Tag: สังฆะเพื่อสังคม

  • ภาคใต้ตอนบน เปิดเวทีสร้างความเข้าใจ ในการขับเคลื่อนงาน บวชสร้างสุข พื้นที่ต้นแบบนำร่อง พร้อมมอตาลปัตร สัญลักษณ์ของโครงการฯ

    ภาคใต้ตอนบน เปิดเวทีสร้างความเข้าใจ ในการขับเคลื่อนงาน บวชสร้างสุข พื้นที่ต้นแบบนำร่อง พร้อมมอตาลปัตร สัญลักษณ์ของโครงการฯ

    “ บวชสร้างสุข บวชประหยัด ได้ประโยชน์ ได้โปรดสัตว์ ปฏิบัติตามแนวทางพระศาสนา สัตว์ไม่ตาย คนไม่เมา เคล้ากามา ลดตัณหา นำพาสุข พุทธวิธี ”

    พระมหาบวร ปวรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ จ.นครศรีธรรมราช ผู้รับผิดชอบโครงการฯ ภาคใต้ตอนบน

    เมื่อวันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 09.00 น. คณะทำงานโครงการขยายผลการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุข ภาคใต้ตอนบน นำโดย พระมหาบวร ปวรธมฺโม ผู้รับผิดชอบ/ผู้ประสานงานโครงการฯ ได้เปิดเวทีประชุม ทำความเข้าใจ ในโครงการฯ พร้อมวางกรอบแนวทางการขับเคลื่อนงานโครงการ กับ พื้นที่เป้าหมาย ภาคใต้ตอนบน 7 จังหวัด (จังหวัดนครศรีธรรมราช , จังหวัดสุราษฎร์ธานี , จังหวัดกระบี่ , จังหวัดพังงา , จังหวัดระนอง, จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชุมพร ) ณ วัดวัดศรีพนมพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)

    ภายในเวที ได้มีการนำเสนอหลักการของโครงการ ถึงการจัดงานบวชในพื้นที่ของภาคใต้ตอนบน ที่มีค่านิยมและวัฒนธรรมในการจัดงานบวชที่ถือคติที่ว่า “ต้องจัดยิ่งใหญ่เพื่อแสดงบารมี” โดยการจัดงานบวชที่มีค่านิยมในลักษณะนี้ของภาคใต้ตอนบนแสดงให้เห็นซึ่งฐานะทางสังคมของเจ้าภาพ ซึ่งมีมหรสพ แตรวงรถแห่ โดยค่านิยมดังกล่าวนี้ได้ทำตาม ๆ กันมาเป็นเวลานานจนเกิดเป็นวัฒนธรรมในการจัดงานบวชของคนภาคใต้ตอนบน ซึ่งการจัดงานบวชแต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่ายในการจัดงาน 1 ครั้ง เฉลี่ยหลักแสนบาทและมากสุดที่สำหรับเจ้าภาพที่มีฐานะทางสังคมที่ดีจะใช้งบประมาณในการจัดงานโดยประมาณหนึ่งล้านบาท แต่เจ้าภาพที่มีทุนในการจัดงานน้อยแต่หลีกกระแสสังคมไม่ไหว ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาจัดงานบวช ส่วนมากในการจัดงานบวชแต่ละครั้งที่มีการใช้งบประมาณที่สูงเพราะว่า เป็นค่าอาหาร ค่าโต๊ะจีน ค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ค่าดนตรีมหรสพ ค่ารถแห่ ซึ่งเมื่องานบวชมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องก็พบปัญหาความรุนแรงตามมาจึงเป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จึงต้องมีการขับเคลื่อนโครงการ บวชสร้างสุข เพื่อแก้ไขปัญหา และสร้างอำนาจในการคานงัดกับค่านิยมที่กดทับสังคมอยู่

    ในที่ประชุม ได้ร่วมกันวางกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนงานไว้ 3 แนวทางเบื้องต้น คือ

    1. สนับสนุนพื้นที่เป้าหมาย ทั้ง 7 จังหวัด ในการเปิดเวทีสร้างความเข้าใจและผลักดันให้เกิดเป็นนโยบายสาธารณะ กับวัด เจ้าอาวาส หรือพระอุปัชฌาย์ในพื้นที่

    2. ดำเนินการสร้างข้อตกลง (MOU) พื้นที่ต้นแบบในการจัดงานบวชสร้างสุข 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี

    3. สร้างเครื่องมือ ในการเก็บข้อมูลเชิงวิชาการ เพื่อทำการวิจัยศึกษาเปรียบเทียบ การจัดงานบวชสร้างสุข กับงานบวชทั่วไป

    พร้อมกันนั้น พระมหาบวร ปวรธมฺโม ได้มีการมอบ ตาลปัตร ที่มีสัญลักษณ์ของโครงการ เพื่อใช้ในการประกอบพิธีในการจัดงานบวชสร้างสุขในพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงฆ์เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการอีกช่องทางหนึ่ง

  • คณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ  ประสานพลังความดี “สำนึกรักบ้านเกิด”  ผลักดันจัดตั้งกองทุนพระสงฆ์อาพาธจังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดแรกของภาคอีสาน

    คณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ  ประสานพลังความดี “สำนึกรักบ้านเกิด”  ผลักดันจัดตั้งกองทุนพระสงฆ์อาพาธจังหวัดศรีสะเกษ เป็นจังหวัดแรกของภาคอีสาน

    พระครูศรีมงคลปริยัติกิจ (สิทธานต์ สิทฺธิวโร ป.ธ.๖)  เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง นำคณะสงฆ์ เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล จังหวัดศรีสะเกษ ที่เป็นคณะทำงานแต่ละอำเภอ เดินทางศึกษาดูงานที่วัดเนินพระ ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ระหว่างวันที่ 21 – 22 เมษายน 2565  โดยมีเจ้าคณะจังหวัดระยอง พระเทพสิทธิเวที เจ้าอาวาสวัดเนินพระ ให้การต้อนรับและบรรยายพิเศษ บทเรียนการผลักดันกองทุนพระสงฆ์อาพาธจังหวัดระยอง

    การเกิดขึ้นของเวทีศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้ เกิดจากแนวคิด “สำนึกรักบ้านเกิด” ของพระสงฆ์นักวิชาการนักปกครอง ที่สำนึกรักบ้านเกิดต้องการจะทำอะไรเพื่อพระสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ โดยมี ดร.พระมหาอดิเรก ฐิตวุฑฺฒิ, ผศ.ดร. พระปลัดสรวิชญ์ อภิปญฺโญ, ดร.พระมหาประยูร โชติวโร และพระมหาสมยศ ถามเชฏโฐ ซึ่งเป็นพระนักวิชาการลูกหลานคนศรีสะเกษ

    โดยวันแรกได้รับฟังการบรรยายจาก พระวิทยากร พระครูสุวรรณโพธิวรธรรม (มนัส อิ่มรัตน์) เจ้าคณะตำบลตลาด เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง จังหวัดจันทบุรี ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การจัดตั้ง และการบริหารกลุ่ม เครือข่ายสัจจะสะสมทรัพย์จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีการบริหารจัดการมาแล้วเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน มีสินทรัพย์หมุนเวียนทั้งจังหวัดมากกว่าสามพันล้านบาท คณะสงฆ์ศึกษาดูงานให้ความสนใจและมีการถามตอบแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง

    วันที่สองได้รับฟัง การบรรยายพิเศษ “กระบวนการจัดการกองทุนพระสงฆ์สามเณรอาพาธ” จากทีมพระวิทยากร มีพระราชธรรมเมธี (วิสูติ ปญฺญาทีโป ป.ธ.๙) รองเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี เจ้าอาวาสวัดโค้งสนามเป้า พระปลัดสาธิต ทองเปรม พระครูสุวรรณโพธิวรธรรม และรองเจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง พระครูพรหมาริยานุวัฒน์ ได้แลกเปลี่ยน หลักคิด จุดเริ่มต้น กระบวนการวิธีการ ประสบการณ์จัดการจัดตั้งกองทุนฯ ที่สำคัญ ณ วันนี้ได้ผลักดันให้เกิดแล้วมี จังหวัดจันทบุรี ระยอง ตราด และกำลังพัฒนามีจังหวัดลพบุรี

    สุดท้ายของการศึกษาดูงานรับฟัง แลกเปลี่ยนรู้ พระครูศรีมงคลปริยัติกิจ ได้สรุปเป็นแนวทางที่ต้องรวมพลังของพระสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ

     1)  พระสงฆ์เมื่อกลับไปแล้ว ต้องไปกราบเรียนครูบาอาจารย์ผู้บังคับบัญชา มาได้อะไร การจัดตั้งกองบุญมีขั้นตอนอย่างไร โดยเฉพาะทำแล้วได้ประโยชน์อะไร ซึ่งท่านได้เน้นย้ำอย่างชัดเจน เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ทำอะไรเพื่อพระสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ ในการดูแลสุขภาพ ป่วยแล้วมีพระสงฆ์ดูแล ญาติโยมผู้ทำบุญก็ได้ร่วมดูแลพระสงฆ์ด้วย  

    2)   ต้องหารือถึงความพร้อมแนวทาง แต่งตั้ง/การจัดตั้งคณะทำงานโครงสร้างบริหาร ตามรูปแบบที่จังหวัดจันทบุรีได้ดำเนินการไปก่อนเป็นตัวอย่าง ประชุมด่วนสามัญ และหารือกระบวนการการรับสมัครสมาชิก  โดยพร้อมช่วงไหนอย่างให้ทีมวิทยากรจากจังหวัดจันทบุรีมาสนับสนุนความรู้เพิ่มเติม

    3)  การศึกษาดูงานเชิงลึก “สัจจะสะสมทรัพย์”  พระสงฆ์ที่ต้องการจะเดินทางมาเรียนรู้ที่จังหวัดจันทุบรี ขอให้แจ้งภายในวันที่ 1-5 พฤษภาคม 2565 นี้ เพื่อวางแผนในการประสานงานต่อไป

    ท้ายสุด พระมหาสมยศ  ถามเชฏโฐ ป.ธ.๗ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดระยอง  วัดเนินพระ และคณะศรัทธา ได้ร่วมถวายปัจจัยเป็นกองทุนตั้งต้นเข้ากองบุญพระภิกษุอาพาธจังหวัดศรีสะเกษ  จำนวน  100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน)

    ทั้งนี้ ในการสนับสนุนเวที มีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาสังฆะเพื่อสังคม และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)

    ชัยณรงค์  คำแดง รายงาน