไรเพิ่มเติม
“ชุมชนคุณธรรม” แบบอย่างที่เป็นรูปธรรม
ตำบลหัวไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เป็นชุมชนที่ได้รับการยอมรับเป็นชุมชนคุณธรรม น้อมนำปรัชญาหลักเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นต้นแบบของจังหวัดอ่างทอง ทั้ง 9 หมู่บ้าน คงพละ อดีตกำนันตำบลหัวไผ่ อธิบายเพิ่มเติมว่า รางวัลที่ชุมชนได้รับ ยังเป็นรางวัลหนึ่งในร้อย สุดยอดชุมชนคุณธรรม การที่ชุมชนมีฐานะเป็นชุมชนคุณธรรม ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นตัวอย่างในการขับเคลื่อนค่านิยมใหม่ได้ง่ายขึ้น
ความสำเร็จในการสร้างการเปลี่ยนแปลง จะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างวัดและชุมชน เนื่องจากวัดกับชุมชนมีความสำคัญต่อกัน ผลัดกันช่วยกัน ความร่วมมือของคนในชุมชนนั้นมีหลายรูปแบบ เช่น การสนับสนุนงานรณรงค์ของชุมชน การให้ความรู้ทางศาสนาจากวัด และการสร้างกิจกรรมทางเลือกต่างๆ
อีกบทบาทของหนึ่งที่มีความสำคัญในการปรับเปลี่ยนค่านิยม คือ ครอบครัว มีบทบาทสำคัญ สามารถกำหนดรูปแบบการจัดงานบวชได้ นายคนิด จิตตวิปูน ไวยาวัจกรวัดกลาง ได้กล่าวถึงประเด็นที่ว่า “มันขึ้นอยู่กับเจ้าภาพ” ถ้าจะให้แล้วแต่บุคคลนั้นมันเป็นไปไม่ได้ สมมติว่ากลุ่มนี้เขามีความตั้งใจไว้ว่าจะบวชลูก เขาก็ตั้งใจแล้ว จะจัดโต๊ะจีนเท่าไหร่ตั้งใจแล้วว่าจะเลี้ยงเหล้าเหล่าไหร่ อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้การเปลี่ยนแปลงสามารถเริ่มต้นได้จากการสื่อสารภายในครอบครัว การให้ความรู้เกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของการบวช และการหาทางเลือกที่เหมาะสม รวมถึงยกตัวอย่างกรณีศึกษาเรื่องของค่าใช้จ่ายและหนี้สิน ครอบครัวเองก็ต้องประครองจิตใจที่เข้มแข็งด้วย
กรณีศึกษาจากตัวอย่างนายสุทิน คงพละ ความสำเร็จจากการปรับเปลี่ยนของครอบครัวตัวเอง ที่เลือกจัดงานบวชแบบเรียบง่าย ซึ่งได้บอกว่าในงานไม่ได้เลี้ยงเหล้า ไม่เห็นมีใครที่จะปฏิเสธที่มาร่วมงาน และที่วัดจันทร์ก็มีหลายงานที่ไม่เลี้ยงเหล้าและยกเลิกการวนรอบโบสถ์ ซึ่งก็ไม่เห็นการที่จะมีใครออกมาต่อว่าให้
การสร้างทางเลือกและอนาคต
การสร้างทางเลือกใหม่เป็นสิ่งสำคัญ การที่วัดต่าง ๆ เปิดโอกาสให้ครอบครัวที่ต้องการจัดงานแบบเรียบง่าย การสร้างแพ็กเกจหรือข้อเสนองานบวชที่หลากหลาย และการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดงานที่เหมาะสม ล้วนเป็นนวัตกรรมที่ช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง แม้จะมีความพยายามมากมาย แต่ยังคงมีความท้าทายที่สำคัญ นายคนิด วิเคราะห์ว่า จุดเริ่มต้นนั้นเป็นไปได้ยากมากที่จะไม่มีเหล้าในงานบวช แต่ถ้าไม่เริ่มต้นหรือค่อยๆลดลง ก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง สังคมและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดอ่างทองนั้นยังมีการเอื้อให้เกิดการดื่มที่สูงกว่าในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพ ที่สังคมนั้นมีระเบียบกติกาหรือกฎหมายที่ชัดเจน ข้อมูลความรู้ที่เข้าถึง ความท้าทายหลัก ๆ ในวาระของเวทีสาธารณะในงานบวชจังหวัดอ่างทองนั้น ได้แก่ ค่านิยมที่ฝังลึกในสังคม ความกลัวการถูกตัดสินจากสังคม ผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และการขาดแรงสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ
การที่ปฏิรูปงานบวชให้กลับคืนสู่แก่นแท้นั้น ต้องอาศัยการทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าขาดความต่อเนื่องแล้ว จะกลายเป็นช่องว่างให้เกิดการนำไปสู่การดื่ม พฤติกรรมเดิมหรือผลลัพธ์เดิม และต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนร่วมกันสื่อสารและการสร้างความเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของการบวช การส่งเสริมค่านิยมใหม่ที่เน้นคุณค่าทางจิตวิญญาณ มีความเรียบง่าย สร้างสุขภาวะที่ดีและการสร้างแรงจูงใจเชิงบวกในการเปลี่ยนแปลงที่เป็นคุณค่าแก่นแท้ ซึ่งตรงกับสิ่งที่พระครูพิทักษ์จันทรังษี ได้กล่าวว่า “การที่เขายังติดรูปแบบสิ่งที่เขาทำมา เราจะไปห้ามเขาเลยไม่ได้ จึงต้องค่อยๆ ชี้แนะไปเรื่อย ๆ” การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต้องเกิดจากการเข้าใจและความสมัครใจ ไม่ใช่เกิดจากการบังคับ
ฉะนั้นการบวชที่แท้จริงแล้วนั้น ควรเน้นการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน การศึกษาพระธรรมวินัย การทำวัตรเช้า-เย็นและการรักษาระเบียบวินัย สำหรับผู้ที่ต้องการจัดงานบวชแบบเรียบง่ายนั้น ควรงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ไม่มีสุรายาเมาและมหรสพ งดการแห่นาครอบโบสถ์ด้วยการสวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แต่งกายให้เรียบร้อยเหมาะสม ให้ผู้บวชตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง รวมถึงการลดปัญหาหนี้สินให้กับครอบครัวที่มีฐานะยากจน ต้องกู้หนี้เพื่อจัดงานให้ได้มาตรฐานสังคม
เส้นทางสู่งานบวชเชิงบุญจึงเป็นเส้นทางที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งวัดที่ให้การนำทางเรียบง่ายและสร้างทางเลือก มีชุมชนที่สนับสนุนสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและช่วยกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และครอบครัวที่ตัดสินใจเลือกวิธีการที่เหมาะสม เมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกัน งานบวชจะกลับคืนสู่จุดประสงค์ดั้งเดิม คือการเป็นโอกาสในการศึกษาธรรมะและสร้างคุณค่าทางจิตวิญญาณอย่างแท้จริง และทั้งหมดนี้คือความเรียบง่าย และสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับงานบุญประเพณีอื่นๆได้นำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ฉพาะเพียงแค่งานบวชเพียงอย่างเดียว