Category: ภาคใต้ตอนบน

  • สสส.–เครือข่ายงดเหล้า ชี้ผลสำรวจ 96% หนุนงานสารทเดือนสิบ–กาชาด นครศรีธรรมราช ปลอดเหล้า–บุหรี่ ย้ำกฎหมายคุมเหล้าใหม่ผ่อนคลายจริงแต่ต้องยึดพื้นที่งานสาธารณะที่มีคนจำนวนมากต้องปลอดภัยปลอดเหล้า เสนอขยายสู่ทุกงานบุญชักพระ และอื่นๆ

    สสส.–เครือข่ายงดเหล้า ชี้ผลสำรวจ 96% หนุนงานสารทเดือนสิบ–กาชาด นครศรีธรรมราช ปลอดเหล้า–บุหรี่ ย้ำกฎหมายคุมเหล้าใหม่ผ่อนคลายจริงแต่ต้องยึดพื้นที่งานสาธารณะที่มีคนจำนวนมากต้องปลอดภัยปลอดเหล้า เสนอขยายสู่ทุกงานบุญชักพระ และอื่นๆ

    จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า หน่วยงานสาธารณสุข ศึกษาธิการ ภาคีเครือข่ายเยาวชน เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ ตำรวจ และคณะทำงานเหล่ากาชาด ได้จัดเวทีเสวนา การเฝ้าระวัง ควบคุมยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในเทศกาลและงานบุญประเพณีสารทเดือนสิบ ประจำปี 2568” ณ เวทีกาชาดงานสารทเดือนสิบ (ทุ่งท่าลาด) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการเฝ้าระวังและสร้างพื้นที่งานบุญปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยง

    นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวย้อนหลังปี 2551 หลังมีกฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์ ทางเครือข่ายฯ ตั้งเป้าที่จะให้งานกาชาดเป็นงานที่ปลอดภัยปลอดเหล้าเพราะเป็นงานใหญ่มีสปอนเซอร์และการจำหน่ายเหล้าเบียร์เกิดปัญหาความรุนแรงและอุบัติเหตุและจัดในสถานที่ราชการต้องห้ามขายดื่มตามกฎหมาย ซึ่งปี 2553 เครือข่ายฯได้ผลักดันนโยบายในสมัย รมว.ชวรัตน์ ชาญวีระกุลเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ได้ประกาศให้งานกาชาดปฏิบัติตามกฎหมายปลอดเหล้า ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีงานกาชาดทั่วประเทศที่จัดงานปลอดเหล้ากว่า 50 งาน ทั้งนี้ กฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์ฉบับที่ 2 ที่ประกาศใช้แบบผ่อนคลายมาตราการควบคุมต่างๆลงอย่างมากนั้นหวังว่าส่วนราชการ ภาคประชาสังคมจะรักษางานกาชาดให้เป็นงานปลอดเหล้าตลอดไป ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจประชาชนเที่ยวงานโดยกว่า 74% ไม่เห็นด้วยกับการผ่อนปรนหรือรับทุนสนับสนุนจากธุรกิจแอลกอฮอล์ พร้อมเรียกร้องให้ขยายมาตรการ “ปลอดเหล้า–บุหรี่” ไปสู่งานบุญและเทศกาลสำคัญอื่น ๆ เช่น งานชักพระ สงกรานต์ ลอยกระทง และงาน OTOP เหมือนงานต้นแบบที่ทำสำเร็จแล้ว

    นายวรวุฒิ ประสารพจน์ ประชาคมงดเหล้านครศรีธรรมราช กล่าวว่า งานสารทเดือนสิบทุ่งท่าลาดเป็นงานใหญ่จัดกว่า 15 วัน คนมาร่วมงานกว่าแสนคน ในอดีตตนเองกับคณะทำงานโดยเฉพาะสาธารณสุขจังหวัดได้เก็บข้อมูลผลกระทบและร้านจำหน่ายเหล้าเบียร์ในงานมาก 70–80 ร้าน มีเหตุทะเลาะวิวาททุกคืน เกิดปัญหาความรุนแรงและมีผู้บาดเจ็บจนเป็นที่รู้กัน ต่อมาเมื่อมีนโยบายจากกระทรวงมหาดไทยจึงได้เสนอให้ผู้ว่าฯวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อบังคับใช้กฎหมายโดยทำอย่างต่อเนื่องทุกปีจนถึงปัจจุบัน โดยผลสำรวจผู้เข้าร่วมงานดำเนินการโดยกลุ่มเยาวชน YSDN นครฯ ระหว่างวันที่ 12–16 กันยายน 2568 จำนวน 403 คน พบว่า 96% เห็นด้วย กับมาตรการห้ามขาย–ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามสูบบุหรี่ภายในงาน เหตุผลหลักคือ ลดความรุนแรงและความเสี่ยงต่อชีวิต (54.5%) ลดเสียงรบกวน (14.7%) เป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชน (11.6%) และลดอุบัติเหตุบนท้องถนน (11.1%) ขณะที่มีเพียง 4% ไม่เห็นด้วย อีกทั้งยังพึงพอใจมากและปานกลางกว่า 97.27% ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างกว่า 29.53% ตอบว่ายังพบเห็นคนสูบบุหรี่ในงานอยู่บ้าง และโดยส่วนใหญ่ 67.49% ที่รับรู้การรณรงค์งานปลอดเหล้าบุหรี่ โดยในปีนี้ทางทีมเฝ้าระวังได้ยึดบุหรี่ไฟฟ้าจากเยาวชนได้น้อยกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมาก

    นางวิภาดา อัฐพร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคไม่ติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เล่าว่า การดำเนินการในงานสารทเดือนสิบไม่ได้หยุดเพียงการประชาสัมพันธ์ แต่เป็นการบังคับใช้กฎหมายจริงจัง โดยจัดทีมตรวจเตือนและเฝ้าระวังร่วมกับภาคีเครือข่ายตลอดทั้งงาน

    “เราทำงานกันทุกวันต่อเนื่อง ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่รับรู้และให้ความร่วมมือดีมาก หลายคนภูมิใจที่งานบ้านเราเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ ปลอดเหล้า สิ่งนี้สะท้อนว่าการทำงานอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง” ซึ่งการป้องกันปัจจัยเสี่ยงคือการดูแลสุขภาพประชาชนตั้งแต่ต้นทาง” นางวิภาดากล่าวย้ำ

    ด้านนางศิริพร ศิริคุณ นักวิชาการศึกษาชำนาญการ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราช อธิบายว่า หน่วยงานได้จัดตั้งพนักงานส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษากว่า 1,450 คน ครอบคลุมทั้ง 23 อำเภอ เพื่อดูแลนักเรียนทั้งในและนอกโรงเรียน โดยทีมงานเหล่านี้จะทำหน้าที่ตรวจเยี่ยม ให้คำปรึกษา และร่วมตรวจในพื้นที่งานร่วมกับสาธารณสุข หากพบเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือบุหรี่ ก็จะมีการตักเตือน หรือหากร้ายแรงจะส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ปกครองสามารถอุ่นใจได้ว่าเด็กและเยาวชนได้รับการดูแลอย่างรอบด้าน

    ขณะที่ พ.ต.ต.สรยุทธ์ สุวรรณโชค สารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า งานสารทเดือนสิบมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 70 นาย มาประจำการเพื่อดูแลความเรียบร้อย มีจุดตรวจสแกนอาวุธและสิ่งผิดกฎหมายทุกประตูทางเข้า มีการตรวจเข้ม ทั้งเหล้า ยาเสพติด น้ำต้มกระท่อม บุหรี่ไฟฟ้า หากพบก็ไม่อนุญาตให้นำเข้ามาในงาน พร้อมมีทีมเดินประชาสัมพันธ์ภายในงาน เชิงป้องปราม ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ อาทิ สาธารณสุขและสรรพสามิต สำหรับการกรวดน้ำกระท่อมก็มีจำนวนนึงเมื่อพบจะให้นำกลับออกไป ไม่ให้นำเข้ามาในงาน

    นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมเสวนา นายวุฒิภัทร บุญเพ็ชร์ คณะบริหารสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับนครศรีธรรมราช คณะทำงานเฝ้าระวัง และผู้แทนเหล่ากาชาดร่วมกิจกรรมเสวนาครั้งนี้ด้วย

  • สสส.- เครือข่ายงดเหล้าเยาวชน เมืองนครฯ ฉลอง“วันเยาวชน ลานเล่นฅนคอน ปี 2” รวมพลังคนรุ่นใหม่ เดินหน้าสร้างต้นแบบ “สภาพแวดล้อมดี พื้นที่ปลอดภัย”เพื่ออนาคตยั่งยืน

    สสส.- เครือข่ายงดเหล้าเยาวชน เมืองนครฯ ฉลอง“วันเยาวชน ลานเล่นฅนคอน ปี 2” รวมพลังคนรุ่นใหม่ เดินหน้าสร้างต้นแบบ “สภาพแวดล้อมดี พื้นที่ปลอดภัย”เพื่ออนาคตยั่งยืน

    เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 วันเยาวชนแห่งชาติ ณ บวรนคร ถนนราชดำเนิน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยการรวมตัวของเครือข่ายเยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ กลุ่มลานละมุน มูลนิธิรักษ์ไทย, กลุ่ม YSDN นครฯ, กลุ่ม Stay In Style -อยู่แต่สวน สภาเด็กเยาวชนนครฯ จัดกิจกรรม วันเยาวชน ลานเล่นฅนคอน ปี 2” เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติและสารทเดือนสิบ ภายใต้แนวคิด สภาพแวดล้อมดี พื้นที่ปลอดภัย”  เพื่อแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงในกลุ่มวัยรุ่น โดยชี้ว่าการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงการรับสื่อออนไลน์ที่ไม่เหมาะสม ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน สนับสนุนโดยผู้ใหญ่ใจดี นพ.บัญชา พงษ์พานิช เจ้าของบวรนครแหล่งมั่วสุมสร้างสรรค์ทางปัญญา สสส. เครือข่ายองค์กรงดเหล้า เทศบาลนครฯ บ้านพักเด็กและครอบครัว และมูลนิธิกระจกเงา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐต่างๆ

    จากข้อมูลสถานการณ์ล่าสุดของจังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่ามีประชากรกว่า 1.55 ล้านคน โดยครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก เยาวชน และวัยแรงงาน แต่ข้อมูลชี้ว่าคนรุ่นใหม่ยังเผชิญปัญหาหลากหลาย ทั้งการศึกษา (เด็กหลุดจากระบบกว่า 13,788 คน) มีพฤติกรรมเสี่ยงจากเหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เด็กไร้สัญชาติ รวมถึงสุขภาพจิตที่น่าห่วง (ผู้ป่วยจิตเวชกว่า 6,165 ราย ในปีเดียว) ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนความจำเป็นที่สังคมต้องร่วมมือกันสร้าง สภาพแวดล้อมดี พื้นที่ปลอดภัย” เพื่อให้เด็กและเยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพ

    เสียงสะท้อนจากกลุ่มเยาวชนนครศรีธรรมราช

    น.ส.นัฏฐิดา ทักษิณาวานิชย์ ตัวแทนเยาวชนกลุ่ม YSDN กล่าวถึงการดำเนินงานว่า บทบาทของกลุ่มพวกเรา คือการทำหน้าที่เหมือนพี่เลี้ยง ออกแบบกิจกรรมและเวทีเรียนรู้ เพื่อให้น้องๆเยาวชนเข้าใจความเสี่ยงที่แท้จริง โดยเฉพาะปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังระบาดในกลุ่มวัยรุ่น “เราไม่ได้ห้ามความคิดของใคร แต่เราสื่อสารให้เพื่อน ๆ ได้เห็นผลเสียจริง ๆ ของเหล้า บุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า แล้วให้เขาเลือกเองว่าจะเดินเส้นทางแบบไหน สิ่งสำคัญคือการให้ความรู้ ความเข้าใจ และขยายเครือข่ายให้กว้างขึ้น เพื่อเข้าถึงวัยรุ่นได้มากที่สุด”

    นายวราวุฒิ หนูสีแก้ว แกนนำเยาวชน มูลนิธิรักษ์ไทย เปิดเผยถึงผลการสำรวจพฤติกรรมเยาวชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า พบต้นทางปัญหาสำคัญ ได้แก่ การมั่วสุมดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ ในกลุ่มเพื่อน อีกทั้งยังพบว่าเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีบางส่วนยังเล็ดลอดเข้าสู่สถานบันเทิง–ร้านเหล้า การสำรวจสถานบันเทิงพบพนักงานชายมีบริการทางเพศอย่างน้อย 12 แห่ง ซึ่งเป็นแหล่งที่เอื้อต่อการซื้อขายบริการทางเพศ นำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยง โดยส่วนใหญ่ไม่พกถุงยางอนามัยเพราะมองว่าเป็นภาระหรือสิ้นเปลือง ในปี 2567 พบผู้ติดเชื้อแล้ว 72 ราย

    “ต้นทางของปัญหาเกิดจากการที่เยาวชน มีการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า หรือการใช้สื่อออนไลน์ที่ไม่เหมาะสมได้ง่าย ก่อให้เกิดการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่สาธารณะต่างๆ ส่งผลให้เกิดกระทบต่ออนาคตของเด็กและสังคมโดยรวม  สิ่งสำคัญคือ เราต้องไม่มองว่าเยาวชนเป็นปัญหา แต่ต้องให้โอกาสและพื้นที่ เพื่อให้พวกเขาเติบโตอย่างมีคุณภาพ และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน”  นายวราวุฒิ กล่าว

    นางสาวนิศาชล วงศ์สวัสดิ์ ตัวแทนกลุ่มเยาวชน “Stay In Style – อยู่แต่สวน เปิดเผยถึงบทบาทการทำงานว่า เป้าหมายสำคัญของกลุ่มคือการสร้างพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเยาวชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และป้องกันไม่ให้ถูกดึงเข้าสู่ปัจจัยเสี่ยง ทั้งสุรา บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และพฤติกรรมเสี่ยงทางสังคมอื่น ๆ

    “เราอยากให้วัยรุ่นได้เห็นว่าการรวมตัวกันทำกิจกรรมสร้างสรรค์ในสวนสาธารณะหรือพื้นที่สีเขียว สามารถกลายเป็นเวทีเรียนรู้ที่สนุกและมีคุณค่า ใช้ชีวิตที่มีสไตล์ สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการดื่มหรือการสูบเพื่อเข้าสังคม” นางสาวนิศาชล กล่าว

    สำหรับกิจกรรม “วันเยาวชน ลานเล่นฅนคอน ปี 2  ไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองวันเยาวชน แต่ยังเป็นเวทีรวมพลังคนรุ่นใหม่และทุกภาคส่วน สู่การสร้างเมืองนครแห่งความสุขสมดุล ซึ่งแกนนำเยาวชนที่เข้าร่วม ย้ำตรงกันว่า แนวทางแก้ไขต้องมุ่งไปที่การสร้างภูมิคุ้มกันเชิงบวก ตั้งแต่การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การสร้างกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ไปจนถึงการผลักดันนโยบายและมาตรการที่ชัดเจน เพื่อให้เยาวชนไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคมที่ปลอดภัยและยั่งยืน

  • “กระบี่พบ อันตรายซ่อนเร้น เด็ก 17 ปี เมาแล้วขับ เด็กหลุดระบบการศึกษา 7,928 คน เครือข่ายเรียกร้องบูรณาการ ป้องกัน-ส่งเสริม-บังคับใช้กฎหมาย-บำบัด เพื่ออนาคตชาติ”

    “กระบี่พบ อันตรายซ่อนเร้น เด็ก 17 ปี เมาแล้วขับ เด็กหลุดระบบการศึกษา 7,928 คน เครือข่ายเรียกร้องบูรณาการ ป้องกัน-ส่งเสริม-บังคับใช้กฎหมาย-บำบัด เพื่ออนาคตชาติ”

    6 กันยายน 2568 ประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อจัดทำข้อมูลระดับจังหวัด :จังหวัดกระบี่ เพื่อขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด

    โดย สุวรรกิตติ์ บุญแท้ ผู้ประสานงานโครงการ สานพลังประชาสังคมขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด กล่าวว่าได้เริ่มโครงการนี้ขึ้นจากความตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างกลไกการปกป้องเด็กและเยาวชนจากปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติดในระดับจังหวัด โดยเน้นการใช้กฎหมายและนโยบายเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อน
    วัตถุประสงค์การจัดเวทีครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ:

    1. จัดทำข้อมูลการปฏิบัติตาม การบังคับใช้ผลกระทบ จากกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับจังหวัด
    2. สานพลังเครือข่ายภาคประชาสังคมในระดับจังหวัดเพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการขับเคลื่อนกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับจังหวัด
    3. รวมทั้งเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชน
      ระดมความคิดเห็น: สถานการณ์กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับการปกป้องเด็กและเยาวชนในจังหวัดกระบี่
      5 ประเด็นสำคัญในการหารือ
      (1) ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดกระบี่
      จากข้อมูลสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดกระบี่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) พบว่า:
    • มีเด็กในจังหวัดจำนวน 170,000 คน
    • ปัญหาเรื่องเด็กและเยาวชนมีน้อย แต่พบปัญหาทางเศรษฐกิจมากกว่า
    • การรับเรื่องร้องเรียนค่อนข้างน้อย และไม่พบปัญหาแอลกอฮอล์เลย
      อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการพบว่า จังหวัดกระบี่เป็นอันดับ 1 ของประเทศในเรื่องการสูบบุหรี่ และข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเด็กหลุดระบบการศึกษาจากผลการสำรวจข้อมูลพบว่ามี จำนวน 7,928 คน อายุ 3-18 ปี และสาเหตุของการหลุดจากระบบการศึกษาพบว่าเป็นเด็กที่มีปัญหาครอบครัวแตกแยก ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจเด็ก และส่งผลให้เกิดปัญหาเริ่มทดลองดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และใช้ยาเสพติด
      (2) การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเด็กและเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย
      จากข้อมูลสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พบเด็กมีคดี 80 คดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการทำร้ายร่างกายที่มีสาเหตุจากยาเสพติดและการลักขโมย พบว่าเด็กเหล่านี้มักไม่จบการศึกษาระดับมัธยมต้น
      ปีนี้มีเคสที่แปลกอยู่ 1 คดีคือ กรณีเด็กเมาแล้วขับรถ 1 คดี อายุ 17 ปี ซึ่งเริ่มดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่อายุ 15 ปี มีปัญหาครอบครัวแตกแยก เรียนไม่จบม.ต้น ทำให้อ่านเขียนไม่คล่อง
      (3) กรณีศึกษาผลกระทบ
      สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้วิเคราะห์ 48 กลุ่มเคสเพื่อหาสาเหตุที่เด็กหลุดระบบการศึกษา พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงและการทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีสภาพแวดล้อมชุมชนที่สร้างสิ่งเร้าให้เด็กมีพฤติกรรมเสี่ยง
      (4) ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
    • การขาดข้อมูลที่แท้จริงในพื้นที่ เนื่องจากฐานข้อมูลภาครัฐมีเพียงการบันทึกการรับเรื่องผ่านระบบเท่านั้น
    • ความแตกต่างระหว่างข้อมูลสถานการณ์กับข้อเท็จจริง
    • การขาดมาตรการควบคุมสถานประกอบการที่ขายสินค้าให้เด็ก
      (5) ข้อพิจารณาเชิงกฎหมาย/เชิงนโยบาย/เชิงวิชาการ/เชิงรณรงค์
      กฎหมายที่ใช้ในการพิจารณา
      การประชุมได้ทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการปกป้องเด็กและเยาวชน ได้แก่:
    • พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551
    • ร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่
    • พระราชบัญญัติสถานบริการ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546
    • คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 22/2558
    • พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
    • พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
    • กฎกระทรวงการทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของผู้ขับขี่ พ.ศ. 2567
      บทสรุปและทิศทางการขับเคลื่อน
    1. การประชุมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการปกป้องเด็กและเยาวชนจังหวัดกระบี่จากปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด ผ่านการใช้กลไกทางกฎหมายและนโยบาย
    2. การทำงานต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และชุมชนในการรับเด็กกลับสู่สังคม รวมถึงการดำเนินโครงการเชิงรุกในการให้ความรู้กับโรงเรียนต่างๆ
    3. การประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมด้วยการออกแบบการป้องกัน ส่งเสริม บังคับใช้กฎหมาย บำบัดรักษา โดยสร้างการมีส่วนร่วมกับองค์กรหน่วยงานในระดับจังหวัดเพื่อการปกป้องเด็กและเยาวชนจังหวัดกระบี่ให้ห่างไกลจากปัญหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด ด้วยการใช้กลไกทางกฎหมายและนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ
  • สมัชชาคนคอน นครศรีธรรมราช รวมพลังขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะ เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-ประชาชน

    สมัชชาคนคอน นครศรีธรรมราช รวมพลังขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะ เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-ประชาชน

    เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบนและศูนย์ควบคุมปัจจัยเสี่ยงจังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมเป็นหนึ่งในองค์กรร่วมเตรียมงาน #สมัชชาคนคอน นครศรีธรรมราช รวมพลังขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะ เสนอตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-ประชาชนนครศรีธรรมราช วันนี้ (5 กันยายน 2568) สมัชชาคนคอนจังหวัดนครศรีธรรมราชจัดการประชุมใหญ่ โดยมีเครือข่ายจากหลากหลายกลุ่มประเด็นเข้าร่วมกว่า 50 คน เพื่อทบทวนผลการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการสร้างเสริมสุขภาวะในจังหวัดนครศรีธรรมราช14 ประเด็นขับเคลื่อนปี 2567 + 2 ประเด็นใหม่ปี 2568 รวม 16 ประเด็น 1. ประเด็นการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนท้องถิ่นโดย : เครือข่ายจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนท้องถิ่น

    2. ประเด็นการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย “บ้านพอเพียง”โดย : เครือข่ายพัฒนาที่อยู่อาศัยจังหวัดนครศรีธรธรรมราช

    3. ประเด็นการป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ในสถานศึกษาโดย : เครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดนครศรีธรรมราช

    4. ประเด็นการส่งเสริมการศึกษาบนฐานชุมชนโดย : เครือข่ายการศึกษาบนฐานชุมชน

    5. ประเด็นการจัดสวัสดิการชุมชนโดย : เครือข่ายสวัสดิการชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช

    6. ประเด็นการสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัย “บ้านมั่นคง”โดย : เครือข่ายพัฒนาที่อยู่อาศัยจังหวัดนครศรีธรธรรมราช

    7. ประเด็นความเข้มแข็งขององค์กรชุมชนโดย : เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช

    8. ประเด็นการทำการประมงอย่างยั่งยืนโดย : สมาคมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดนดรศรีธรรมราช

    9. ประเด็นผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่พร้อม (คุณแม่วัยใส)โดย : สหทัยมูลนิธิ สำนักงานภาคใต้

    10. ประเด็นสุขภาวะทางเพศของเยาวชนโดย : มูลนิธิรักษ์ไทย

    11. ประเด็นการป้องกันการใช้สารเสพติดของเด็กในสถานศึกษาโดย : เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชนนครศรีธรรมราช

    12. ประเด็นบุหรี่ไฟฟ้ากับเด็กและเยาวชนในจังหวัดนครศรีฯโดย : เครือข่ายยุวทัศน์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตฯ

    13. ประเด็นนวัตกรรมยางก้อนถ้วยช่วยลดหนี้มีเงินออมโดย : สหกรณ์การเกษตรจุฬาภรณ์พัฒนา

    14. ประเด็นเกษตรกรรุ่นใหม่เพื่อเกษตรกรรมยั่งยืนโดย : กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่จังหวัดนครศรีธรรมราช

    + 2 ประเด็นเพิ่มเติมคือ

    1. ประเด็นท่องเที่ยวชุมชน

    2. ประเด็นแก้ไขปัญหาที่ดิน

    #ทบทวนผลงานผ่านคำถามสำคัญ

    4 ข้อเครือข่ายได้รวมกันทบทวนผลการขับเคลื่อนที่ผ่านมา โดยใช้คำถามสำคัญ 4 ข้อเป็นแกนหลักในการพิจารณา ได้แก่:

    1. ปัญหาขอบเขตการดำเนินงาน – ทำได้ไม่มาก ยังทำไม่ได้ และยังไม่ครอบคลุม

    2. ปัญหาสถานะทางราชการ – ไม่มีสถานะที่ชัดเจนในการดำเนินงาน

    3. ความต้องการนโยบายสนับสนุน – ขาดนโยบายที่สนับสนุนการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน

    4. การหาแนวทางขับเคลื่อนต่อไป- ข้อเสนอหลักสำหรับการพิจารณาและกำหนดทิศทางในอนาคต#ข้อเสนอหลัก: ขอตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-ประชาชนจากการประชุมครั้งนี้ สมัชชาคนคอนฯ มีข้อเสนอหลักต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช คือ ขอให้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างเสริมสุขภาพในจังหวัดนครศรีธรรมราชคณะกรรมการที่เสนอนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกลไกการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนอย่างเป็นระบบ และเป็นทางการ เพื่อให้การขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสุขภาวะของประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้นสมัชชาคนคอนครั้งนี้จะแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของการรวมตัวของภาคประชาชนคนคอน ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเป็นหลัก

  • ยกระดับโรงเรียนนำร่อง “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง” สู่โมเดล งานปกป้องเด็ก-เยาวชน เมืองคอน

    ยกระดับโรงเรียนนำร่อง “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง” สู่โมเดล งานปกป้องเด็ก-เยาวชน เมืองคอน

    ยกระดับโรงเรียนนำร่อง “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง” สู่โมเดล งานปกป้องเด็ก-เยาวชน เมืองคอน วันที่ 4 กันยายน 2568 ณ. ห้องประชุม โรงเรียนวัดเขาขุนพนม ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หรือ สช. ร่วมกับแกนนำเครือข่ายนักสานพลังสร้างสุขภาวะ ( คนส.) รุ่น 3 ภาคใต้ จัดเวทีประชุมเชิงปฎิบัติการ เสริมสร้างการประเมินผลเพื่อการพัฒนา กรณีศึกษาการขับเคลื่อนธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย จังหวัดนครศรีธรรมราช ในกลุ่มเป้าหมาย 5 โรงเรียนนำร่องที่ประกาศขับเคลื่อนธรรมนูญโรงเรียนปลอดปัจจัยเสี่ยงเมื่อต้นปี 2568 ประกอบด้วยโรงเรียนวัดเขาขุนพนม / โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 / โรงเรียนอัลมูวาห์ฮิดีน / โรงเรียนอินทร์ธานี และโรงเรียนร่อนพิบูลย์เกียรติวสุนธราภิวัฒก์ รวมถึงมีองค์กรร่วมขับเคลื่อนการปกป้องเด็กเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยง 25 องค์กรในจังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมแลกเปลี่ยนและเสนอแนะข้อมูลหลังจากร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การขับเคลื่อนธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย ป้องกันปัจจัยเสี่ยง เหล้า – บุหรี่ – บุหรี่ไฟฟ้า – น้ำกระท่อม – สารเสพติด – การพนันออนไลน์ – อุบัติเหตุ และ อนามัยเจริญพันธ์ ในเด็กและเยาวชนจังหวันนครศรีธรรมราช นายองอาจ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบนและนายกสมาคมเพื่อนเยาวชน และพัฒนาสังคมภาคใต้ตอนบน ในฐานะองค์กรผู้จุดประกายและประสานขับเคลื่อน ธรรมนูญโรงเรียนปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า ในปี2566-2567 ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจข้อมูลพฤติกรรมการดื่ม/สูบ พบว่าจังหวัดนครศรีธรรมราชประชากรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้อยละ 20.9 และสูบบุหรี่ 25.6% ติดอันดับต้นๆของประเทศและทางศึกษาธิการจังหวัดร่วมกับเครือข่ายงดเหล้าจังหวัดนครศรีธรรมราชสำรวจ 63โรงเรียนในกลุ่มนักเรียนอายุ13-15ปีใน18อำเภอจำนวน 1,800 กว่าตัวอย่างพบว่า นักเรียนม.ต้นเคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึง 38.2 % ดื่มจนเมาและครองสติไม่ได้ 10.3% ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลเยาวชนเป็นโรคทางเพศสัมพันธ์สูงโดยเฉพาะ HIV จึงเป็นที่มาของการจับมือ 25 องค์กรร่วมลงนามปกป้องเยาวชนจากปัจจัยเสี่ยงรวมถึงมีการขับเคลื่อนงานอย่างต่อเนื่องในหลากหลายรูปแบบเช่น การทำหลักสูตรให้ความรู้ในโรงเรียน การบันทึกลงร่วมร่วมกับผู้นำชุมชนและผู้ประกอบการรอบโรงเรียน เป็นต้น โดยใช้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางและใช้ชุมชนเป็นสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการปกป้องนักเรียน ในปี 2568 ทางเครือข่ายจึงสำรวจกลุ่มตัวอย่างนักเรียนเพื่อคัดกรองพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงใน 5 โรงเรียนที่ขับเคลื่อนเข้มข้นภายใต้เครื่องธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยง ในกลุ่มอายุเดิมพบว่านักเรียนที่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 8.4% และเคยสูบบุหรี่ 11.9% ซึ่งมั่นใจว่าจะลดจำนวนนักดื่มและนักสูบหน้าใหม่ได้แน่นอน ช่วงท้ายเครือข่ายนักสานพลังสุขภาวะได้สรุปการขับเคลื่อนที่สำคัญที่ควรดำเนินการต่อ 1. การพัฒนาระบบการประเมินผล- ใช้แนวคิด Development Evaluation เป็นเครื่องมือหลักในการประเมินผลการขับเคลื่อนธรรมนูญสถานศึกษา- สร้างกลไกการติดตาม ประเมินผล และปรับปรุงแผนงานอย่างต่อเนื่อง2. การขยายผลและการเชื่อมโยงเครือข่าย- ขยายผลจาก 5 โรงเรียนนำร่องไปสู่โรงเรียนอื่นๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช- เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเคลื่อนข่าย 25 องค์กรร่วมขับเคลื่อน 3. การพัฒนาขีดความสามารถ- เสริมสร้างทักษะการประเมินเพื่อการพัฒนาให้แก่บุคลากรและเครือข่าย- พัฒนาเครื่องมือและแนวทางการประเมินที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่4. การขับเคลื่อนเชิงนโยบาย- ยกระดับการขับเคลื่อนจากพื้นที่รูปธรรมสู่การขับเคลื่อนเชิงนโยบาย- เชื่อมโยงการทำงานในระดับจังหวัด ภูมิภาค และประเทศ5. การลดปัจจัยเสี่ยงอย่างยั่งยืน- ใช้ข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมเด็กกลุ่มเสี่ยงเป็นฐานในการวางแผนและปรับกลยุทธ์- สร้างกลไกการป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะยาว 6. การสร้างการมีส่วนร่วม- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนธรรมนูญสถานศึกษา- พัฒนากลไกการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้และความเข้าใจทั้งนี้ทิศทาง การขับเคลื่อนโรงเรียนต้นแบบจะเสนอเป็นโมเดล ในสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อยกระดับสู่นโยบายสาธารณะและขยายผลสู่เครือข่ายในโรงเรียนและจังหวัดอื่นๆต่อไป

  • เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน ขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลง MOU “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง”

    เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน ขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลง MOU “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง”

    เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบนชวน 12 หน่วยงาน 19 โรงเรียน  สร้างความร่วมมือ ผนึกกำลังเป็นเครือข่ายโรงเรียนสกัดการเข้าถึงปัจจัยเสี่ยงภาคใต้ตอนบน เพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงและขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลง MOU “ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง” ซึ่งมีวัตถุประสงค์คือการกำหนดให้เรื่องสุขภาวะในโรงเรียน สถานศึกษา เป็นนโยบายและยุทธศาสตร์สำคัญของทุกองค์กรความร่วมมือร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ธรรมนูญสถานศึกษาปลอดภัย-ปลอดเหล้า-ปลอดปัจจัยเสี่ยง เป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อส่งเสริม ป้องกัน และแก้ไข ปัญหา ปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า น้ำกระท่อม สารเสพติด การพนันออนไลน์ อุบัติเหตุทางถนน และ อนามัยเจริญพันธุ์ในเด็กเยาวชน รวมถึงปฏิบัติการใน พื้นที่ 19 โรงเรียน 17 อำเภอ ของ  7 จังหวัด ภาคีเครือข่ายในเขตพื้นที่ 12 หน่วยงาน อาทิ  คณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขต 11 (กขป. 11) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 11 (สปสช. เขต 11) แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี มูลนิธิรักษ์ไทยเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สมาคมเพื่อนเยาวชนและพัฒนาสังคมภาคใต้ตอนบน และสถานศึกษาในเขต 11 จำนวน 19 แห่ง เพื่อยกระดับโรงเรียนต้นแบบ ร่วมกับหน่วยงานภาคีที่ให้ความร่วมมือสู่ความเป็นเครือข่ายระดับภาคณ ห้องประชุมสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี

    นายองอาจ พรหมมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน  อายุเฉลี่ยในการเริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเยาวชนลดลงเหลือเพียง 13-15 ปี (ข้อมูลจากแบบสำรวจพฤติกรรม 63 โรงเรียนในจ.นครศรีธรรมราช)  ขณะที่การเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษา รวมถึงการพนันออนไลน์เพราะเข้าถึงได้ง่ายจากสมาร์ทโฟน รวมไปถึงปัจจุบันได้มีการแก้ไขพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร และพ.ร.บ.การพนันฉบับแก้ไขเพิ่มเติม นโยบายเหล่านี้ที่อ้างว่าเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจนั้น ส่วนตัวกลับมองว่าเป็น นโยบายที่ส่งเสริมให้เกิด “เสรีปัจจัยเสี่ยง” เราจึงต้องร่วมกันป้องกัน และแก้ไข ปัญหา ปัจจัยเสี่ยงให้กับเด็กและเยาวชน

    นายสมเกียรติ พิทักษ์กมลพร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะภาคใต้ ได้กล่าวถึงความสำคัญที่ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องดูแลเด็กและเยาวชนให้เกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพในขณะที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับการเป็นสังคมสูงวัย ตลอดจนความสำคัญของการนำธรรมนูญสถานศึกษาไปใช้เพื่อร่วมกันสร้างข้อตกลงของสถานศึกษาและพื้นที่ให้มีสุขภาวะที่ดีต่อไป

    นายจุฬา จันทพราหมณ์ ผู้อำนวยการ  โรงเรียนวัดเขาขุนพนม ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โรงเรียนได้มีการทำงานขับเคลื่อนร่วมกับเครือข่ายในการประเด็นการลดปัจจัยเสี่ยงให้เด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง

    โดยต่อจากนี้มีการยกระดับการขับเคลื่อนต่อด้วยการร่วมกับโรงเรียนจำนวน 5 โรงเรียน ที่ได้ลงนามในวันนี้ ด้วยจัดทำหลักสูตรอบรมสถานศึกษาปลอดภัย เพื่อพัฒนาเนื้อหา กระบวนการ รวมถึงการออกแบบกิจกรรมเพื่อนำไปสู่การทดลองใช้จริง ขยายผลการอบรมไปยังสถานศึกษาเป้าหมาย 5  แห่ง  และพัฒนากลไกการขับเคลื่อนนโยบายในระดับสถานศึกษาตามบริบทที่แตกต่างกันเพื่อให้ทันสมัยและตอบสนองกันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง