Category: โรงเรียนคำพ่อสอน

  • สสส.–เครือข่ายงดเหล้า หนุนราชการ GenX ฉลองเกษียณปลอดเหล้า มท.–ศธ. รับลูกร่วมสร้างค่านิยมสร้างสุขสนุกแบบสุขภาพดี งดเหล้าเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ย้ำไม่มีจำนวนการดื่มที่ปลอดภัยและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อมะเร็ง 7 ชนิด

    สสส.–เครือข่ายงดเหล้า หนุนราชการ GenX ฉลองเกษียณปลอดเหล้า มท.–ศธ. รับลูกร่วมสร้างค่านิยมสร้างสุขสนุกแบบสุขภาพดี งดเหล้าเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ย้ำไม่มีจำนวนการดื่มที่ปลอดภัยและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อมะเร็ง 7 ชนิด

    สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายครูดีไม่มีอบายมุข และเครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอน เดินหน้ารณรงค์ “งานเลี้ยงเกษียณอายุราชการปลอดเหล้า” เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ของการจัดงานเลี้ยงในสังคมไทย โดยได้รับความร่วมมือจาก กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้ออกหนังสือขอความร่วมมือผ่านระบบราชการไปยังหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ เพื่อให้การจัดงานเลี้ยงเกษียณอายุราชการเป็น ต้นแบบที่ดีของการจัดงานอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย

    นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เปิดเผยว่า สถานการณ์การดื่มแอลกอฮอล์ของไทยยังน่าเป็นห่วง โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 พบว่า มีผู้ดื่มเพิ่มขึ้นเป็น 20.9 ล้านคน (35.2%) จาก 16 ล้านคน (28.0%) ในปี 2564 โดยเฉพาะการดื่มเบียร์และคราฟต์เบียร์ซึ่งคิดเป็น 58.3% ของนักดื่มทั้งหมด ถ้าดูเฉพาะกลุ่มประชากร Gen X วัยทำงานเข้าสู่ช่วงสูงวัย อายุ 45-59ปี ประมาณ 15.9 ล้านคน พบการดื่ม 41.9% หรือประมาณ 6.7 ล้านคน ในจำนวน 2.8 ล้านคนที่ดื่มประจำ หวั่นส่งผลต่อสุขภาพมีปัญหาเจ็บป่วยในระยะยาว โดยเฉพาะ GenX ที่ดื่มสะสมมานาน ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ออกรายงานในวารสาร The Lancet Public Health ไม่มีปริมาณการดื่มใดที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เป็นสารที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทและก่อให้เกิดการเสพติด ผลวิจัยโดยสถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ ชี้เป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogenic to humans) กลุ่มที่ 1 คือมีผลโดยตรงต่อมนุษย์ อย่างน้อย 7 ชนิด 1) มะเร็งหลอดอาหาร 2) มะเร็งตับ 3) มะเร็งเต้านมในผู้หญิง 4) มะเร็งลำไส้ 5) มะเร็งช่องปาก 6) มะเร็งหลังโพรงจมูก และ 7) มะเร็งกล่องเสียง ทั้งนี้การเชิญชวนรณรงค์ปีนี้มีกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการได้ขานรับแนวทางดังกล่าว โดยออกหนังสือขอความร่วมมือจัดงานเลี้ยงเกษียณปลอดเหล้า–เบียร์ ไปยังหน่วยงานในสังกัด โดยดูจากรายงานข่าวจะมีบุคลากร 2 กระทรวงเกษียณรวมหมื่นกว่าคน ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดปัญหาสุขภาพ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น สมถะ สะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีของข้าราชการผู้เกษียณในฐานะ ต้นแบบของสังคม”

    นางสาวอภิศา มะหะมาน ผู้จัดการโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนและเครือข่ายครูดีไม่มีอบายมุข กล่าวว่า ขอขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ ที่ตอบรับนโยบายนี้กว่า 100 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ที่ทำการปกครองจังหวัด สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสรรพสามิต สำนักงานตำรวจภูธร องค์การบริหารส่วนจังหวัด โรงเรียน รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นและภาครัฐในพื้นที่ต่าง ๆ  ซึ่งเสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ชี้ว่า การจัดงานเลี้ยงเกษียณที่มีการดื่มเหล้า–เบียร์ นำมาซึ่งผลกระทบหลายด้าน ทั้งเหตุทะเลาะวิวาทจากอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ อุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับ การสูบบุหรี่ในงานที่กระทบต่อสุขภาพของผู้สูงอายุและเด็ก ตลอดจนการเป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชน และที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของหน่วยงานราชการ เมื่อภาพบรรยากาศการดื่มแพร่ไปในสังคมหรือบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่สอดคล้องกับการเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสาธารณะ

    “สำหรับงานเลี้ยงเกษียณปลอดเหล้า ไม่เพียงส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศงานที่อบอุ่น ปลอดภัย สุภาพ และเปี่ยมด้วยความจริงใจ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของงานเกษียณที่แท้จริงคือ การเชิดชูเกียรติและแสดงความกตัญญูต่อผู้เกษียณ”น.ส.อภิศากล่าว

    สสส. และเครือข่ายฯ ย้ำว่าแนวทางนี้ควรได้รับการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับวัฒนธรรมการจัดงานเลี้ยงราชการและงานสังคมไปสู่ “พื้นที่สร้างสุข” เน้นกิจกรรมเชิดชูเกียรติ มิตรภาพ และความกตัญญู แทนการพึ่งพาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ

  • สสส.–เครือข่ายงดเหล้า ชู ‘เปิดเทอมสร้างสุข ให้ความรักก่อนให้ความรู้’ จุดเปลี่ยนครูผู้สร้าง ปูทางปฏิรูปการศึกษา สร้างภูมิคุ้มปัจจัยเสี่ยงปกป้องชีวิตเด็กไทย

    สสส.–เครือข่ายงดเหล้า ชู ‘เปิดเทอมสร้างสุข ให้ความรักก่อนให้ความรู้’ จุดเปลี่ยนครูผู้สร้าง ปูทางปฏิรูปการศึกษา สร้างภูมิคุ้มปัจจัยเสี่ยงปกป้องชีวิตเด็กไทย

    เครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ เครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอน เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ภายใต้กิจกรรม “เปิดเทอมสร้างสุข” ต้อนรับวันเปิดเทอมโดยกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน ได้แก่ กิจกรรมรับขวัญวันเปิดเทอม การกอดทรงพลัง การให้นักเรียนเรียนรู้ปัญหาจากปัจจัยเสี่ยงแอลกอฮอล์ บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า กิจกรรมร้องเพลง “ให้ความรักก่อนให้ความรู้” เป็นต้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันเด็กจากปัจจัยเสี่ยง เช่น เหล้า บุหรี่ และยาเสพติด ทั้งนี้ การจะเปลี่ยนแปลงการศึกษาอันดับแรงคือ “ครู” ต้องกล้าที่จะเปลี่ยนตัวเองก่อน

    ดร.ชดาษาจันพรหมทอง (ครูซารา) จากโรงเรียนบ้านนาม่วง จ.สงขลา เล่าถึงแนวทางการทำงานว่าในการแก้ปัญหาการศึกษาต้องคำนึงถึงบริบทสังคม โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด และสภาพครอบครัวชุมชน ซึ่งโรงเรียนได้นำแนวคิดการปรับความสัมพันธ์มาเป็นประเด็นหลักก่อนที่จะเริ่มต้นสอนเนื้อหาวิชาต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้คุ้นเคย กล้าที่จะมาปรึกษา และเคารพเราด้วยความรัก เราจึงนำแนวทางโรงเรียนคำพ่อสอนมาปฏิบัติ ซึ่งในช่วงเปิดเทอมจะมีกิจกรรมเปิดเทอมสร้างสุขเป็นไฮไลต์เพื่อให้นักเรียนได้ปรับตัว “ล้างข้อมูลเก่า” ระหว่างปิดเทอม และเตรียมใจเด็กให้เปิดรับ “ข้อมูลใหม่” ผ่านกระบวนการทบทวนตนเอง ช่วยให้เด็กตระหนักว่าสิ่งที่ดูเหมือนไม่อันตราย เช่น บุหรี่ไฟฟ้า อาจมีผลร้ายกว่าที่คิด จึงจัดกิจกรรม “ล้างข้อมูล” เพื่อให้เด็กได้ทบทวนตนเอง และเริ่มต้นปีการศึกษาอย่างมีคุณภาพ โดยครูจะมีบทบาทในการสื่อสารกับผู้ปกครองถึงภัยจากอบายมุข โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งบางครอบครัวยังไม่รู้จักและเข้าใจความเสี่ยงอย่างถ่องแท้

    ..เยาวดีย้อยสวัสดิ์ (ครูหนู) โรงเรียนบ้านคลองกก จ.ชุมพร เล่าว่า หลังจากเข้าร่วมเครือข่าย ‘โรงเรียนคำพ่อสอน’ จึงได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ปกครองมากขึ้น มีนักเรียนเพิ่มขึ้น จากโรงเรียนขนาดเล็ก ขยายเป็นขนาดกลาง สำหรับกิจกรรม “เปิดเทอมสร้างสุข”  เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องเติมความรัก ความอบอุ่นให้เด็กๆ เพื่อให้รู้สึกดีและอยากมาโรงเรียน “เราเริ่มจากกิจกรรมกอดส่งพลัง ผูกข้อมือรับขวัญ ทักทายพูดคุย จากนั้นเปิดคลิปให้เด็กเห็นผลกระทบของเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด เพื่อให้เขาตระหนักรู้ด้วยตัวเอง”

    นอกจากนี้ ยังนำกิจกรรมจากคู่มือ “โรงเรียนคำพ่อสอน” มาบูรณาการกับค่ายวิชาการในวันเปิดเทอม แทนการนั่งเรียนตามปกติ “เด็ก ๆ ชอบมาก เพราะสนุกและไม่รู้สึกเบื่อกับการมาโรงเรียน” แม้แต่ช่วงปิดเทอม เด็กบางคนยังกลับมาช่วยครูทำความสะอาดโรงเรียน และทำแปลงเกษตร สะท้อนถึงความสุขที่เขามีต่อชีวิตในโรงเรียนอย่างแท้จริง

    ..สุรัสวดีเลิกบางพลัด (ครูตาล) โรงเรียนวัดโสภณารามฯ จ.สมุทรสาคร กล่าวว่า กิจกรรม “เปิดเทอมสร้างสุข” มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน รวมถึงปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อโรงเรียนและเพื่อนร่วมชั้น เพราะในช่วงเปิดเทอม โดยเฉพาะวันแรก ๆ เด็กจะต้องปรับตัวจากการหยุดเรียนที่ยาวนาน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเครียด กิจกรรมนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เด็ก ๆ รู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง และผ่อนคลายมากขึ้นโรงเรียนเราตั้งอยู่ใกล้เมืองในแหล่งโรงงานที่มีความเสี่ยงสูง อาจเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับสิ่งเสพติด เหล้า เบียร์ หรือบุหรี่มากกว่าพื้นที่ชนบททั่วไป แม้แต่เด็กเล็กในระดับชั้นอนุบาล เมื่อถามถึงบุหรี่ไฟฟ้า ก็สามารถตอบได้ว่ารู้จัก แสดงให้เห็นว่า เด็กซึมซับพฤติกรรมจากสิ่งแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น การให้ความรักควบคู่ไปกับการให้ความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นเหมือน ‘ภูมิคุ้มกัน’ ที่ดีที่สุดในการป้องกันพวกเขาจากปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้

    ครูตาลยังกล่าวเสริมว่า การแสดงออกของครู ไม่ว่าจะเป็นท่าที คำพูด หรือพฤติกรรม ล้วนมีพลังในการสื่อสารถึงนักเรียนอย่างลึกซึ้ง และเมื่อเด็กได้รับพลังบวกเหล่านี้ พวกเขาก็จะถ่ายทอดกลับไปยังครอบครัวและผู้ปกครอง กลายเป็นการสื่อสารเชิงบวกที่ต่อเนื่องและยั่งยืน

    นายศักดิ์ดาศรีมานนท์ (ครูดา) โรงเรียนบ้านบางน้ำจืด สมุทรสาคร เสริมว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนให้ความสำคัญกับโครงการฯอย่างยิ่ง เพราะหากโรงเรียนเป็นพื้นที่แห่งความสุข เด็กก็จะอยากมาเรียน ครูจึงต้องเป็น “แรงดึงดูด” ให้เด็กอยากเข้าใกล้ ซึ่งเขาเองจากที่เคยเป็นครูที่ดุมาก่อน เพราะคิดว่าทำแบบนี้แล้วเด็กจะดี แต่ก็พบว่าเด็กออกห่างจากเรา เมื่อได้ร่วมโครงการได้เปลี่ยนแปลงตนเองเลิกดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ผลลัพธ์นี้ไม่เพียงสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่ความไว้วางใจและความร่วมมือจากผู้ปกครอง เมื่อนักเรียนเริ่มวิ่งมากอดและทักทาย สร้างความสุขให้ทั้งสองฝ่าย ไม่เพียงสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ดีขึ้นเท่านั้น พวกเขาอาสาช่วยครูเขียนกระดาน จัดโต๊ะเก้าอี้ และเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างกระตือรือร้น ช่วงเตรียมงานเปิดเทอม

    เภสัชกรสงกรานต์ภาคโชคดีประธานเครือข่ายงดเหล้า กล่าวปิดเสวนาว่า ช่วงเปิดเทอมคือจังหวะสำคัญของการเริ่มต้นใหม่ เด็กจะได้พบครู เพื่อน และสิ่งแวดล้อมใหม่ กิจกรรม “เปิดเทอมสร้างสุข” จึงสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ “เรียนดี มีความสุข” ที่เน้นการปลูกฝังให้เด็กรู้เท่าทันและไม่ตกเป็นเหยื่อของอบายมุข โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งกำลังเป็นปัญหาในกลุ่มเยาวชนอย่างน่ากังวล ดังนั้น หากโรงเรียนใดสนใจกระบวนการแก้ปัญหาการศึกษาโดยใช้แนวทางโณงเรียนคำพ่อสอนสามารถติดตามได้ตามเพจเฟสบุ๊คโรงเรียนคำพ่อสอน https://web.facebook.com/chakkampaoson

  • สคล.เดินหน้าหนุนโครงการ “โรงเรียนคำพ่อสอน”

    สคล.เดินหน้าหนุนโครงการ “โรงเรียนคำพ่อสอน”

    ตั้งเป้าสร้างครูและเด็กคุณภาพขยายถึงครอบครัวสู่การเปลี่ยนแปลงยั่งยืน

    กว่า 9 ปีในการดำเนิน โครงการโรงเรียนคำพ่อสอน ของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจโดยการน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการพัฒนาการศึกษาและการสร้างคนดีสู่สังคม โครงการนี้มุ่งเน้นให้ครูเป็นผู้นำในการถ่ายทอดคุณธรรมและความรู้แก่เด็กนักเรียน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่เพียงแค่เน้นวิชาการ แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาจิตใจ การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครู นักเรียน และชุมชน 

    นางสาวอภิษามะหะมาน ผู้ประสานงานโครงการเครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอน สคล. กล่าวว่า โครงการฯนี้ เป็นการต่อยอดจากกิจกรรม โพธิสัตว์น้อย ลูกขอพ่อแม่เลิกเหล้า ซึ่งดำเนินมาถึงปีที่ 16 ในปีนี้ ต่อมาได้ขยายการทำงานโดยครูมีส่วนร่วมมากขึ้นพร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ครูดีไม่มีอบายมุข ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 13 ภายใต้การดำเนินกิจกรรมโพธิสัตว์น้อยและครูดีไม่มีอบายมุขนั้น มุ่งหวังจะให้ครูเป็นฐานเรื่องการเรียนการสอนการเป็นแบบอย่างที่ดี โดยน้อมนำตามกระแสพระราชดำรัส ในหลวงรัชกาลที่ 9 และนำมาสู่ดำเนินโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนขึ้น โดยยึดหลัก คือ “ให้ครูรักเด็ก ให้เด็กรักครู” ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูใจที่ยอดเยี่ยมด่านแรก เพราะหากเด็กรักครู ครูบอกอะไรเด็กจะเชื่อฟัง ขณะเดียวกันเมื่อครูรักเด็ก ครูจะให้อภัยเด็กเช่นกัน 

    เริ่มต้นจากครูสู่เด็กขยายไปถึงบ้าน

    นายภิญโญโสตถิฤทธิ์ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคลองกกสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชุมพรเขต 2 กล่าวว่า ได้นำแนวคิดจากโครงการนี้มาประยุกต์ใช้ในโรงเรียนหลังจากเข้าร่วมการอบรม ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาครูและนักเรียนให้เป็นมากกว่าการศึกษาในห้องเรียน โดยเน้นให้ครูอบรมจิตใจเด็กด้วยความรัก ความเข้าใจ และเป็นตัวอย่างที่ดี ผ่านการดำเนินงานของ “ครูดีไม่มีอบายมุข” ซึ่งเป็นแกนนำสำคัญในการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม

    โครงการโรงเรียนคำพ่อสอน เป็นการเรียนรู้ที่ไม่ได้มีในตำรา ในโครงการจะเริ่มต้นจากความรัก “ให้ครูรักเด็ก” ในแนวทางนี้ ครูก็จะมีการปรับตัว ปรับพฤติกรรมตนเอง ต้องเตรียมความพร้อมที่จะนำเข้าสู่การเรียนรู้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสังคมปัจจุบันครอบครัวอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100 % บางคนต้องอยู่กับคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และ คุณครูคือพ่อ แม่คนที่ 2 ที่จะคอยอบรมบ่มนิสัยให้พวกเขา เพราะฉะนั้นคุณครูต้องมีใจรักเด็ก โรงเรียน คือบ้านหลังที่ 2 โครงการนี้ ทำให้ครูมีการเปลี่ยนแปลง ใช้คำพูดในเชิงบวก ฟังจากเหตุและผลด้วยความเข้าใจและต้องการช่วยเหลือแก้ปัญหา เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กเข้าหา กล้าพูดคุย และเชื่อฟัง ทำให้คุณครูทำงานง่ายขึ้น  กิจกรรมในตอนเช้า คือพลังบวก  เช่น การชื่นชมตัวเองเห็นคุณค่าตัวเอง เป็นหลักจิตวิทยาที่ได้พูด ซึ่งเป็นการบันทึกในทุก ๆ วัน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเชิงบวกของพวกเขาได้ 

    กิจกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลง

    นางสาวเยาวดีย้อยสวัสดิ์ หรือ “ครูหนู” แกนนำโครงการฯ กล่าวว่า กิจกรรมของโรงเรียนคำพ่อสอน ในระยะเวลา 1 ปี จะสอดคล้องกับเทศกาลของปี โดยกิจกรรมจะให้ความรักก่อนให้ความรู้ โดยโรงเรียน จะเปิดเพลง “คำพ่อสอน” ทุกเช้าเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและสร้างบรรยากาศเชิงบวก เด็ก ๆ จะร่วมกันทำความสะอาดโรงเรียนก่อนเข้าเรียน มีกิจกรรมหน้าเสาธง “กอด” ครูกอดเด็กๆเพื่อสร้างความอบอุ่นและความใกล้ชิด ยังมีการรออกกำลังกายเบา ๆ (Slow Jogging) เพื่อกระตุ้นพลังงานก่อนเรียน  ในช่วงรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา เด็ก ๆ จะร่วมกิจกรรมส่งจม.สื่อรัก ขอให้ลด ละ เลิกเหล้า ต่อด้วย ขอให้พ่อแม่เลิกเหล้าเลิกเบียร์อบายมุขในวันเกิดทุกสัปดาห์  หรือ ในช่วงสิ้นปี เด็ก ๆ จะเขียนเรียงความเกี่ยวกับตัวเองว่าจะปรับปรุงพัฒนาและตัวเองพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง ชื่นชมตัวเองที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขเป็นเด็กดีของสังคม เป็นต้น  ซึ่งความคืบหน้าของผลลัพธ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ 

    ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนใครเห็นต้องว้าว

    นอกจากนี้ยังมี ห้องเรียนพ่อแม่ ที่อบรมผู้ปกครองเกี่ยวกับการใช้หลักจิตวิทยาในการเลี้ยงดูบุตร ผ่านกิจกรรมที่สนุกและเข้าใจง่าย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ปกครองเป็นอย่างมาก โดยพบว่าหลังเข้าร่วมกิจกรรมผู้ปกครองมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น 

    นางสาวปริศนาพริกบางกา หรือ “ย่าเอี้ยง” ของน้องอาโป เล่าว่าหลังจากเข้าร่วม “ห้องเรียนพ่อแม่” ตนเริ่มเข้าใจถึงบทบาทของตนเองในการเลี้ยงหลานสาวมากขึ้น จากเดิมที่มีพฤติกรรมดื่มเหล้าและใช้คำพูดรุนแรง กลับกลายเป็นย่าที่ตั้งใจเลิกเหล้าเพื่อหลานสาว ทำให้ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวดีขึ้น หลานสาวเองก็มีความสุขและใกล้ชิดกับย่ามากขึ้นด้วย

    โครงการโรงเรียนคำพ่อสอนไม่ได้เพียงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของครูและนักเรียนแต่ยังส่งผลต่อผู้ปกครองและชุมชนโดยรอบโรงเรียนบ้านคลองกกนับเป็นตัวอย่างของการใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนอย่างรอบด้านทั้งในด้านวิชาการและจิตใจสร้างสรรค์สังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

  • “โรงเรียนคำพ่อสอน” : ต้นแบบแห่งความสำเร็จสร้างเด็กดีลดพฤติกรรมเสี่ยง ขยายผลจากระดับประถมสู่มัธยม

    “โรงเรียนคำพ่อสอน” : ต้นแบบแห่งความสำเร็จสร้างเด็กดีลดพฤติกรรมเสี่ยง ขยายผลจากระดับประถมสู่มัธยม

    ในยุคที่ปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนเป็นประเด็นสำคัญของสังคม “โครงการโรงเรียนคำพ่อสอน” โดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)  จากการดำเนินการมากว่า 9 ปี พบว่า การเริ่มต้นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ครูเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชนและยังสร้างพฤติกรรมด้านบวกให้เยาวได้อีกด้วย โดยโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนเริ่มต้นพาครูเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจในตัวเอง เข้าใจในความแตกต่างของมนุษย์ ใช้ความรักความความเมตตา เข้าใจ ให้อภัย ให้โอกาส ทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ที่2นักเรียนจะอบอุ่นใจว่าเขามีคุณค่าในสายตาครูเขายังมีครูเป็นที่พึ่ง รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้ทำความดีเพื่อผู้อื่นในสิ่งใกล้ตัวอย่างต่อเนื่องเป็นวิถีชีวิตในโรงเรียน เช่นพี่สอนน้อง ฯซึ่งเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันเป็นหมู่คณะของนักเรียน ส่งผลให้นักเรียนเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self Esteem)

    เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง และครูต้องมีท่าทีในเชิงบวกกับนักเรียนเช่น ยิ้ม หาเรื่องชื่นชม ตั้งใจรับฟังในสิ่งที่นักเรียนพูด ซึ่งเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งตรงตามกระแสพระราชดำรัสเพื่อปฏิรูปการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) “..ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจต่อเพื่อนไม่ให้แข่งขันกันแค่ให้แข่งกับตัวเอง ให้เด็กที่เรียนเก่งกว่าช่วยสอนเพื่อนที่เรียนช้ากว่า ให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนทำร่วมกันเพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี..” แนวปฏิบัติดังกล่าวนี้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็กนักเรียนได้อย่างแท้จริง โดยโครงการนี้มิได้เพียงช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงของเด็ก ๆ เช่นเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ไม่หนีเรียน ลดความก้าวร้าวรุนแรงในโรงเรียนแล้ว  แต่ยังส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก ทำให้การเรียนรู้ด้านวิชาการของเด็กดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

    ขยายโอกาสแห่งความสำเร็จจากประถมสู่มัธยม

    จากความสำเร็จของโครงการฯ ในระดับประถมศึกษา ได้นำไปสู่การขยายผลสู่ระดับมัธยมศึกษา โดย “โรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ”  สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา (สพป.) จังหวัดชุมพร เขต 2  เป็นหนึ่งในโมเดลต้นแบบของการประยุกต์ใช้แนวทางของโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนจนเกิดผลสำเร็จ

    นางสาวรจนากลิ่นหอมผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญตำบลหาดยายอำเภอหลังสวนจังหวัดชุมพร กล่าวว่า “โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีทั้งนักเรียนประถมศึกษา (ป. 1 – ป.6 ) และมัธยมศึกษา (ม.1 – ม.3 ) ซึ่งก่อนหน้านี้พบปัญหาด้านพฤติกรรมของเด็ก เช่น การไม่เข้าเรียน การยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข เราจึงได้นำหลักการของโรงเรียนคำพ่อสอนมาใช้กับเด็กระดับมัธยมฯ ในกระบวนการเดียวกัน แต่ละเอียดอ่อนต่างกัน ด้วยพฤติกรรมเป็นเด็กที่โตกว่า โดยมีกิจกรรมที่โรงเรียนได้นำมาจากโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนมาทำเป็นกิจวัตรหรือเป็นวิถีของโรงเรียนคือ เปิดเทอมสร้างสุขให้ความรักก่อนให้ความรู้ เช่น การกอดยิ้มชมสบตาสวัสดี ซึ่งโครงการโรงเรียนคำพ่อสอนได้พาครูไปเรียนรู้จิตวิทยานีโอฮิวแมนนิส กับรศ.ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน 

    นอกจากนี้ ยังมีขบวนการตาสับปะรด  ที่ให้นักเรียนช่วยกันสอดส่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและรายงานครูโดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งช่วยลดปัญหาการหนีเรียนและพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งเด็กมัธยมฯ สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต เข้าถึงสื่อโซเชียลได้ง่าย เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมาในรูปแบบต่าง ๆ เราต้องใส่ใจให้มาก การชวนนักเรียนมาทำกิจกรรมในหลายๆ มิติ มอบหมายให้มีบทบาทในกิจกรรมต่าง ๆ จะทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการยอมรับจากสังคม เด็กจะมีความภูมิใจในตนเอง    ผลลัพธ์ที่ได้คือเด็กมีจิตสาธารณะมากขึ้นลดพฤติกรรมก้าวร้าวและเรียนรู้เกี่ยวกับโทษภัยของยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ

    เปลี่ยนแปลงครูสู่การเปลี่ยนแปลงเด็ก

    “โรงเรียนคำพ่อสอน” ที่เริ่มต้นจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของครูที่เข้าร่วมโครงการ  ทำให้เกิดความเข้าใจต่อพฤติกรรมของนักเรียนและรับฟังนักเรียนมากขึ้น ทำให้นักเรียนมีความกล้าเข้ามาปรึกษาครู การเปลี่ยนแปลงของครู จึงนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเด็กนักเรียนเช่นกัน

    นางสาวเบญจมาศคงคาชัยหรือครูบิว”  โรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญ.หลังสวน.ชุมพร  กล่าวถึงแนวทางการนำโครงการ “โรงเรียนคำพ่อสอน” มาประยุกต์ใช้ว่า “เมื่อก่อนครูบางคนอาจจะใช้คำพูดรุนแรงกับเด็ก แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการ ครูกลายเป็นผู้รับฟังที่ดี ใช้คำพูดสุภาพ และให้ความรักความเข้าใจเด็กมากขึ้น ส่งผลให้เด็กกล้าปรึกษาครู ลดช่องว่างระหว่างครูกับนักเรียน และทำให้บรรยากาศในโรงเรียนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”   นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังมีกิจกรรม พี่สอนน้อง ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมัธยมเป็นพี่เลี้ยงดูแลน้องประถม ส่งเสริมความรับผิดชอบและภาวะผู้นำ ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกมีคุณค่า และช่วยลดปัญหาพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ และการใช้สื่อโซเชียลในทางที่ผิดอีกด้วย

    เปลี่ยนแปลงตนเองจนเป็นแบบอย่าง

    เด็กชายจรูญโรจน์ปานมณีหรือน้องกันนักเรียนชั้น.2 เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน เดิมทีเขาติดบุหรี่ตั้งแต่ชั้น ม.1 เนื่องจากอิทธิพลจากเพื่อนกลุ่มเก่า แต่เมื่อครอบครัวทราบและขอให้เลิก เขาจึงตัดสินใจเลิกสูบบุหรี่โดยอาศัยกิจกรรมสนับสนุนของโรงเรียน เช่น การเข้าร่วมโครงการ “พี่สอนน้อง” และการใช้ลูกอมเลิกบุหรี่ที่ทางโรงเรียนจัดทำขึ้น

    น้องกันกล่าวว่า “พอเลิกบุหรี่ได้ ผมรู้สึกดีขึ้นมาก มีความตั้งใจเรียน และอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง ๆ ในโรงเรียน ตอนนี้เข้ามาเป็นทีมงาน ทำกิจกรรมดี ๆ สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนครับ “

    โรงเรียนคำพ่อสอน”  โมเดลแห่งการสร้างสังคมที่ดี

    นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังได้เชื่อมโยงโครงการฯ กับชุมชน โดยการนำทรัพยากรที่มีอยู่มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น “สาหร่ายใบไชยาทอดกรอบ” และ “ชามัทฉะไชยา” (ชาเขียว) ซึ่งได้รับรางวัลระดับจังหวัด นอกจากนี้ ยังมี “ลูกอมหญ้าหมอน้อย” ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้การสร้างรายได้ และเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองด้วย

    การนำกระบวนการจากโครงการ โรงเรียนคำพ่อสอน มาใช้ในโรงเรียนชุมชนวัดหาดสำราญได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแต่ลดพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียน แต่ยังช่วยปรับเปลี่ยนแนวทางการสอนของครูและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในโรงเรียน โมเดลนี้แสดงให้เห็นว่า หากมีแนวทางที่เหมาะสมและการสนับสนุนที่ดีจากครู ผู้ปกครอง และชุมชน ก็สามารถสร้างโรงเรียนที่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการพัฒนาเยาวชนได้อย่างแท้จริง

  • พะเยาปลูกพลังบวกสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกัน ปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่)ในครูปฐมวัย

    พะเยาปลูกพลังบวกสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกัน ปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่)ในครูปฐมวัย

    วันที่ 24 กรกฎาคม 2566 ดร.ธงชัย คำปวง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 เป็นประธานประชุมชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานโรงเรียนลดปัจจัยเสี่ยงจากเหล้า บุหรี่ จัดขึ้นโดยประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา ร่วมกับ คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) อำเภอแม่ใจ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินการตามโครงการลดปัจจัยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบบูรณาการโดยกลไก พชอ.จังหวัดพะเยายุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมลดนักดื่มหน้าใหม่ “เด็กแม่ใจวิถีพุทธ โพธิสัตว์น้อยชวนพ่อแม่เลิกเหล้า” วัตถุประสงค์ เพื่อเชิญชวนครู ผู้ปกครองและครอบครัว ร่วมรณรงค์ลด ละ เลิกการดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2566 กลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ใจ จำนวน 18 แห่งและโรงเรียนแม่ใจวิทยาคม รวมจำนวน 19 แห่ง

    ดร.ธงชัย  คำปวง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ได้กล่าวขอบคุณเครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา  และคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอแม่ใจ นายนรา สุยะเพี้ยง นายกสมาคมครูและผู้บริหารสถานศึกษาอำเภอแม่ใจ ผู้บริหารโรงเรียนทั้ง 18 แห่ง และโรงเรียนแม่ใจวิทยาคม ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างสิ่งแวดล้อมปลอดภัยให้แก่เด็กและเยาวชน ซึ่งกิจกรรมในวันนี้เป็นการต่อยอดจากโครงการปลูกพลังบวกสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกัน ปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่)ในครูปฐมวัย ซึ่งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 ได้ร่วมกับโครงการปลูกพลังฯ และเครือข่ายประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณและสื่อรณรงค์จากประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา และศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนบนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้เชิญชวนคณะผู้บริหารโรงเรียน เชิญชวนครูผู้ปกครองเด็กสมัครเข้าร่วมงดเหล้าเข้าพรรษา ภายใต้เคมเปญ “ฤดูกาลสุขปลอดเหล้า และงดเหล้าเข้าพรรษา ปี 2566”เพื่อสุขภาพและรักษาศีล 5 ตามข้อปฏิบัติของชาวพุทธ

    ด้าน นายนิธิศ ไชยปิน ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านป่าแฝกสามัคคี กล่าวว่า ครูจะเป็นพลังหนึ่งความคิด และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ผมในฐานะผู้อำนวยก็พยายามทำให้เด็กได้มีการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ทางความคิด และเด็กก็จะมีโอกาสเข้าใจตนเอง โดยเริ่มจากการเรียน การสอนเชิงบวกการชื่นชม การรับฟัง การเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความสามารถ และส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์ ปลอดภัย ทั้งครูและนักเรียนเป็นการเรียนรู้ร่วมกันโดยมีทำกิจกรรมร่วมกัน แฝงความคิดเชิงบวก และสถานที่ศึกษาก็ส่งเสริมในการสร้างแรงบันดาลใจ และพลังบวกควบคู่กันไป

    นางสาวยิ่งพร เจียตระกูล ผอ.โรงเรียนบ้านแม่จว้า ตำบลแม่สุก อำเอแม่ใจ อีกหนึ่งโรงเรียนที่ได้ดำเนินการโรงเรียนโพธิสัตว์น้อย ชวนพ่อแม่เลิกเหล้า “ตามโครงการลดนักดื่ม หน้าใหม่”ได้จัดอบรมให้ความรู้แก่นักเรียน จำนวน 48 คนให้รู้เท่าทันพิษภัยของสุรา ได้มีการทดลอง โดยการแช่ตับหมู ตับไก่ลงในน้ำเปล่า สุรา และเบียร์ในปริมาณเท่าๆ กัน จากนั้นให้นักเรียนสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตับ ซึ่งผลที่นักเรียนสังเกตได้คือ ตับที่แช่ในน้ำเปล่าจะมีสภาพคงเดิม แต่ตับที่แช่ในสุราและเบียร์จะเบี่อยยุ่ย ซึ่งสรุปผลการทดลองได้ว่า สุราและเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่มีกทธิ์ทำลายตับได้ หากดื่มจะเท่ากับการทำลายร่างกายตัวเราเอง อีกทั้งบูรณาการร่วมกับกิจกรรมอื่นๆอีกหลากหลาย ถือเป็นการสร้างความตระหนัก และสร้างพฤติกรรมสุขภาพให้นักเรียนได้นำไปบอกต่อผู้ปกครองในครอบครัว ร่วมลดนักดื่มหน้าใหม่ และรณรงค์การลดการบริโภคแอลกอฮอล์ในครอบครัวให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

                   ภารกิจสำคัญในการประชุมวันนี้อีกภารกิจ ได้แก่ มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ บันทึกข้อตกลง เรื่อง “การขับเคลื่อนงานโครงการลดปัจจัยเสี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบบูรณาการโดยกลไก พอช.จังหวัดพะเยา ประจำปีการศึกษา 2566”ระหว่าง ประชาคมงดเหล้าจังหวัดพะเยา กับ สมาคมครูและผู้บริหารสถานศึกษาอำเภอแม่ใจ และ บันทึกข้อตกลง เรื่อง“การขับเคลื่อนงานโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข” ประจำปีการศึกษา 2566 ระหว่าง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพะเยา เขต 1 กับ กลุ่มแม่ใจ ซึ่งบันทึกข้อตกลงทั้งสองฉบับ จะมีการปฏิบัตินำสู่ให้เกิดนโยบาย และการจัดกิจกรรมต่างๆให้เกิดการจัดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยปลอดเหล้าแก่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษา โดยมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงาน องค์กร ชุมชนท้องถิ่นเพื่อป้องกันนักดื่มหน้าใหม่อันจะส่งผลให้เยาวชนมีคุณภาพและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคนอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

    ข่าวโดย:ลออ มหาวรรณศรี

    ภาพโดย :Somkuan

  • คำพ่อสอน “….ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู…”

    คำพ่อสอน “….ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู…”

    “…ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครูให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจต่อเพื่อน   ไม่ให้แข่งขันกันแค่ให้แข่งกับตัวเอง  ให้เด็กที่เรียนเก่งกว่าช่วยสอนเพื่อนที่เรียนช้ากว่า   ให้ครูจัดกิจกรรมให้เด็กทำร่วมกันเพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี…”

    สร้างการเปลี่ยนแปลงที่โรงเรียนจากพฤติกรรมเสี่ยงเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมสุขทั้งครูและเด็กที่โรงเรียนคำพ่อสอน

           โครงการ โรงเรียนคำพ่อสอน เกิดขึ้นในปี๒๕๕๙ จนถึงปัจจุบันด้วยการน้อมนำคำสอนของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้านการศึกษา (ดังอัญเชิญมานี้) ลงสู่ภาคปฏิบัติในโรงเรียนที่มีเป้าหมายเดียวกันคือให้นักเรียนเป็นคนดี มีศีลธรรม พึ่งตนได้ ปลอดอบายมุข

               เภสัชกรสงกรานต์  ภาคโชคดีผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่าโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน ที่กำลังขับเคลื่อนร่วมกับเครือข่ายโรงเรียนนั้น ถือว่าเป็นนวัตกรรมการศึกษา ที่เกิดจากการน้อมนำกระแสพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาออกแบบการเรียนรู้สู่ภาคปฏิบัติ ที่มีกิจกรรมสอดคล้องกับวิถีโรงเรียน สามารถป้องกันแก้ไขพฤติกรรมเสี่ยงเช่นการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหล้า บุหรี่ สิ่งเสพติดของเยาวชน ลดความก้าวร้าวรุนแรง  ทั้งได้เชื่อมสัมพันธ์ของครูกับผู้ปกครองโดยมีความรัก ความเข้าใจ ความสามัคคีเป็นจุดเริ่มต้น  หากหน่วยงานการศึกษาขับเคลื่อนอย่างจริงจังเชื่อมั่นว่าปัญหาพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆของเยาวชน เช่นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ยาเสพติด ความรุนแรงจะลดลง และเนื่องในคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่๕ ธันวาคม นี้ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) และเครือข่ายโรงเรียนคำพ่อสอน ขอน้อมถวายผลผลิตที่เกิดจากคำสอนของพระองค์ท่านเป็นพระราชสักการะและ เราจะร่วมสร้างเยาวชนคนดีให้กับประเทศไทยด้วยคำพ่อสอนไปด้วยกัน

    นางสาวนิลสุดานิลสุวรรณผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองโพธิ์มิตรภาพที่๑๒๙สพป.ชุมพรเขต๒ เป็นโรงเรียนคำพ่อสอน ต้นแบบรุ่น๒ ในปีการศึกษา๒๕๖๔ กล่าวว่าที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน เพราะรัก เคารพ ศรัทธา เทิดทูนพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และอยากแก้ปัญหาที่โรงเรียน คือนักเรียนมีความก้าวร้าวรุนแรง ต่อต้านครูไม่รักโรงเรียนทำลายข้าวของ แต่เมื่อเข้าร่วมโครงการและใช้แนวทางของโรงเรียนคำพ่อสอนที่เริ่มต้น “..ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู..” ตามคำสอนของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ ด้วยการปฏิบัติในกิจกรรมแรกคือเปิดเทอมสร้างสุขให้ความรักก่อนให้ความรู้ โดยครูเริ่มต้นด้วยการเปิดใจบอกความตั้งใจดีต่อนักเรียนและหากเคยทำอะไรผิดไปกับนักเรียนครูขอโทษ และสัญญาว่าจะเป็นครูที่ดีของนักเรียน พร้อมทั้งผูกข้อมือรับขวัญและกอดนักเรียน   ซึ่งกิจกรรมนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อนักเรียนและคุณครูอย่างมาก ความก้าวร้าวรุนแรงหายไปกลายเป็นความมีน้ำใจมาช่วยเหลือครูด้วยความเต็มใจไม่หวังผลตอบแทน รับฟังในสิ่งที่ครูสอน และครูกับนักเรียนในปัจจุบัน มีท่าทีเหมือนญาติพี่น้องกัน 

         นายศักดิ์ดาศรีมานนท์ครูกลุ่มสาระภาษาไทยโรงเรียนบ้านบางน้ำจืดสพป.สมุทรสาคร ครูแกนนำโรงเรียนคำพ่อสอน ต้นแบบรุ่น๒ กล่าวว่าตอนแรกคิดว่าโครงการโรงเรียนคำพ่อสอน คงเป็นเรื่องยาก แต่ก็อยากสานต่อคำสอนของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ ให้ลงถึงตัวนักเรียน แต่พอได้ลงมือทำแล้วพบว่าทำง่ายมาก สนุก และรู้สึกว่าได้ทำความดีในทุกๆวัน ครูศักดิ์ดากล่าวต่อไปว่าที่โรงเรียนบ้านบางน้ำจืดนั้น เป็นโรงเรียนขยายโอกาสมีนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล ถังมัธยมศึกษาปีที่๓ พ่อแม่ทำงานรับจ้างในโรงงานไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก เด็กไม่รู้จะไปไหน แต่เมื่อตนเองพาเด็กๆทำกิจกรรมตามแนวทางโรงเรียนคำพ่อสอนเช่นพาเด็กทำลูกอมสื่อรักเพื่อให้เลิกบุหรี่ปลูกผัก กิจกรรมอะไรซ่อนอยู่ในขวด พี่สอนน้อง และให้เวลากับเด็กๆในตอนเย็นหลังเลิกเรียน ไม่ใช้ความรุนแรงกับเด็ก ทำให้เด็กๆมีความสุขและน่ารักขึ้น  ทั้งยังลดช่องว่างระหว่างผู้ปกครองกับครูด้วย โดยผู้ปกครองให้ความร่วมมือกับโรงเรียนเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เช่นผู้ปกครองร่วมงดเหล้าเข้าพรรษา และงดได้เป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีความตั้งใจจะงดต่อหลังจากออกพรรษา จากจดหมายสื่อรักของลูกที่โรงเรียนพาทำทั้งโรงเรียน

    รร.บ้านบางน้ำจืด

    รร.หนองโพธิ์