Category: สพฐ.

  • หน่วยงานรัฐ ขานรับ “เกษียณสร้างสุข ปี 68” งดเลี้ยงสุรา กว่า 2,000 แห่ง ส่งเสริมวัฒนธรรม สร้างค่านิยมใหม่ เน้นมุฑิตาจิต ด้วยความเรียบง่าย อบอุ่น และปลอดภัย

    หน่วยงานรัฐ ขานรับ “เกษียณสร้างสุข ปี 68” งดเลี้ยงสุรา กว่า 2,000 แห่ง ส่งเสริมวัฒนธรรม สร้างค่านิยมใหม่ เน้นมุฑิตาจิต ด้วยความเรียบง่าย อบอุ่น และปลอดภัย

    ตามที่เครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอน สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมรณรงค์ในโครงการเกษียณสร้างสุข โดยความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย(มท.)และกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ซึ่งได้ออกหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานสังกัดในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ที่ผ่านมา

    นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เปิดเผยว่า เครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอนได้รวบรวมหน่วยงานที่แจ้งเข้าร่วมโครงการปีนี้ กว่า 2,010 แห่งจากทุกจังหวัด อาทิ ที่ทำการปกครองจังหวัดร้อยเอ็ด, องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย, ที่ทำการปกครองอำเภอร่องคำ จ.กาฬสินธุ์, องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สา  อ.แม่ริม    จ.เชียงใหม่ เทศบาลตำบลระโนด อ.ระโนด จ.สงขลา, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม, สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.หนองคาย, โรงพยาบาลน้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี, สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่จังหวัดระนอง, สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปาง, สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครราชสีมา, สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, สำนักงานประมงจังหวัดน่าน, สำนักงานสถิติจังหวัดนนทบุรี, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 2, และโรงเรียนจำนวน 1572 แห่ง เป็นต้น โดยทุกหน่วยงานได้ร่วมแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่า “งานเกษียณราชการ ไม่จำเป็นต้องมีเหล้า เพื่อแสดงความยินดีแก่ผู้ครบอายุราชการ”

    จากข้อมูลของหน่วยงานที่ร่วมรณรงค์ พบ 6 เหตุผลหลัก ได้แก่ (1) ลดความเสี่ยงและสร้างความปลอดภัยในงาน 70%  (2) สร้างภาพลักษณ์องค์กรคุณธรรมและต้นแบบที่ดี 55%  (3) ส่งเสริมสุขภาวะและลดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ 45%  (4) ประหยัดงบประมาณและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า 40%  (5) สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐและวัฒนธรรมไทย 35%  (6) เสริมความสามัคคีและบรรยากาศอบอุ่นในองค์กร (30%)

    ทั้งนี้จากการสำรวจค่าใช้จ่ายถ้ามีการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเลี้ยงในงาน ซึ่งจะต้องไปจัดนอกสถานที่เพราะกฎหมายห้ามไม่ให้ดื่มในสถานที่ราชการทำให้ต้องจ่ายค่าสถานที่เพิ่ม ส่วนค่าเหล้าที่ต้องออกเงินซื้อกันเอง พบว่า สัดส่วนโดยเฉลี่ยงานขนาดเล็ก (30–50 คน) ใช้งบประมาณ 3,000–8,000 บาท งานขนาดกลาง ใช้งบ 10,000–20,000 บาท และงานขนาดใหญ่ (มากกว่า 200 คน) ใช้งบ 30,000–60,000 บาทต่อครั้ง ทำให้คนมาร่วมประหยัดงบได้เฉลี่ย 10,000–30,000 บาท หรือกรณีที่บางงานใช้วิธีรวบรวมงบกันเองมาจัดงาน สามารถประหยัดเงินกองกลางได้กว่า 20% ทีเดียว

    นายธีระ กล่าวต่อว่า แนวโน้มเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า งานเกษียณปลอดเหล้า” ไม่เพียงเป็นการดำเนินงานตามนโยบายภาครัฐ แต่ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ของสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัย ความเรียบง่าย ความสามัคคี และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน หลายหน่วยงานแสดงเจตนารมณ์ที่จะสานต่อแนวทางนี้ เพื่อให้ “งานปลอดเหล้า” กลายเป็นแบบอย่างของ องค์กรคุณธรรม ที่แท้จริงในอนาคต ทั้งในด้านการลดอุบัติเหตุและเหตุไม่พึงประสงค์ การสร้างภาพลักษณ์องค์กรคุณธรรม การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การส่งเสริมความสามัคคี และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม โดยมุ่งหวังให้ งานเลี้ยงเกษียณสร้างสุข” กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ของการแสดงความเคารพและมุทิตาจิตที่งดงามในหน่วยงานราชการไทย

  • จากจดหมายสื่อรักของลูก…สู่พลังเปลี่ยนชีวิต “โพธิสัตว์น้อย ลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า” รณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา สานรัก คืนความอบอุ่นให้ครอบครัวหลังออกพรรษา

    จากจดหมายสื่อรักของลูก…สู่พลังเปลี่ยนชีวิต “โพธิสัตว์น้อย ลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า” รณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา สานรัก คืนความอบอุ่นให้ครอบครัวหลังออกพรรษา

    สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และเครือข่ายโรงเรียน   คำพ่อสอน  เปิดพื้นที่ให้เด็ก ๆ เขียน “จดหมายสื่อรัก” สำหรับกิจกรรม“โพธิสัตว์น้อย ลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า” ชวนพ่อแม่งดเหล้าในช่วงเข้าพรรษา ปี 2568 จนเกิดเรื่องราวแห่งการเปลี่ยนแปลงในหลายครอบครัว หลัง “ออกพรรษา” ให้เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อบอุ่นและงดงามกว่าเดิม

    เสียงจากใจ นายวิษณุ ปัญญา อายุ 42 ปี  “คุณพ่อน้องโชกุน” ผู้เลิกเหล้าในช่วงเข้าพรรษาเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ก่อนเข้าพรรษา ผมรู้สึกว่าลูกชายมีท่าทีแปลก ๆ เหมือนพยายามจะบอกอะไร แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วันลูกก็ยื่นจดหมายมาให้ ผมอ่านแล้วต้องอึ้งไป เพราะข้อความในจดหมายคือ “ขอเป็นกำลังใจให้พ่อเลิกเหล้าเข้าพรรษา”

    โดยปกติจะดื่มเบียร์หลังเลิกงานที่บ้าน คิดว่าแค่นั่งดื่มดูทีวีเป็นการพักผ่อน ไม่ได้เดือดร้อนใคร แต่พอเห็นจดหมายของลูก ผมรู้เลยว่าเขาห่วง และอยากให้ผมดูแลสุขภาพ ก็เลยให้สัญญากับลูกว่า ‘พ่อจะงดเหล้าเข้าพรรษา’ แล้วให้น้องเอาจดหมายไปแปะไว้ข้างฝาไว้คอยเตือนพ่อทุกวัน

    ตั้งแต่งดเหล้าได้ ผมมีเวลาให้ลูกมากขึ้น ได้ช่วยสอนการบ้าน สอนอ่านหนังสือให้ลูกคนเล็ก ตอนแรกน้องอ่านไม่ได้เลย แต่ตอนนี้อ่านได้แล้ว ผมภูมิใจมากครับ ตอนนี้สุขภาพก็ดีขึ้น น้ำหนักลดจาก 65 กิโลเหลือ 61 กิโล หุ่นดีขึ้น ใส่เสื้อผ้าไม่แน่น รู้สึกสดชื่นขึ้นทุกวัน ตอนตื่นเช้ามาไม่เพลีย ไม่ปวดหัวเหมือนตอนดื่มเหล้าอีกแล้ว

    ทุกวันนี้ ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับลูก ๆ ได้เห็นรอยยิ้มและความอบอุ่นในบ้าน ครอบครัวผมเหมือนได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง แค่เริ่มจากการ ‘งดเหล้าเข้าพรรษา’ ก็ทำให้เห็นว่าทั้งสุขภาพและความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้นได้จริง ๆ คาดไม่ถึงว่า แค่ 3 เดือนหลายอย่างก็เปลี่ยนไป”

    เด็กชายดรัณภพ ปัญญา (น้องโชกุน) นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนอนุบาลวัดพิชัยสงคราม เล่าว่า ที่โรงเรียน คุณครูสอนให้รู้ว่าเหล้าเบียร์-บุหรี่ มีผลเสียจะทำให้ร่างกายเราเกิดโรคต่างๆ เห็นคุณพ่อดื่มเบียร์ทุกวัน มันไม่มีประโยชน์เลย รู้สึกเป็นห่วงสุขภาพคุณพ่อ และเวลาคุณพ่อเมาแล้วคุณพ่อจะดุ จึงไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้คุณพ่อ จึงตั้งใจเขียนจดหมายมาขอให้พ่อเลิกเหล้าเบียร์ ตอนนี้ดีใจมากที่พ่อยอมงดเหล้าเบียร์ตามที่ผมขอได้ อยากขอบคุณพ่อครับ

    ขณะที่นางสาวพนารัตน์ กุลกำพล ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลวัดพิชัยสงคราม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 1 เปิดเผยว่า ทางโรงเรียนของเราเข้าร่วม โครงการ โรงเรียนคำพ่อสอน”โดยมีกิจกรรม โพธิสัตว์น้อย ลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า” เป็นส่วนหนึ่งซึ่งดร.ปิยสนธิ์ เชื้อทอง ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ มีเจตจำนงให้ร่วมขับเคลื่อน เพราะเป็นโครงการที่มีคุณค่าทั้งด้านการเรียนรู้และการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมของเด็ก ๆ สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่มุ่งยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างรอบด้าน

    ครูพนารัตน์เล่าต่อว่า เธอร่วมทำกิจกรรมนี้ต่อเนื่องมานานกว่า 9 ปี โดยเริ่มจากในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่อง พิษภัยของอบายมุข โดยเฉพาะสุราและบุหรี่ ผ่านกิจกรรมที่ลงมือทำจริง เช่น การทดลองตับไก่แช่เหล้า, การเขียนจดหมายขอพ่อแม่เลิกเหล้า และทำ “กระปุกออมสินค่าเหล้า” เพื่อเก็บเงินที่ไม่ใช้ไปกับการดื่มมาทำสิ่งดี ๆ แทน ครูที่โรงเรียนจะสอนให้เด็กเห็นว่าความรัก ความผูกพันในครอบครัวสำคัญกว่าสิ่งใด เด็ก ๆ เขียนจดหมายด้วยหัวใจ อยากให้พ่อแม่มีสุขภาพดี อยู่กับเขานาน ๆ

    “หลังจากที่คุณพ่อเลิกเหล้า บ้านของเขาเปลี่ยนไป ลูกทั้งสองตั้งใจเรียนมากขึ้น น้องโชกุนกล้าแสดงออกในห้องเรียน กล้ายกมือตอบคำถาม และพูดจาอ่อนโยนขึ้น จากที่เคยใช้คำพูดรุนแรงกับน้อง ก็เริ่มรู้จักขอโทษและพูดจาดีขึ้น” ครูพนารัตน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

    นางสาวอภิศา มะหะมาน ผู้รับผิดชอบโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน กล่าวว่า กิจกรรม โพธิสัตว์น้อย ลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า” เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน ซึ่งมีโรงเรียนเข้าร่วม 1870 แห่ง ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เกือบทั้งหมดเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา ซึ่งนักเรียนเป็นกลุ่มวัยเด็กที่ผู้ปกครองรักเอาใจใส่มาก เสียงเล็กๆของลูก อาจกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่

    การดำเนินงานเกิดจากความร่วมมือระหว่าง สสส. – สคล. – สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มุ่งให้เด็กได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะชีวิต ผ่านกิจกรรมที่สร้างการตระหนักรู้ถึงพิษภัยของแอลกอฮอล์ โดยใช้ “บันทึกความดี” เป็นพื้นที่ให้เด็กได้ถ่ายทอดความรู้สึกและสื่อสารความรักไปยังพ่อแม่

    “สิ่งที่เราทำอาจดูเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กและครอบครัว เด็กเรียนดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น และรู้ว่าความดีเล็ก ๆ ที่เขาทำ สามารถเปลี่ยนชีวิตคนที่เขารักได้จริง ๆ”นางสาวอภิศากล่าวทิ้งท้าย

  • สสส.–เครือข่ายงดเหล้า หนุนราชการ GenX ฉลองเกษียณปลอดเหล้า มท.–ศธ. รับลูกร่วมสร้างค่านิยมสร้างสุขสนุกแบบสุขภาพดี งดเหล้าเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ย้ำไม่มีจำนวนการดื่มที่ปลอดภัยและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อมะเร็ง 7 ชนิด

    สสส.–เครือข่ายงดเหล้า หนุนราชการ GenX ฉลองเกษียณปลอดเหล้า มท.–ศธ. รับลูกร่วมสร้างค่านิยมสร้างสุขสนุกแบบสุขภาพดี งดเหล้าเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ย้ำไม่มีจำนวนการดื่มที่ปลอดภัยและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อมะเร็ง 7 ชนิด

    สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายครูดีไม่มีอบายมุข และเครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอน เดินหน้ารณรงค์ “งานเลี้ยงเกษียณอายุราชการปลอดเหล้า” เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ของการจัดงานเลี้ยงในสังคมไทย โดยได้รับความร่วมมือจาก กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ออกหนังสือขอความร่วมมือผ่านระบบราชการไปยังหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ เพื่อให้การจัดงานเลี้ยงเกษียณอายุราชการเป็น ต้นแบบที่ดีของการจัดงานอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย

    นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เปิดเผยว่า สถานการณ์การดื่มแอลกอฮอล์ของไทยยังน่าเป็นห่วง โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 พบว่า มีผู้ดื่มเพิ่มขึ้นเป็น 20.9 ล้านคน (35.2%) จาก 16 ล้านคน (28.0%) ในปี 2564 โดยเฉพาะการดื่มเบียร์และคราฟต์เบียร์ซึ่งคิดเป็น 58.3% ของนักดื่มทั้งหมด ถ้าดูเฉพาะกลุ่มประชากร Gen X วัยทำงานเข้าสู่ช่วงสูงวัย อายุ 45-59ปี ประมาณ 15.9 ล้านคน พบการดื่ม 41.9% หรือประมาณ 6.7 ล้านคน ในจำนวน 2.8 ล้านคนที่ดื่มประจำ หวั่นส่งผลต่อสุขภาพมีปัญหาเจ็บป่วยในระยะยาว โดยเฉพาะ GenX ที่ดื่มสะสมมานาน ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ออกรายงานในวารสาร The Lancet Public Health ไม่มีปริมาณการดื่มใดที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทและก่อให้เกิดการเสพติด ผลวิจัยโดยสถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ ชี้เป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogenic to humans) กลุ่มที่ 1 คือมีผลโดยตรงต่อมนุษย์ อย่างน้อย 7 ชนิด 1) มะเร็งหลอดอาหาร 2) มะเร็งตับ 3) มะเร็งเต้านมในผู้หญิง 4) มะเร็งลำไส้ 5) มะเร็งช่องปาก 6) มะเร็งหลังโพรงจมูก และ 7) มะเร็งกล่องเสียง ทั้งนี้การเชิญชวนรณรงค์ปีนี้มีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการได้ขานรับแนวทางดังกล่าว โดยออกหนังสือขอความร่วมมือจัดงานเลี้ยงเกษียณปลอดเหล้า–เบียร์ ไปยังหน่วยงานในสังกัด โดยดูจากรายงานข่าวจะมีบุคลากร 2 กระทรวงเกษียณรวมหมื่นกว่าคน ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดปัญหาสุขภาพ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น สมถะ สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของข้าราชการผู้เกษียณในฐานะ ต้นแบบของสังคม”

    นางสาวอภิศา มะหะมาน ผู้จัดการโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนและเครือข่ายครูดีไม่มีอบายมุข กล่าวว่า ขอขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ ที่ตอบรับนโยบายนี้กว่า 100 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่ทำการปกครองจังหวัด สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสรรพสามิต สำนักงานตำรวจภูธร องค์การบริหารส่วนจังหวัด โรงเรียน รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นและภาครัฐในพื้นที่ต่าง ๆ  ซึ่งเสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ชี้ว่า การจัดงานเลี้ยงเกษียณที่มีการดื่มเหล้า–เบียร์ นำมาซึ่งผลกระทบหลายด้าน ทั้งเหตุทะเลาะวิวาทจากอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ อุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ การสูบบุหรี่ในงานที่กระทบต่อสุขภาพของผู้สูงอายุและเด็ก ตลอดจนการเป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชน และที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการ เมื่อภาพบรรยากาศการดื่มแพร่ไปในสังคมหรือบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่สอดคล้องกับการเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสาธารณะ

    “สำหรับงานเลี้ยงเกษียณปลอดเหล้า ไม่เพียงส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศงานที่อบอุ่น ปลอดภัย สุภาพ และเปี่ยมด้วยความจริงใจ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของงานเกษียณที่แท้จริงคือ การเชิดชูเกียรติและแสดงความกตัญญูต่อผู้เกษียณ”น.ส.อภิศากล่าว

    สสส. และเครือข่ายฯ ย้ำว่าแนวทางนี้ควรได้รับการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับวัฒนธรรมการจัดงานเลี้ยงราชการและงานสังคมไปสู่ “พื้นที่สร้างสุข” เน้นกิจกรรมเชิดชูเกียรติ มิตรภาพ และความกตัญญู แทนการพึ่งพาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ

  • สคล.เดินหน้าหนุนโครงการ “โรงเรียนคำพ่อสอน”

    สคล.เดินหน้าหนุนโครงการ “โรงเรียนคำพ่อสอน”

    ตั้งเป้าสร้างครูและเด็กคุณภาพขยายถึงครอบครัวสู่การเปลี่ยนแปลงยั่งยืน

    กว่า 9 ปีในการดำเนิน โครงการโรงเรียนคำพ่อสอน ของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจโดยการน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการพัฒนาการศึกษาและการสร้างคนดีสู่สังคม โครงการนี้มุ่งเน้นให้ครูเป็นผู้นำในการถ่ายทอดคุณธรรมและความรู้แก่เด็กนักเรียน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่เพียงแค่เน้นวิชาการ แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาจิตใจ การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครู นักเรียน และชุมชน 

    นางสาวอภิษามะหะมาน ผู้ประสานงานโครงการเครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอน สคล. กล่าวว่า โครงการฯนี้ เป็นการต่อยอดจากกิจกรรม โพธิสัตว์น้อย ลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า ซึ่งดำเนินมาถึงปีที่ 16 ในปีนี้ ต่อมาได้ขยายการทำงานโดยครูมีส่วนร่วมมากขึ้นพร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ครูดีไม่มีอบายมุข ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 13 ภายใต้การดำเนินกิจกรรมโพธิสัตว์น้อยและครูดีไม่มีอบายมุขนั้น มุ่งหวังจะให้ครูเป็นฐานเรื่องการเรียนการสอนการเป็นแบบอย่างที่ดี โดยน้อมนำตามกระแสพระราชดำรัส ในหลวงรัชกาลที่ 9 และนำมาสู่ดำเนินโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนขึ้น โดยยึดหลัก คือ “ให้ครูรักเด็ก ให้เด็กรักครู” ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูใจที่ยอดเยี่ยมด่านแรก เพราะหากเด็กรักครู ครูบอกอะไรเด็กจะเชื่อฟัง ขณะเดียวกันเมื่อครูรักเด็ก ครูจะให้อภัยเด็กเช่นกัน 

    เริ่มต้นจากครูสู่เด็กขยายไปถึงบ้าน

    นายภิญโญโสตถิฤทธิ์ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคลองกกสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพรเขต 2 กล่าวว่า ได้นำแนวคิดจากโครงการนี้มาประยุกต์ใช้ในโรงเรียนหลังจากเข้าร่วมการอบรม ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาครูและนักเรียนให้เป็นมากกว่าการศึกษาในห้องเรียน โดยเน้นให้ครูอบรมจิตใจเด็กด้วยความรัก ความเข้าใจ และเป็นตัวอย่างที่ดี ผ่านการดำเนินงานของ “ครูดีไม่มีอบายมุข” ซึ่งเป็นแกนนำสำคัญในการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม

    โครงการโรงเรียนคำพ่อสอน เป็นการเรียนรู้ที่ไม่ได้มีในตำรา ในโครงการจะเริ่มต้นจากความรัก “ให้ครูรักเด็ก” ในแนวทางนี้ ครูก็จะมีการปรับตัว ปรับพฤติกรรมตนเอง ต้องเตรียมความพร้อมที่จะนำเข้าสู่การเรียนรู้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสังคมปัจจุบันครอบครัวอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100 % บางคนต้องอยู่กับคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และ คุณครูคือพ่อ แม่คนที่ 2 ที่จะคอยอบรมบ่มนิสัยให้พวกเขา เพราะฉะนั้นคุณครูต้องมีใจรักเด็ก โรงเรียน คือบ้านหลังที่ 2 โครงการนี้ ทำให้ครูมีการเปลี่ยนแปลง ใช้คำพูดในเชิงบวก ฟังจากเหตุและผลด้วยความเข้าใจและต้องการช่วยเหลือแก้ปัญหา เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กเข้าหา กล้าพูดคุย และเชื่อฟัง ทำให้คุณครูทำงานง่ายขึ้น  กิจกรรมในตอนเช้า คือพลังบวก  เช่น การชื่นชมตัวเองเห็นคุณค่าตัวเอง เป็นหลักจิตวิทยาที่ได้พูด ซึ่งเป็นการบันทึกในทุก ๆ วัน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเชิงบวกของพวกเขาได้ 

    กิจกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลง

    นางสาวเยาวดีย้อยสวัสดิ์ หรือ “ครูหนู” แกนนำโครงการฯ กล่าวว่า กิจกรรมของโรงเรียนคำพ่อสอน ในระยะเวลา 1 ปี จะสอดคล้องกับเทศกาลของปี โดยกิจกรรมจะให้ความรักก่อนให้ความรู้ โดยโรงเรียน จะเปิดเพลง “คำพ่อสอน” ทุกเช้าเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและสร้างบรรยากาศเชิงบวก เด็ก ๆ จะร่วมกันทำความสะอาดโรงเรียนก่อนเข้าเรียน มีกิจกรรมหน้าเสาธง “กอด” ครูกอดเด็กๆเพื่อสร้างความอบอุ่นและความใกล้ชิด ยังมีการรออกกำลังกายเบา ๆ (Slow Jogging) เพื่อกระตุ้นพลังงานก่อนเรียน  ในช่วงรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา เด็ก ๆ จะร่วมกิจกรรมส่งจม.สื่อรัก ขอให้ลด ละ เลิกเหล้า ต่อด้วย ขอให้พ่อแม่เลิกเหล้าเลิกเบียร์อบายมุขในวันเกิดทุกสัปดาห์  หรือ ในช่วงสิ้นปี เด็ก ๆ จะเขียนเรียงความเกี่ยวกับตัวเองว่าจะปรับปรุงพัฒนาและตัวเองพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง ชื่นชมตัวเองที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขเป็นเด็กดีของสังคม เป็นต้น  ซึ่งความคืบหน้าของผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ 

    ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนใครเห็นต้องว้าว

    นอกจากนี้ยังมี ห้องเรียนพ่อแม่ ที่อบรมผู้ปกครองเกี่ยวกับการใช้หลักจิตวิทยาในการเลี้ยงดูบุตร ผ่านกิจกรรมที่สนุกและเข้าใจง่าย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ปกครองเป็นอย่างมาก โดยพบว่าหลังเข้าร่วมกิจกรรมผู้ปกครองมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น 

    นางสาวปริศนาพริกบางกา หรือ “ย่าเอี้ยง” ของน้องอาโป เล่าว่าหลังจากเข้าร่วม “ห้องเรียนพ่อแม่” ตนเริ่มเข้าใจถึงบทบาทของตนเองในการเลี้ยงหลานสาวมากขึ้น จากเดิมที่มีพฤติกรรมดื่มเหล้าและใช้คำพูดรุนแรง กลับกลายเป็นย่าที่ตั้งใจเลิกเหล้าเพื่อหลานสาว ทำให้ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวดีขึ้น หลานสาวเองก็มีความสุขและใกล้ชิดกับย่ามากขึ้นด้วย

    โครงการโรงเรียนคำพ่อสอนไม่ได้เพียงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของครูและนักเรียนแต่ยังส่งผลต่อผู้ปกครองและชุมชนโดยรอบโรงเรียนบ้านคลองกกนับเป็นตัวอย่างของการใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนอย่างรอบด้านทั้งในด้านวิชาการและจิตใจสร้างสรรค์สังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

  • “โรงเรียนคำพ่อสอน” : ต้นแบบแห่งความสำเร็จสร้างเด็กดีลดพฤติกรรมเสี่ยง ขยายผลจากระดับประถมสู่มัธยม

    “โรงเรียนคำพ่อสอน” : ต้นแบบแห่งความสำเร็จสร้างเด็กดีลดพฤติกรรมเสี่ยง ขยายผลจากระดับประถมสู่มัธยม

    ในยุคที่ปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนเป็นประเด็นสำคัญของสังคม “โครงการโรงเรียนคำพ่อสอน” โดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)  จากการดำเนินการมากว่า 9 ปี พบว่า การเริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ครูเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนและยังสร้างพฤติกรรมด้านบวกให้เยาวได้อีกด้วย โดยโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนเริ่มต้นพาครูเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจในตัวเอง เข้าใจในความแตกต่างของมนุษย์ ใช้ความรักความความเมตตา เข้าใจ ให้อภัย ให้โอกาส ทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ที่2นักเรียนจะอบอุ่นใจว่าเขามีคุณค่าในสายตาครูเขายังมีครูเป็นที่พึ่ง รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้ทำความดีเพื่อผู้อื่นในสิ่งใกล้ตัวอย่างต่อเนื่องเป็นวิถีชีวิตในโรงเรียน เช่นพี่สอนน้อง ฯซึ่งเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นหมู่คณะของนักเรียน ส่งผลให้นักเรียนเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self Esteem)

    เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง และครูต้องมีท่าทีในเชิงบวกกับนักเรียนเช่น ยิ้ม หาเรื่องชื่นชม ตั้งใจรับฟังในสิ่งที่นักเรียนพูด ซึ่งเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งตรงตามกระแสพระราชดำรัสเพื่อปฏิรูปการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) “..ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจต่อเพื่อนไม่ให้แข่งขันกันแค่ให้แข่งกับตัวเอง ให้เด็กที่เรียนเก่งกว่าช่วยสอนเพื่อนที่เรียนช้ากว่า ให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนทำร่วมกันเพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี..” แนวปฏิบัติดังกล่าวนี้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็กนักเรียนได้อย่างแท้จริง โดยโครงการนี้มิได้เพียงช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงของเด็ก ๆ เช่นเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ไม่หนีเรียน ลดความก้าวร้าวรุนแรงในโรงเรียนแล้ว  แต่ยังส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก ทำให้การเรียนรู้ด้านวิชาการของเด็กดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

    ขยายโอกาสแห่งความสำเร็จจากประถมสู่มัธยม

    จากความสำเร็จของโครงการฯ ในระดับประถมศึกษา ได้นำไปสู่การขยายผลสู่ระดับมัธยมศึกษา โดย “โรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ”  สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา (สพป.) จังหวัดชุมพร เขต 2  เป็นหนึ่งในโมเดลต้นแบบของการประยุกต์ใช้แนวทางของโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนจนเกิดผลสำเร็จ

    นางสาวรจนากลิ่นหอมผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญตำบลหาดยายอำเภอหลังสวนจังหวัดชุมพร กล่าวว่า “โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีทั้งนักเรียนประถมศึกษา (ป. 1 – ป.6 ) และมัธยมศึกษา (ม.1 – ม.3 ) ซึ่งก่อนหน้านี้พบปัญหาด้านพฤติกรรมของเด็ก เช่น การไม่เข้าเรียน การยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เราจึงได้นำหลักการของโรงเรียนคำพ่อสอนมาใช้กับเด็กระดับมัธยมฯ ในกระบวนการเดียวกัน แต่ละเอียดอ่อนต่างกัน ด้วยพฤติกรรมเป็นเด็กที่โตกว่า โดยมีกิจกรรมที่โรงเรียนได้นำมาจากโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนมาทำเป็นกิจวัตรหรือเป็นวิถีของโรงเรียนคือ เปิดเทอมสร้างสุขให้ความรักก่อนให้ความรู้ เช่น การกอดยิ้มชมสบตาสวัสดี ซึ่งโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนได้พาครูไปเรียนรู้จิตวิทยานีโอฮิวแมนนิส กับรศ.ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน 

    นอกจากนี้ ยังมีขบวนการตาสับปะรด  ที่ให้นักเรียนช่วยกันสอดส่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและรายงานครูโดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งช่วยลดปัญหาการหนีเรียนและพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งเด็กมัธยมฯ สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต เข้าถึงสื่อโซเชียลได้ง่าย เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมาในรูปแบบต่าง ๆ เราต้องใส่ใจให้มาก การชวนนักเรียนมาทำกิจกรรมในหลายๆ มิติ มอบหมายให้มีบทบาทในกิจกรรมต่าง ๆ จะทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการยอมรับจากสังคม เด็กจะมีความภูมิใจในตนเอง    ผลลัพธ์ที่ได้คือเด็กมีจิตสาธารณะมากขึ้นลดพฤติกรรมก้าวร้าวและเรียนรู้เกี่ยวกับโทษภัยของยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ

    เปลี่ยนแปลงครูสู่การเปลี่ยนแปลงเด็ก

    “โรงเรียนคำพ่อสอน” ที่เริ่มต้นจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของครูที่เข้าร่วมโครงการ  ทำให้เกิดความเข้าใจต่อพฤติกรรมของนักเรียนและรับฟังนักเรียนมากขึ้น ทำให้นักเรียนมีความกล้าเข้ามาปรึกษาครู การเปลี่ยนแปลงของครู จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเด็กนักเรียนเช่นกัน

    นางสาวเบญจมาศคงคาชัยหรือครูบิว”  โรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ.หลังสวน.ชุมพร  กล่าวถึงแนวทางการนำโครงการ “โรงเรียนคำพ่อสอน” มาประยุกต์ใช้ว่า “เมื่อก่อนครูบางคนอาจจะใช้คำพูดรุนแรงกับเด็ก แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการ ครูกลายเป็นผู้รับฟังที่ดี ใช้คำพูดสุภาพ และให้ความรักความเข้าใจเด็กมากขึ้น ส่งผลให้เด็กกล้าปรึกษาครู ลดช่องว่างระหว่างครูกับนักเรียน และทำให้บรรยากาศในโรงเรียนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”   นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังมีกิจกรรม พี่สอนน้อง ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมัธยมเป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องประถม ส่งเสริมความรับผิดชอบและภาวะผู้นำ ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกมีคุณค่า และช่วยลดปัญหาพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ และการใช้สื่อโซเชียลในทางที่ผิดอีกด้วย

    เปลี่ยนแปลงตนเองจนเป็นแบบอย่าง

    เด็กชายจรูญโรจน์ปานมณีหรือน้องกันนักเรียนชั้น.2 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน เดิมทีเขาติดบุหรี่ตั้งแต่ชั้น ม.1 เนื่องจากอิทธิพลจากเพื่อนกลุ่มเก่า แต่เมื่อครอบครัวทราบและขอให้เลิก เขาจึงตัดสินใจเลิกสูบบุหรี่โดยอาศัยกิจกรรมสนับสนุนของโรงเรียน เช่น การเข้าร่วมโครงการ “พี่สอนน้อง” และการใช้ลูกอมเลิกบุหรี่ที่ทางโรงเรียนจัดทำขึ้น

    น้องกันกล่าวว่า “พอเลิกบุหรี่ได้ ผมรู้สึกดีขึ้นมาก มีความตั้งใจเรียน และอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง ๆ ในโรงเรียน ตอนนี้เข้ามาเป็นทีมงาน ทำกิจกรรมดี ๆ สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนครับ “

    โรงเรียนคำพ่อสอน”  โมเดลแห่งการสร้างสังคมที่ดี

    นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังได้เชื่อมโยงโครงการฯ กับชุมชน โดยการนำทรัพยากรที่มีอยู่มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น “สาหร่ายใบไชยาทอดกรอบ” และ “ชามัทฉะไชยา” (ชาเขียว) ซึ่งได้รับรางวัลระดับจังหวัด นอกจากนี้ ยังมี “ลูกอมหญ้าหมอน้อย” ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้การสร้างรายได้ และเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองด้วย

    การนำกระบวนการจากโครงการ โรงเรียนคำพ่อสอน มาใช้ในโรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแต่ลดพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียน แต่ยังช่วยปรับเปลี่ยนแนวทางการสอนของครูและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในโรงเรียน โมเดลนี้แสดงให้เห็นว่า หากมีแนวทางที่เหมาะสมและการสนับสนุนที่ดีจากครู ผู้ปกครอง และชุมชน ก็สามารถสร้างโรงเรียนที่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการพัฒนาเยาวชนได้อย่างแท้จริง

  • พะเยาปลูกพลังบวกสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกัน ปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่)ในครูปฐมวัย

    พะเยาปลูกพลังบวกสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกัน ปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่)ในครูปฐมวัย

    วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ดร.ธงชัย คำปวง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 เป็นประธานประชุมชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานโรงเรียนลดปัจจัยเสี่ยงจากเหล้า บุหรี่ จัดขึ้นโดยประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา ร่วมกับ คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) อำเภอแม่ใจ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินการตามโครงการลดปัจจัยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบบูรณาการโดยกลไก พชอ.จังหวัดพะเยายุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมลดนักดื่มหน้าใหม่ “เด็กแม่ใจวิถีพุทธ โพธิสัตว์น้อยชวนพ่อแม่เลิกเหล้า” วัตถุประสงค์ เพื่อเชิญชวนครู ผู้ปกครองและครอบครัว ร่วมรณรงค์ลด ละ เลิกการดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2566 กลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ใจ จำนวน 18 แห่งและโรงเรียนแม่ใจวิทยาคม รวมจำนวน 19 แห่ง

    ดร.ธงชัย  คำปวง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ได้กล่าวขอบคุณเครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา  และคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอแม่ใจ นายนรา สุยะเพี้ยง นายกสมาคมครูและผู้บริหารสถานศึกษาอำเภอแม่ใจ ผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 18 แห่ง และโรงเรียนแม่ใจวิทยาคม ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างสิ่งแวดล้อมปลอดภัยให้แก่เด็กและเยาวชน ซึ่งกิจกรรมในวันนี้เป็นการต่อยอดจากโครงการปลูกพลังบวกสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกัน ปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่)ในครูปฐมวัย ซึ่งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ได้ร่วมกับโครงการปลูกพลังฯ และเครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณและสื่อรณรงค์จากประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา และศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนบนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนคณะผู้บริหารโรงเรียน เชิญชวนครูผู้ปกครองเด็กสมัครเข้าร่วมงดเหล้าเข้าพรรษา ภายใต้เคมเปญ “ฤดูกาลสุขปลอดเหล้า และงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2566”เพื่อสุขภาพและรักษาศีล 5 ตามข้อปฏิบัติของชาวพุทธ

    ด้าน นายนิธิศ ไชยปิน ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านป่าแฝกสามัคคี กล่าวว่า ครูจะเป็นพลังหนึ่งความคิด และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ผมในฐานะผู้อำนวยก็พยายามทำให้เด็กได้มีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ทางความคิด และเด็กก็จะมีโอกาสเข้าใจตนเอง โดยเริ่มจากการเรียน การสอนเชิงบวกการชื่นชม การรับฟัง การเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความสามารถ และส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์ ปลอดภัย ทั้งครูและนักเรียนเป็นการเรียนรู้ร่วมกันโดยมีทำกิจกรรมร่วมกัน แฝงความคิดเชิงบวก และสถานที่ศึกษาก็ส่งเสริมในการสร้างแรงบันดาลใจ และพลังบวกควบคู่กันไป

    นางสาวยิ่งพร เจียตระกูล ผอ.โรงเรียนบ้านแม่จว้า ตำบลแม่สุก อำเอแม่ใจ อีกหนึ่งโรงเรียนที่ได้ดำเนินการโรงเรียนโพธิสัตว์น้อย ชวนพ่อแม่เลิกเหล้า “ตามโครงการลดนักดื่ม หน้าใหม่”ได้จัดอบรมให้ความรู้แก่นักเรียน จำนวน 48 คนให้รู้เท่าทันพิษภัยของสุรา ได้มีการทดลอง โดยการแช่ตับหมู ตับไก่ลงในน้ำเปล่า สุรา และเบียร์ในปริมาณเท่าๆ กัน จากนั้นให้นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตับ ซึ่งผลที่นักเรียนสังเกตได้คือ ตับที่แช่ในน้ำเปล่าจะมีสภาพคงเดิม แต่ตับที่แช่ในสุราและเบียร์จะเบี่อยยุ่ย ซึ่งสรุปผลการทดลองได้ว่า สุราและเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่มีกทธิ์ทำลายตับได้ หากดื่มจะเท่ากับการทำลายร่างกายตัวเราเอง อีกทั้งบูรณาการร่วมกับกิจกรรมอื่นๆอีกหลากหลาย ถือเป็นการสร้างความตระหนัก และสร้างพฤติกรรมสุขภาพให้นักเรียนได้นำไปบอกต่อผู้ปกครองในครอบครัว ร่วมลดนักดื่มหน้าใหม่ และรณรงค์การลดการบริโภคแอลกอฮอล์ในครอบครัวให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

                   ภารกิจสำคัญในการประชุมวันนี้อีกภารกิจ ได้แก่ มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ บันทึกข้อตกลง เรื่อง “การขับเคลื่อนงานโครงการลดปัจจัยเสี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบบูรณาการโดยกลไก พอช.จังหวัดพะเยา ประจำปีการศึกษา 2566”ระหว่าง ประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา กับ สมาคมครูและผู้บริหารสถานศึกษาอำเภอแม่ใจ และ บันทึกข้อตกลง เรื่อง“การขับเคลื่อนงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข” ประจำปีการศึกษา 2566 ระหว่าง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 กับ กลุ่มแม่ใจ ซึ่งบันทึกข้อตกลงทั้งสองฉบับ จะมีการปฏิบัตินำสู่ให้เกิดนโยบาย และการจัดกิจกรรมต่างๆให้เกิดการจัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยปลอดเหล้าแก่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษา โดยมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงาน องค์กร ชุมชนท้องถิ่นเพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่อันจะส่งผลให้เยาวชนมีคุณภาพและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคนอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

    ข่าวโดย:ลออ มหาวรรณศรี

    ภาพโดย :Somkuan