Tag: งานบวชสร้างสุข

  • เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา 9 ภาค ร่วมขับเคลื่อนงานพัฒนาและระดมทุนกองบุญ โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุข

    เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา 9 ภาค ร่วมขับเคลื่อนงานพัฒนาและระดมทุนกองบุญ โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุข

    โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุขสู่สุขภาวะของชุมชน และสังคมด้วยหลักพุทธธรรม มูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาสังฆะเพื่อสังคม 9 ภาค ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีแลกเปลี่ยนเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา 9 ภาค ยกระดับการขยายเครือข่ายและระดมทุนกองบุญประจำปี 2566 ณ วัดห้วยยอด จังหวัดตรัง และวัดลานแซะ จังหวัดพัทลุง ระหว่างวันที่ 19 – 21 มีนาคม 2567

    มีวัตถุประสงค์ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้บทเรียน และผลงานของเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา 9 ภาค สู่การพัฒนา และขยายเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาให้ครอบคลุมทุกจังหวัด ระดมทุนสนับสนุนกองบุญ สวัสดิการสังฆะเพื่อสังคม

    กิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย นิทรรศการผลงานของวัดห้วยยอด เช่น สังฆะศาลา ศูนย์พักฟื้นสงฆ์อาพาธ ชุมชนกรุณาห้วยยอดโมเดล เวทีเสวนาแลกเปลี่ยนประเด็นต่างๆ เช่น การจัดการตนเองของพระสงฆ์ กองบุญ วัดปลอดบุหรี่ และบวชสร้างสุข ระดมทุนกองบุญสวัสดิการสังฆะเพื่อสังคม

    เวทีถอดบทเรียนและแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาจากเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา เกิดการขยายเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา ได้รับเงินทุนสนับสนุนกองบุญสวัสดิการสังฆะเพื่อสังคม โดยประเด็นสำคัญ คือ เน้นการบวชแบบสร้างสุข ประหยัด เรียบง่าย ยึดหลักพระธรรมวินัย พัฒนาศักยภาพของพระสงฆ์ให้เป็นผู้นำด้านสุขภาวะของชุมชนและสังคม สนับสนุนกองทุน/บุญระดับจังหวัด และระดับประเทศ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย พระสงฆ์นักพัฒนาจาก 9 ภาค หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยคาดหวังให้เกิดการขยายเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา พัฒนางานด้านสุขภาวะของชุมชนและสังคม ส่งเสริมการบวชแบบสร้างสุข

    พระครูสมุห์กฎษดา ขนฺติกโร เจ้าอาวาสวัดห้วยยอด กล่าวว่า ที่วัดห้วยยอดเองก็ทำเรื่องการดูแลสุขภาพของพระสงฆ์อยู่แล้ว และการดูแลสุขภาพของญาติโยม จึงเล็งเห็นว่าโครงการงานบวชสร้างสุข จะส่งผลดีต่อคนในพื้นที่ จึงนำโครงการเหล่านี้เข้ามาพัฒนาต่อ เพื่อให้คนในชุมชนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งโครงการที่ได้ดำเนินการภายในวัดห้วยยอดมี โครงการบวชสร้างสุข สามเณรสร้างสุข ชุมชนกรุณา สังฆะศาลา และศูนย์พักฟื้นสงฆ์อาพาธ ซึ่งได้รับการตอบรับจากชุมชนเป็นอย่างดี

    คุณชัยณรงค์ คำแดง ผู้ช่วยผู้จัดการสำนักงานเครือขายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า โครงการงานบวชสร้างสุข ส่งเสริมให้ชาวพุทธจัดงานบวชแบบเรียบง่าย ประหยัด ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ลดการทะเลาะวิวาท โดยเริ่มจัดทำเป็นโมเดลทั่วประเทศตั้งแต่ปี 2562 จนถึง 2564 มีการสำรวจข้อมูลตั้งแต่ปี 2559 ถึง 2561 จากเฟส 1 เฟส 2 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีผู้ที่เข้าร่วมโครงการ 514 งาน จนเริ่มขยายโครงการ จาก 2564 ไปจนถึง 2568 เพื่อส่งต่อแนวคิด ให้ชาวพุทธได้จัดงานบวชแบบสร้างสุข ประหยัด เรียบง่าย ลดการเกิดเหตุทะเลาะวิวาท ถูกต้องตามพระธรรมวินัย รวมถึงการขยายเครือข่ายให้มากขึ้น สร้างบุญ สร้างกุศลอย่างแท้จริง

    นางไพรัช วัฒนกุล ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดตรัง กล่าวเสริมว่า หลังจากที่เรามีโครงการบวชสร้างสุขเข้ามา วัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคใต้ก็มองเห็นความสำคัญ เรามาเรียนรู้ การสร้างความดี หากอยู่ในผ้าเหลืองอาจสร้างความดีได้มากกว่าประชาชนทั่วไปเสียด้วยซ้ำ ซึ่งวัดห้วยยอดเป็นพื้นที่ต้นแบบ 1 ใน 15 จังหวัด งานบวชสร้างสุข โดยท่านเจ้าอาวาส พระครูสมุห์กฎษดา ขนฺติกโร ถือว่าเป็นพระรุ่นใหม่ ที่มีอุดมการณ์ และมีกิจกรรมมากมายที่ทำร่วมกับชุมชน ทั้ง สังฆะศาลา งานบวชสามเณรสร้างสุข ที่มีกลไกขับเคลื่อนที่ชัดเจน ซึ่งได้รับการสนับสนุนและยอมรับจากเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน จึงเป็นพื้นที่หนึ่งที่คิดว่า เป็นพระที่มีอุดมการณ์ เป็นพื้นที่ต้นแบบงานบวชสร้างสุข พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง จังหวัดตรัง


    ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่
    Facebook : งดเหล้าใต้ล่าง
    ลิ้ง : https://www.facebook.com/southstopdrink7
    สถานที่ : ศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนล่าง
    ข่าว : ธนิตา เขียวหอม / ธนบดี เจริญผล
    ภาพ : ธนบดี เจริญผล

  • ภาคีสุขภาวะ แห่ร่วมงานมหกรรมบวชสร้างสุขอีสานบนฯ หนุนบทบาทพระสงฆ์กับการสร้างสังคมสุขภาวะ

    ภาคีสุขภาวะ แห่ร่วมงานมหกรรมบวชสร้างสุขอีสานบนฯ หนุนบทบาทพระสงฆ์กับการสร้างสังคมสุขภาวะ

    ภาคีด้านการพัฒนาสังคมสุขภาวะ แห่เข้าร่วมงานมหกรรมบวชสร้างสุขอีสานบน บทบาทพระสงฆ์กับการสร้างสังคมสุขภาวะ ณ วัดโพธิการาม อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด เยี่ยมชมนิทรรศการการขับเคลื่อนงานของพระสงฆ์ พร้อมแลกเปลี่ยนเพื่อหนุนเสริม การเป็นกลไกสำคัญในการสร้างสังคมสุขภาวะ

    28 – 30 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา วัดโพธิการาม อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสานบน โดยมูลนิธิ สังฆะเพื่อสังคม ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน “มหกรรมบวชสร้างสุขอีสานบน บทบาทพระสงฆ์กับการสร้างสังคมสุขภาวะ” ภายในงานได้มีเวที เสวนา บทบาทพระสงฆ์อีสานบนกับการสร้างสังคมสุขภาวะภายใต้การขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ รวมถึงมีเวทีย่อย ๆ ในประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการสร้างสังคมสุขภาวะ ให้ภาคีผู้ที่สนใจเข้าร่วมเสวนาในประเด็นที่สนใจ หรือสามารถบูรณาการงานร่วมกันได้ อีกทั้ง ยังได้มีการจัดนิทรรศการ การขับเคลื่อนงานบวชสร้างสุข การขับเคลื่อนงานการพัฒนาสุขภาวะ ของพระสงฆ์ และหน่วยงานในเครือข่าย ร่วมเยี่ยมชมแลกเปลี่ยนด้วย

    พระครูโพธิวีรคุณ เจ้าคณะอำเภอปทุมรัตต์ วัดโพธิการาม จ.ร้อยเอ็ด เจ้าภาพในการจัดงานครั้งนี้ กล่าวว่า ตามที่มูลนิธิ สังฆะเพื่อสังคม เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสานบนร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าได้สนองงานคณะสงฆ์โดยดำเนินโครงการขยายผลเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะบวชสร้างสุขภาคอีสานตอนบน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยได้ดำเนินการ กิจกรรมถอดบทเรียนการจัดงานบวชสร้างสุขจากวัดต้นแบบในเครือข่ายภาคอีสานตอนบน โครงการนำร่องในจังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด จำนวน 10 วัด และจัดทำบันทึกข้อตกลง MOU การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะการพัฒนาสุขภาวะเพื่อสังคมอีสานบน จึงได้กำหนดจัดเวทีมหกรรมงานบวชสร้างสุขอีสานบน บทบาทพระสงฆ์ กับการสร้างสังคมสุขภาวะ

    พระราชพรหมจริยคุณ เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวให้กำลังใจและอนุโมทนากับการจัดงานครั้งนี้ว่า

    การจัดโครงการบวชสร้างสุข การสร้างสังคมสุขภาวะ ทุกท่านได้ได้ทำถูกแล้ว ทำอย่างนี้ต่อไป เพื่อพุทธศาสนา เพื่อสังคม ความสุขนั้นพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า มี 2 อย่าง คือสุขทางกาย กับสุขทางใจ มันต้องมีด้วยกัน ถ้าเรามีทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ไม่มีความสุขทางใจก็ไปไม่รอด ก็จะสุขแค่ชั่วคราว ทุกอย่างล้วนมีความแปรผัน จะทำการสิ่งใดขอให้ดำเนินไปด้วยสติ อย่าประมาท สิ่งผิดพลาดคือบทเรียน ความพากเพียร คือ ลาภผล สิ่งเปลื้องทุกข์คือศีลทาน สิ่งดลบันดาลคือเงินตรา ยอดปรารถนา คือความสุข ขอให้พวกเราทำต่อ ทำอย่างนี้

    พระเทพวัชรวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำพู ได้กล่าวในบางชวนบางตอน ของเวทีเสวนาว่า เราจะทำยังไงให้วัดนั้นเป็นจุดศูนย์รวมเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ให้วัดเป็นแหล่งสรรพวิชา วัดเป็นแหล่งที่จะทำให้เกิดความสุข วัดวาอารามในอดีตกับวัดวาอารามในปัจจุบันค่อนข้างที่จะแตกต่างกันตามยุคตามสมัยแต่ทำยังไงจะให้วัดในปัจจุบันนี้เป็นศูนย์รวมเพื่อให้เกิดความผาสุกอย่างยั่งยืน ได้เหมือนในอดีต ความสุขหรือสังคมสุขภาวะ คำว่าสุขนั้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ สุขกาย กับสุขใจ ถ้าคนมีความสุขกาย ความสุขใจมันก็จะตามมา ถ้าตราบใดความสุขกายยังไม่เกิดขึ้นความสุขใจที่จะมีความอย่างยั่งยืนถาวรนั้นเป็นเรื่องยาก ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นนั้นต้องอาศัยหลาย ๆ ภาคส่วน มาร่วมไม้ร่วมมือกันทำ เอื้อเฟื้อ เอื้ออาทรกันระหว่างวัดกับชุมชน ก็จะเข้าในกรอบแนวคิดของ บวร (บ้านวัดราชการ)

    ตลอดระยะเวลาวันที่ 28 – 30 มิถุนายน ภาคีด้านสุขภาวะต่าง ๆ ชุมชน หน่วยงานราชการ ต่างเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ให้ความสนใจ และอนุโมทนาในการทำงานของคณะสงฆ์ พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สู่การบรูณาการงานร่วมกับ ต่อไป


    Refer

    ขอบคุณภาพข่าวจาก อดิศร อานนฺโท ราชจันทร์ และ Watsakate Thaitelecentre

  • พระสงฆ์อีสานล่าง มีมติผลักดันงานบวชสร้างสุขสู่นโยบายสาธารณะ หวังสร้างการมีส่วนร่วม ในการสร้างค่านิยมการบวชแบบเรียบง่าย ยึดหลักพระธรรมวินัย

    พระสงฆ์อีสานล่าง มีมติผลักดันงานบวชสร้างสุขสู่นโยบายสาธารณะ หวังสร้างการมีส่วนร่วม ในการสร้างค่านิยมการบวชแบบเรียบง่าย ยึดหลักพระธรรมวินัย

    ค่านิยมการจัดงานบวชในสังคมอีสาน เป็นค่านิยมที่ฝังรากลึกมานาน ที่เมื่อมีการจัดงานบวชลูกบวชหลาน พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ผู้เป็นเจ้าภาพมักเต็มที่ และทุ่มทุนไปกับการจัดงานอย่างเต็มกำลัง โดยมีความเชื่อว่าเป็นบุญใหญ่ หากมีผู้มาร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเยอะๆ มีการจัดเลี้ยงแขก ผู้มาร่วมงาน ล้มหมูล้มวัวเป็นตัว บางงานถึงขั้นมีเครื่องดื่มแแอลกอฮอล์ประกอบด้วย ทำต่อๆกันมาเรื่อยๆ กลายเป็นค่านิยมที่ปิดกั้นการเข้าถึงศาสนา ของผู้ที่มีรายได้น้อยหรือมีกำลังไม่มากพอ อีกทั้งบางงานกลายเป็นปัญหาสังคม ที่มักจะพบเห็นบ่อยๆ ในการนำเสนอข่าว ของสำนักข่าวต่างๆ อาทิ งานบวชเลือด เมาทะเลาะวิวาทกันกลางงานบวช ยิงกันกลางงานบวช เป็นต้น การจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างมากในสังคมอีสาน

    26 มีนาคม 2566 เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสานล่าง โดยการประสานของ เจ้าอธิการโสภณ ปิยธมฺโม, ดร. เจ้าอาวาสวัดโพนขวาว จ.อำนาจเจริญ ได้ประชุมแลกเปลี่ยนบทเรียนการขับเคลื่อนโครงการ การขยายผลนโยบายสาธารณะ งานบวชสร้างสุข ในพื้นที่ ภาคอีสานล่าง 4 จังหวัด ประกอบไปด้วย จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดยโสธร ซึ่งได้มีการดำเนินโครงการเมื่อต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน

    การดำเนินงานที่ผ่านมาแต่ละวัดได้มีการขับเคลื่อนและมีการบูรณาการกับโครงการที่ทางวัด ดำเนินการกันอยู่ก่อนหน้านั้น อาทิ ชุมชนคุณธรรม วัดส่งเสริมหมู่บ้านรักษาศีลห้า เป็นต้น เนื่องจากเป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกัน ที่ผ่านมาได้มีการประชาสัมพันธ์มีการสื่อสารในเวทีต่างๆ ที่ผู้ประสานได้มีโอกาสเข้าร่วม อาทิ เวทีประชุมกับชุมชน กับหน่วยงานราชการ เป็นการสร้างการรับรู้ในแนวคิดของโครงการ ชาวบ้านหลายคนให้ความสนใจ และเข้าร่วมโครงการบวชสร้างสุข จัดงานบวชแบบเรียบง่าย ประหยัด ยึดหลักพระธรรมวินัย แต่เมื่อเทียบกับสังคมในวงกว้าง ก็ยังคงมีการจัดงานที่ยึดตามหลักค่านิยมเดิมอยู่ และนี่เป็นสิ่งที่เครือข่ายพระสงฆ์ต้องคิดต่อ

    พระครูปริยัติพลากร เจ้าอาวาสวัดบูรพาบ้านทุ่งแต้ ได้กล่าวว่า การจะเคลื่อนงานบวชสร้างสุข ให้เกิดผลอย่างวงกว้างเป็นรูปธรรมในสังคม การที่เราจะทำอยู่แค่เรากลุ่มเล็กๆ แน่นอนมันเป็นเรื่องที่ยาก เราจะต้องอาศัยเครือข่ายที่หลากหลายและกว้างออกไป ไม่ว่าจะเป็น ส่วนราชการ ประชาสังคม ชุมชน ท้องถิ่นท้องที่ คณะสงฆ์ฝ่ายปกครอง ให้มามีส่วนร่วมในการ ขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นเป็นนโยบายสาธาณะ เป็นแนวปฏิบัติร่วมกันในสังคม ให้จัดงานบวชแบบเรียบง่าย ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ลดปัญหาสังคม

    ในที่ประชุมเห็นด้วย และได้มีมติ ผลักดันนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุข ไปสู่นโยบายระดับจังหวัดระดับภาค โดยกำหนดไว้ในช่วงกลางเดือน พฤษภาคม 2566 นี้ ที่จังหวัดยโสธร มีแผนในการดึงส่วนราชการ และคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการประกาศนโยบายครั้งนี้


  • คณะสงฆ์เมืองกาฬสินธุ์ ถอดบทเรียนงานบวชสร้างสุข มีมติผลักดันต่อ พร้อมขยายผล และสื่อสารให้มากขึ้น

    คณะสงฆ์เมืองกาฬสินธุ์ ถอดบทเรียนงานบวชสร้างสุข มีมติผลักดันต่อ พร้อมขยายผล และสื่อสารให้มากขึ้น

    จากค่านิยมเรื่องการจัดงานบวชในอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันก่อให้เกิดปัจจัยเสี่ยง เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  การมีมหรสพ ดนตรีฉลอง มีรถแห่เสียงดัง กระตุ้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เต้นยั่วยุ ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท ความรุ่นแรงฆ่ากันตายในงานบวช สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายต่อชุมชน ระหว่างชุมชน และสังคม  มีค่าใช้จ่ายมหาศาลในการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ด้วยค่านิยมเชื่อว่าแสดงถึงฐานะทางสังคมของเจ้าภาพ  เกิดหนี้สิน ส่งผลให้เกิดภาพลบต่อเจ้าภาพที่จัดงานแบบเรียบง่าย  ประหยัด ที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยกลับถูกมองว่ายากจน  ซึ่งถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงพระพุทธศาสนาของชาวพุทธในระยะยาว

    จนต่อมาได้เกิดเวที แลกเปลี่ยน แนวคิด การผลักดันนโยบายสาธารณะ งานบวชสร้างสุข เพื่อสร้างค่านิยมใหม่ให้เกิดขึ้นต่อการจัดงานบวช ของสังคมไทย โดยการประสานของ เจ้าอธิการแดง ปญฺญาวโร เจ้าคณะตำบลบึงวิชัย อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมวัดกลาง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ มีพระครูวรธรรมธัช ดร. เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานในที่ประชุม จากการประชุมก็ได้มีการหารือกันถึงแนวทางในการขับเคลื่อน

    ได้มีการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) กันเกิดขึ้น ในพื้นที่ของ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์ กับ ชุมชน และราชการในเขตอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ในการรณรงค์แนวคิดงานบวชสร้างสุข และผลักดันให้เกิดต้นแบบงานบวชสร้างสุขในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของคณะสงฆ์อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ในการร่วมกันลดปัจจัยเสี่ยง สร้างปัจจัยเสริมให้เกิดขึ้นเป็นสังคมสุขภาวะ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้  ซึ่งถือเป็นโอกาสในการจัดงานบวชแบบเรียบง่ายตามพระธรรมวินัย ป้องกันการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์งานบวชด้วย และเป็นการเอื้ออำนวยให้ลูกหลานชาวพุทธได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาได้ง่ายยิ่งขึ้นตามแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง  จัดงานบวชสร้างสุขแบบ  “บวชวิถีใหม่ ยึดพระธรรมวินัย ห่างไกลอบายมุข ชุมชนอุ่นใจ เรียบง่าย ประหยัด  ปลอดภัย ไกลโควิด” เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการบวชอย่างแท้จริง และเป็นการสร้างวัฒนธรรมวิถีใหม่ให้เกิดขึ้น

    จากการดำเนินงานที่ผ่านมาของคณะสงฆ์อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ได้มีการถอดบทเรียนการการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุข ขึ้นที่ วัดป่าชัยมงคล ตำบลบึงวิชัย อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อทบทวนการทำงานที่ผ่านมา แลกเปลี่ยนวิธีการ ปัญหา อุปสรรคในการดำเนินงาน พร้อมหาแนวทางในการจัดการกับปัญหาต่างๆ ร่วมกัน

    สรุปผลการขับเคลื่อน งานบวชสร้างสุขอำเภอเมืองกาฬสินธุ์

    1. เกิดรูปธรรม ต้นแบบงานบวชสร้างสุขในอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ มากว่า 30 งาน มีพระสงฆ์ที่ผ่านกระบวนการบวชสร้างสุข ไม่ต่ำกว่า 39 รูป
    2. เกิดนวัตกรรมการเชิดชูผู้ที่บวชสร้างสุข ผ่านการมอบใบประกาศเกียรติคุณ
    3. เกิดการสร้างการสื่อสาร รณรงค์ งานบวชสร้างสุขในหลายรูปแบบ
    4. เกิดการประสานความร่วมมือ การขับเคลื่อนงานบวชสร้างสุข ระหว่าง วัด บ้าน ราชการ (บวร.)

    พระครูจันทธรรมานุวัตร, ดร. เจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ประธานในการประชุม ได้กล่าวว่า ถ้าดูจากวัตถุประสงค์ของโครงการบวชสร้างสุขแล้ว ก็ถือว่ามีความสอดคล้องในแนวนโยบายการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาในด้านสาธารณะสงเคราะห์ และด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงได้รับเอาแนวนโยบายบรรจุเข้ากับแผนปฏิบัติการ ของคณะสงฆ์อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เราก็ได้ขับเคลื่อนมาตลอด ปี 2565 ที่ผ่านมา วันนี้จึงกำหนดให้มีการแลกเปลี่ยนกัน ถึง แนวทางการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรคระหว่าง การดำเนินงาน เพื่อหาแนวทางในการแก้ไข และพัฒนาต่อไป

    พระครูสิทธิชยาภิวัฒน์ เจ้าคณะตำบลลำปาว ได้กล่าวเพื่อแลกเปลี่ยนว่า ตามที่เราได้ไปนำเสนอกับเจ้าภาพว่า การจัดงานจะต้องจัดลักษณะแบบนี้ แบบนี้ เราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างหนึ่งว่า สมัยก่อนที่ปู่ย่าตายายเราทำมาส่วนมาก มักมีชุความคิดหนึ่งว่า ไหนๆจะได้บวชลูกทั้งที อยากจะจัดหนักจัดใหญ่ ก็ไม่ค่อยได้มีปัญหาอะไร สมัยก่อนจะจัดงานใหญ่ขนาดไหนก็อยู่ในขอบเขตและก็ไม่มีการทะเลาะวิวาท ไม่มีการฆ่ากัน แต่สมัยนี้มันแตกต่างกันแต่ สมัยนี้เขาจัดใหญ่เพื่อต้องการความสนุกสนานกันก็คือรถแห่ที่กำลังติดเทรนด์มากในช่วงนี้ ชาวบ้านไหนจะมีผ้าป่า กฐิน งานบวช ไม่มีรถแห่นี่ คนจะไม่ค่อยไป คนจะไม่ค่อยใส่ใจ เราพยายามพูดอยู่หลายครั้งก็อยากที่เขาจะเข้าใจ พอเราออกกฎกติกาออกมา ว่าถ้ามีรถแห่ ไม่บวชให้ เขาก็ไปบวชวัดอื่น ฉนั้น จึงเสนอว่า จะต้องมีการบรูณาการร่วมกัน ให้ทุกวัดในเขตตำบล ในเขตอำเภอ หรือไปจนถึง ระดับจังหวัด ให้มีกฎกติการในลักษณะเดียวกันนี้ เชื่อว่า ญาติโยมจะถอยเอง

    ด้าน พระครูอรัญสุเมธาภรณ์ เจ้าคณะตำบลภูดิน เจ้าอาวาสวัดทุ่งศรีเมือง ได้กล่าวว่า ที่ทุ่งศรีเมืองเอง ชาวบ้านมีฐานะอยู่ในระดับปานกลางจึงสามารถขอความร่วมมือได้ง่าย ในเรื่องของการจัดงานบวชที่เรียบง่าย แต่ก็ยังมีอยู่บ้างที่ ยังคงจัดแบบเดิม ที่มีดนตรีเครื่องแห่ เลี้ยงฉลองใหญ่โต ผมเองก็ได้มีการบอกกล่าวทำความเข้าใจอยู่ตลอด เราอาจจะยังห้ามเขาไม่ได้ เราก็ต้องสร้างข้อตกลงกับเขา ว่าถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ รับผิดชอบอย่างไร พยาม ทำให้อยู่ในขอบเขตให้ได้มากที่สุด

    ในตอนท้าย พระครูจันทธรรมานุวัตร, ดร. เจ้าคณะอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ได้กล่าวต่อว่า จากที่ฟังจากหลายท่าน คิดว่าโครงการนี้มีประโยชน์ และหลายๆพื้นที่ก็เริ่มมีงานบวชต้นแบบ แต่ก็ยังคงมีปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง เราจึงต้องทำต่อไป ต้องช่วยกันสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจกับญาติโยม รวมไปถึง พระอุปัชฌาย์ ในพื้นที่อื่นๆ ได้ร่วมเป็นแนวปฏิบัติเดียวกันนี้ต่อไป

  • จากงานศพปลอดเหล้า สู่งานบวชสร้างสุข ปลอดเหล้า วัดชนาธิปเฉลิม พระอารามหลวง จ.สตูล

    จากงานศพปลอดเหล้า สู่งานบวชสร้างสุข ปลอดเหล้า วัดชนาธิปเฉลิม พระอารามหลวง จ.สตูล

    บวชสร้างสุข บวชวิถีใหม่ยึดพระธรรมวินัย เรียบง่าย ประหยัด ปลอดเหล้า ปลอดภัย ไกลโควิด = ได้บุญเต็มร้อย แนวคิดที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบัน จากการร่วมมือกันของ เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาสังฆะเพื่อสังคม มูลนิธิ สังฆะเพื่อสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ได้ร่วมกันผลักดันเชิงนโยบายของโครงการ บวชสร้างสุข ที่เดิมงานบวชที่พบเห็นในสังคมปัจจุบัน เจ้าภาพหลายคนกำลังหลงทาง จัดงานแบบฟุ้มเฟือย มีการนำเอาสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานบวช และขัดต่อหลักศาสนาเข้า เช่นการนำเอาบายมุข เหล้าเบียร์เข้ามาในงาน จัดเลี้ยงฉลองด้วยอาหารหลายอย่าง มหรสพใหญ่โต ทำต่อๆกันมาจนอ้างว่าเป็นประเพณี กลายเป็นค่านิยมที่กดทับแก่นแท้ของการบวช ภายในงานเต็บไปด้วยอบายมุข ผู้คนทำผิดศีลธรรมดังปรากฎในสื่อสังคมปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เองงานบวช แทนที่จะเป็นงานบุญ กลับเป็นงานบาปที่ก่อปัญหา และปัจจัยเสี่ยงต่างๆภายในชุมชน

    วัดชนาธิปเฉลิม อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล เป็นอีกหนึ่งวัดที่เข้าร่วมโครงการ ในการรรณรงค์ งานบวชสร้างสุข ได้ผลักดันขยายผลการขับเคลื่อนต่อ จากต้นทุนเดิม คือ ความเป็นวัดปลอดเหล้า ปลอดปัจจัยเสี่ยง และประสบการณ์จากการขับเคลื่อนงานศพปลอดเหล้า ได้ขยายผลมาสู่ประเด็นงานบวชสร้างสุข ได้รับการตอบรับจากเจ้าภาพเป็นอย่างดี จนเป็นต้นแบบให้กับวัดอื่นๆ ในพื้นที่อำเภอเมืองสตูล 

    พระครูสุนทรธรรมนิเทศก์ ผจล.วัดชนาธิปเฉลิม ผู้ประสานงานโครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุข จ.สตูล ให้สัมภาษณ์ว่า การรณรงค์สื่อสาร แนวคิด “งานบวชสร้างสุข” วัดชนาธิปเฉลิม อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล เอง ได้เน้นสร้างความเข้าใจ ทั้งต่อพระเอง และญาติโยมเอง โดยทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานบวชจะต้องเข้าใจและเห็นตรงกัน ถึงความถูกต้อง ความเหมาะสมในการจัดทำพิธีทางศาสนา  และด้วยที่วัดชนาธิปเฉลิมนี้เอง เป็นพระอารามหลวง การจัดกิจกรรมจึงไม่ค่อยมีความหวือหวา หรือเอิกเริกมากมายอยู่แล้ว ด้วยความเกรงใจต่อความเป็นพระอารามหลวง และผู้คนส่วนใหญ่เป็นคนชนชั้นกลาง โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะมักจัดงานแบบเรียบง่ายอยู่แล้ว ไม่ฟุ้งเฟื้อทำแต่พอดี นิยมจัดภายในวัด จึงไม่ค่อยมีเรื่องของ อบายมุข หรือ มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้ามาเกี่ยวข้อง อีกทั้งวัดเป็นวัดที่เข้าร่วมโครงการวัดปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ ปลอดการพนันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และในด้านงานบุญประเพณี ทางวัดเองก็รณรงค์เรื่องของงานศพปลอดเหล้า 

    พอมาในปีนี้มาทำประเด็นในเรื่องของงานบวช ก็ ถือเป็นการขยายผลงานเดิม เราได้เข้าไปพูดคุยสร้างความเข้าใจ ถึง การปรับค่านิยมที่มีการบวชแบบใหญ่โต ลงทุนมากมาย มีการเลี้ยงฉลองสนุกสนาน มาจัดแบบเรียบง่าย และถูกต้องตามพระธรรมวินัย ไม่มีอบายมุข ไม่มีมหรสพใหญ่โต แต่ยังคงอนุโลมคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมของท้องถิ่นอยู่ คือ อนุญาตให้มีกลองยาว ดนตรีพื้นบ้าน เข้ามามีส่วนร่วม มีบทบาท ในงานพิธีทางศาสนา

    และรอบๆวัดเองมีวงกลองยาวที่ชาวบ้านได้รวมกลุ่มกัน และกลุ่มชมรมผู้สูงอายุได้รวมกลุ่มกันเป็นนางรำอาสา อาสารำตามงานพิธี งานประเพณีสำคัญต่าง ๆ เจ้าภาพที่มาจัดงานบวชที่วัดเอง ที่มีกำลัง อยากจัดเลี้ยงฉลอง มีมหรสพดนตรีสร้างความบันเทิงใจ ก็ได้กลุ่มชาวบ้านเข้ามาช่วย ค่าใช้จ่ายในการจ้างกลองยาวแต่ละครั้งอยู่ที่ 3,000 – 4,000 บาท ส่วนนางรำก็มารำให้ฟรี หรือแล้วแต่จะให้ อาตมาภาพเองมองว่า เป็นสิ่งที่ดี ที่เราได้ส่งเสริมวัฒนธรรมของชุมชน และได้ส่งเสริมรายได้ภายในชุมชนได้ อีกทั้งยังป้องกันการแทรกแซงมาซึ่งวัฒนธรรมที่ผิด ๆ และปะปนไปด้วยอบายมุข

    พระครูสุนทรธรรมนิเทศก์ ได้เล่าต่ออีกว่าอีกหนึ่งปัจจัยที่ทางวัดสามารถขับเคลื่อนไปได้คือ ทางวัด ได้มีความเข้มงวดในการคัดกรองประวัติของผู้ที่จะมาบวช และทางเจ้าอาวาส พระครูวิมลธรรมรส เข้มงวดและเด็ดขาดต่อผู้ที่จะมาบวช งานไหนที่มีการดื่มเหล้า แห่นาคเข้ามา ทันจะไม่อนุญาตให้บวช จนกว่าจะหายเมา จนชาวบ้านที่จะมาบวชเองได้เข้าใจและรู้กัน ว่าเมื่อจะมาบวชที่นี้ อะไรที่ทำได้ทำไม่ได้ ทั้งนี้เป็นการทำเพื่อตัวญาติโยมและชุมชนเอง ชาวบ้านจึงเข้าใจและให้ความร่วมมือ 

    จากการรณรงค์สื่อสาร ก็ได้มีชุมชนคุ้มวัดอื่น บริเวรรอบๆ วัดชนาธิปเฉลิม ได้เห็นคุณค่า และนำแนวคิดรูปแบบ การจัดงานบวชไปปรับใช้ ทำให้เกิดสังคมสุขภาวะ บวชปลอดเหล้า ปลอดปัจจัยเสี่ยง ในพื้นที่ อำเภอเมืองสตูล

  • เจ้าอาวาสวัดบิง อ.โชคชัย จ.โคราช ชวนเจ้าภาพเปลี่ยนค่านิยมจัดงานบวช เน้นความเรียบง่าย จัดบวชหมู่ พระ 4 รูป บวชสร้างสุขปลอดเหล้าไม่ก่อเวร

    เจ้าอาวาสวัดบิง อ.โชคชัย จ.โคราช ชวนเจ้าภาพเปลี่ยนค่านิยมจัดงานบวช เน้นความเรียบง่าย จัดบวชหมู่ พระ 4 รูป บวชสร้างสุขปลอดเหล้าไม่ก่อเวร

    เมื่อวันที่ 10 กรกฏาคม 2565 พระครูสิริสุตาลังกา (อิ่ม หิตกาโร) เจ้าอาวาสวัดบิง ตำบลโชคชัย อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชพระใหม่ จำนวน 4 รูป โดยเป็นการบวชหมู่ และในโอกาสที่มีผู้มาขอบวชครั้งนี้ เจ้าอาวาสได้ชักชวนเจ้าภาพเปลี่ยนค่านิยมจัดงานบวช จากค่านิยมเดิมที่มาขอบวชที่นี้ ให้เป็นกาบวชแบบค่านิยมใหม่ เน้นความเรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ภายใต้เศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงในปัจจุบัน และลดปัจจัยเสี่ยงที่จะนำสู่การทะเลาะวิวาท การทำผิดศีลธรรม เช่น ภายในงานปลอดเหล้า ปลอดอบายมุข

    ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของอำเภอโชคชัย เรื่องงานบวชและงานบุญประเพณีปลอดเหล้า ที่ขับเคลื่อนมาตั้งแต่ปี 2563 โดยนางระเบียบ ขาวฉอ้อน หัวหน้ากลุ่มงานสุขภาพจิตและยาเสพติด โรงพยาบาลโชคชัย และประชาคมงดเหล้าลดปัจจัยเสี่ยง จ.นครราชสีมา สนับสนุนสื่อประชาสัมพันธ์ หวังให้เจ้าภาพมั่นใจ จัดงานบุญได้บุญไม่เปื้อนบาป และเป็นต้นแบบงานบวชปลอดเหล้า รณรงค์สร้างค่านิยมและพฤติกรรมใหม่ในสังคมต่อไป

    ด้าน นายชัยณรงค์ คำแดง ผู้จัดการโครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุข กล่าว่า การบวชของลูกสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตให้แก่พ่อแม่ และผู้บวช แต่ที่ผ่านมา การจัดงานบวช หรือประเพณีบวชนาค ได้กลายเป็นพิธีกรรมสร้างความแตกแยกระหว่างชุมชน ทะเลาะวิวาท เสียงดัง บางงานทำให้พ่อแม่ตายทั้งเป็น บางงานเป็นหนี้สินเพราะจัดงานใหญ่ ต้องเป็นทุกข์ใช้หนี้ เพราะค่านิยมสังคมไปไกลมาก และเพราะไม่ยึดหลักพระธรรมวินัย ชาวพุทธควรทบทวนหลักการบวชหรือการจัดงานบวชที่แท้จริงควรจะเป็นอย่างไร