Tag: กรุงเทพมหานคร

  • ชีวิตใหม่ กับก้าวย่างที่มั่นคง ด้วยขาเทียมคู่ใจ #เรื่องเล่าจาก ไทเกอร์  วุฒิวัย (เต๋า) เหยื่อเมาแล้วขับ ปี2558

    ชีวิตใหม่ กับก้าวย่างที่มั่นคง ด้วยขาเทียมคู่ใจ #เรื่องเล่าจาก ไทเกอร์  วุฒิวัย (เต๋า) เหยื่อเมาแล้วขับ ปี2558

    ชีวิตที่สดใสของวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่กิน เล่น เที่ยว สังสรรกับเพื่อนๆ ไปไหนมาไหนอย่างอิสระ ต้องดับวูบไปในเพียงชั่วข้ามคืน โดยที่เขาไม่ได้ตั้งตัว เพียงเพราะความประมาทของคนเมาแล้วขับ

    เปิดใจ ไทเกอร์  วุฒิวัย (เต๋า) เหยื่ออุบัติเหตุเมาแล้วขับ ในปี 2558
    Tweet

    ไทเกอร์  วุฒิวัย หรือ น้องเต๋า เล่าว่า ก่อนประสบอุบัติเหตุผมก็ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป มีไปเที่ยว ไปออกกำลังกาย เล่นฟุตบอล/วิ่งเล่น และทำกิจกรรมต่างๆ เหมือนกับคนปกติทั่วไป แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ผมเองก็ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ล่วงหน้า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ตอนนั้นผมอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นผมเองเพิ่งสอบติดที่วิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยมีกำหนดการจะต้องไปรายงานตัว ในวันพรุ่งนี้เช้า ผมได้ขับรถจักรยานยนต์ ไปหาเพื่อนเพื่อที่จะไปปรึกษากันว่า “พรุ่งนี้เราจะไปมอบตัวที่วิทยาลัยกี่โมงกันดี แล้วจะไปกันยังไง?”

    นั่งคุยกันกับเพื่อนอยู่พักหนึ่ง ก็จะแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ก่อนกลับ ผมกับเพื่อนชวนกันไปซื้อของกินที่ เซเว่น กันก่อน และระหว่างที่กำลังขับรถจนจะไปถึง เซเว่น ก็มีรถคันหนึ่งพุ่งเข้าชนผมอย่างจัง เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไวมาก เหมือนภาพตัด เหมือนผมเห็นไฟหน้ารถเขาอยู่ไกลๆ แต่แค่แว๊บเดียว รถคันนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ตอนนั้น ผมตกใจเลยหักหลบ แต่ไม่พ้น โดนชนที่ด้านขวา พอถูกชนปุ๊ป ผมพยายามตั้งสติและพยายามลุกขึ้นยืน (ด้วยความที่คิดว่าไม่เป็นอะไรมาก) แต่คนแถวนั้นที่วิ่งออกมาช่วย บอกผมว่า “อย่าขยับ ให้นอนลงไป” ผมถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับผม?”

    ตอนแรกเขาก็ไม่บอก ด้วยความที่ผมอยากรู้ เลยพูดไปว่า “บอกผมเถอะครับ ผมทำใจได้” เขาเลยบอกว่า “ขานั้นขาดไปแล้ว” ตอนนั้น ผมได้แต่อึ้ง! ทำอะไรไม่ถูก พอเริ่มตั้งสติได้ ก็โทรบอกแม่ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม ผมถูกส่งไปโรงพยาบาลปทุมธานี และเข้ารับการผ่าตัดทันที ผมเริ่มคิดว่า “หลังจากนี้ไป ชีวิตผมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผมได้มาทราบทีหลังว่าคู่กรณี ที่ขับรถพุ่งชนผมนั้น มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูงเกินกว่าค่ากำหนด หรือ เมาแล้วขับนั้นเอง

    หลังการผ่าตัดเสร็จ ผมตื่นมาพบความจริงที่ว่า ตัวเองไม่มีขาแล้วจริงๆ ตอนนั้น ผมเสียใจมากกับภาพที่เห็นและร้องไห้หนักมาก จนหมดสติไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้า คือ ครอบครัวญาติพี่น้องและเพื่อนๆ อยู่รอบเตียงผมเต็มไปหมด ทุกคนต่างส่งรอยยิ้มปลอบใจและคำพูดให้กำลังใจ ทำให้ผมเริ่มพูดคุยและพยายามทำใจ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งระหว่างการพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล คนในครอบครัวและญาติพี่น้อง ตลอดจน เพื่อนๆ ได้แวะเวียนกันมาให้กำลังใจผมอยู่เรื่อยๆ จนคุณหมอคุณพยาบาลแซวว่า ให้เปิดห้องพิเศษไว้ต้อนรับ เพราะญาติๆมาเยี่ยมเยียนเยอะมาก

    ผมเริ่มทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งใจทำกายภาพบำบัด เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ผมได้ออกจากโรงพยาบาล พร้อมขาข้างใหม่ เป็น “ขาเทียม คู่ใจ” ก็พบว่า การใช้ชีวิตของผม ดูช้าลงไปหมด ทำอะไรก็ไม่คล่องแคล่วว่องไว เหมือนแต่ก่อน ผมได้ตระหนักว่า ตัวผมจะทำอะไรให้เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่ได้อีกแล้ว หลายๆ อย่างต้องปรับตัว จะทำอะไร จะไปไหน ต้องวางแผน/เตรียมตัว มากกว่าคนอื่น

    ในช่วงแรก ๆ ก็รู้สึกท้ออยู่บ้าง ก็ได้ครอบครัวญาติและเพื่อนๆ คอย Support อยู่ข้างๆ ผมตลอด ทำให้ผมมีกำลังใจ และออกมาใช้ชีวิตได้ปกติ อยู่ทุกวันนี้ ผมเพียงแค่ว่า “ทุกการสู้ชีวิต สิ่งที่ดีที่สุด คือ กำลังใจจากตัวเราเอง…ถ้าใจเราไม่สู้ ต่อให้คนรอบข้าง ดีกับเราแค่ไหน เราก็ถอดใจอยู่ดี”

    ปัจจุบันน้องเต๋า อายุ 24 ปี ประกอบอาชีพค้าขายทั้งแบบ Online และ ตามตลาดนัด/รับจัดงานนอกสถานที่ นอกจากนี้ ยังเป็นแกนนำเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำเมา ร่วมออกบูธรณรงค์น้ำดื่มทางเลือก กับ เครือข่ายองค์กรงดเหล้ากรุงเทพมหานคร

    บทความโดย : อารีย์  เหมะธุลิน ผู้ประสานงานเครือข่ายงดเหล้าภาคกลาง กรุงเทพมาหานคร และปริมณฑล 

  • กทม.ร่วมมือกับภาคีจัดกิจกรรม  BKK-เรนเจอร์ รวมพลังเด็กเปลี่ยนเมือง มุ่งสร้างพื้นที่แห่งการปลดปล่อยพลังของเด็กและรับฟังเสียงเด็ก (คนรุ่นใหม่) ในการพัฒนาเมือง

    กทม.ร่วมมือกับภาคีจัดกิจกรรม  BKK-เรนเจอร์ รวมพลังเด็กเปลี่ยนเมือง มุ่งสร้างพื้นที่แห่งการปลดปล่อยพลังของเด็กและรับฟังเสียงเด็ก (คนรุ่นใหม่) ในการพัฒนาเมือง

    วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2565 กทม. ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม อาทิ บางกอกกำลังดี มูลนิธิ Why i Why SYSI สมาคมคนรุ่นใหม่กับนวัตกรรมทางสังคม มูลนิธิพัฒนาเด็ก เครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) และอีกหลายๆหน่วยงานที่ขับเคลื่อนงานด้านเด็กเยาวชน และการส่งเสริมพื้นที่สร้างสรรค์ ผนึกกำลังจัดกิจกรรม BKK-เรนเจอร์ รวมพลังเด็กเปลี่ยนเมือง เปิดพื้นที่ให้กับเด็กเยาวชน รวมถึงคนรุ่นใหม่ ให้ได้มีโอกาสแสดงพลังและส่งเสียงถึงผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาเมือง รวมถึงเป็นพื้นที่ในการแดงศักยภาพอย่างรอบด้าน ของเด็กๆ โดยมุ่งจัดงานที่ศูนย์เยวชนในกรุงเทพมหานครเนื่องจากเทศกาลเด็กและเยาวชนตลอดทั้งเดือนกันยายน โดยพื้นที่แรกในการจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นที่ ศูนย์เยาวชนดอนเมือง มีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย อาทิ กิจกรรม Workshop พัฒนาไอเดียสร้างสรรค์ เสริมศักยภาพสำหรับเยาวชน กิจกรรม Free Play & Youth Market พื้นที่อิสระในการเล่นและตลาดนัดเยาวชน รวมถึงจัดเวทีให้เด็กได้แสดงออกถึงความสามารถทั้งร้อง เล่น เต้น โชว์ อย่างเต็มที่

    “ศานนท์ หวังสร้างบุญ” รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวในเวทีว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เราไม่ได้เน้นที่ความสนุกอย่างเดียว หรือเน้นที่การนันทนาการอย่างเดียว แต่หัวใจสำคัญของกิจกรรมครั้งนี้ คือ การพูดถึงความสัมพันธ์ของประเด็นต่างๆในการพัฒนาเมือง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ประเด็นของเด็กและเยาวชน เราคิดว่าการเปิดพื้นที่ให้กับเด็กเยาวชน หรือ คนรุ่นใหม่ ให้ได้มีโอกาศแสดงศักยภาพ แสดงพลังที่จะมีส่วนในการพัฒนาเมือง เราเองถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเราเอง คิดว่าคนที่จะอยู่กับเมืองนี้พัฒนาเมืองนี้ไปได้นานที่สุด ไม่ใช่ผู้ใหญ่ หรือใครที่กำลังนั่งบริหารบ้านเมืองอยู่ขณะนี้ หากแต่คือพวกเรา เด็กและเยาวชนที่นั่งอยู่ตรงนี้ที่จะอยู่ไปอีกนาน ฉนั้นการเปิดพื้นที่ให้กับพวกเราเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้แสดงออกถึงศักยภาพที่มีอยู่ และได้ส่งเสียงไปยังผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาเมือง ได้รับฟังเสียงของพวกเรา และนำไปพิจารณาในเชิงนโยบายต่อไป

    ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายผู้ว่า ชัชชาติ ใน 216 นโยบาย คือ การมีสภาเมืองคนรุ่นใหม่ ซึ่งเราก็จะรวบรวมเสียงของทุกคนในกิจกรรมครั้งนี้ ไปพูคุยกันอีกทีในเวทีใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 – 25 กันยายน นี้ ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่นดินแดง จะมีการเปิดสภาเมืองคนรุ่นใหม่ครั้งแรก ให้เด็กเยาชนคนรุ่นใหม่ ในเข้าไปนั่งพูดในสภา ในประเด็นปัญหาต่างๆ ต่อหน้าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนั้นนั้นๆ เพื่อให้เกิดการแก้ไขและพัฒนาเมืองกรุงเทพต่อไป

    อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ ในกิจกรรมครั้งนี้ คือ ภายในงานพยายามเปิดพื้นที่ให้เด็กได้แสดงอออก แสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย ในการเปลี่ยนแปลง กทม. ที่เขาอยากได้ หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเขียน หรือการพูด

    ไม้โมก ธีรภพ เต็งประวัติ เด็กหนุ่มมัธยมปลายออกมาถ่ยทอดประสบการณ์ และส่งเสียงถึงผู้ใหญ่ในปัญหาสิ่งแวดล้อม เขาเล่าว่าเขาได้เลือกสื่อสารความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมผ่านโปรเจ็กต์ “เม้าท์มอยเขียว” หรือ Green Dialogue ซึ่งเป็นโครงงานก่อนเรียนจบ ม.6 หรือเรียกว่าธีสีสระดับมัธยมนั่นเอง ไม้โมกเชื่อว่า ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงก็ดี การจัดการขยะก็ดี พื้นที่สีเขียวที่ไม่เพียงพอก็ดี ล้วนไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ ที่จะปล่อยให้กลุ่มคนเพียงไม่กี่กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ผู้เชี่ยวชาญ” เป็นคนนำเสนอทางออกหรือตัดสินใจว่าจะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมกันด้วยหนทางไหน หากแต่เป็นประเด็นยิ่งใหญ่ในระดับชีวิตประจำวันของปัจเจกไปจนถึงระดับนโยบายสากล และ “ทุกคน” ควรได้หันมา “สร้างบทสนทนา” เพื่อหาทางออกร่วมกัน และทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีกลุ่มคนที่เสียงไม่ดังอย่าง เช่น ชาวเลหรือชาติพันธุ์กะเหรี่ยงถูกหลงลืมไว้ข้างหลัง หรือแม้กระทั่งเสียงเล็กๆ ของเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่อย่างพวกเรา

    แอ้ม อนุตรา จู้มณฑา หนึ่งในเยาวชนจากเครือข่ายนวัตกรรมคนรุ่นใหม่ (SYSI) ได้ออกมาพูดถึงเรื่อง สุขภาพจิตภาวะเครียดและความย่ำแย่ทางจิตใจ ที่เกิดขึ้นจากระบบสังคม ทั้งในสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา กับสภาวะความกดดัน จากความเคยชินของวัฒนธรรมเก่าที่มักใช้อำนาจ ‘นำ’ แบบรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวที่มาในรูปแบบของความปรารถนาดี หรือมาในรูปแบบการสร้างให้เกิดความกลัวต่อระบบใด ๆ เช่นเดียวกับเด็กและเยาวชนอีกนับไม่ถ้วนจนเรียกได้ว่าเป็นโรคฮิตของยุคสมัยไปเสียแล้ว หันไปมองคนรอบข้าง แอ้มพบว่าเรื่องสุขภาพจิตเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ควรถูกมองข้าม และเพราะเธอก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบกับภาวะนี้มาแล้ว เธอเชื่อมั่นว่ามี way out หรือทางออกสำหรับเรื่องนี้อย่างแน่นอน

    ไอซ์เบิร์ก ศักดิ์สิทธิ์ ศรีเดช กลุ่มเยาวชน YSDN ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนเข้มแข็งในการทำงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ได้ออกมาส่งเสียงเรื่องของการกำหนดนโยบายเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง และการส่งเสริมเสริมสุขภาวะที่ดีในกรุงเทพ ไอซ์เบิร์ก ได้กล่าวว่า เรื่องสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นปัจจัยที่จะส่งผลต่อสังคมในหลาย ๆ ด้าน การลดปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพเป็นอีกหนทางหนึ่งในการแก้ไขปัญหา เช่น พฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคม เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือแม้กระทั่งการเสพสารเสพติด พร้อมได้อ้างถึงงานวิจัยในปัจจุบันที่พบว่า ประชากรจากทั่วโลก ใน 1 ส่วน 3 ของประชากร เป็นผู้มีพฤติกรรม ในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก และที่หน้าตกใจไปกว่านั้น คือในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้บอกว่าว่ามีคนอายุน้อยลงเรื่อยๆ ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งเหล่านี้ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก เพราะสิ่งที่จะตามมาไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่จะรวมไปถึง วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรมประเพณี และความปลอดภัยในสังคมได้รับผลกระทบ อยากส่งเสียงไปยังผู้ใหญ่หรือทุกคน ได้หันมาตระหนักและใส่ใจเรื่องนี้

    ปาต๊ะ หรือ อับดุลปาตะ ยูโซะ จากสมาคมเยาวชนพัฒนาบ้านเกิด (PPS) ทำงานขับเคลื่อนเรื่องการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสร้างสรรค์สังคมสันติภาพผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ที่ผ่านมาจากการทำงาน เขาพบว่า gap หรือช่องว่างระหว่างวัยของคนแต่ละรุ่นส่งผลกระทบต่อความไม่เข้าใจที่นำไปสู่ความขัดแย้งตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับประเทศ และสิ่งสำคัญที่จะจูนหัวใจของแต่ละวัยให้หันหน้าหากันได้ คือ เซฟโซน หรือพื้นที่ปลอดภัยทางใจที่เด็กและเยาวชนสามารถพูดคุย บอกเล่าความรู้สึกนึกคิดของตนเองได้อย่างสบายใจ ไม่ถูกตัดสิน และมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมไปพร้อมกับผู้ใหญ่ได้จริง เขาจึงอยากให้ผู้ใหญ่ หรือใครก็แล้วแต่ในสังคม ได้เปิดพื้นที่ให้กับพวกเขา เด็กเยาวชนคนรุ่นใหญ่ ได้พูดได้แสดงออกอย่างเต็มที่โดยไม่มีอะไรมาครอบงำ ไม่ปิดกั้น อย่างจริงจัง เพื่อลดความขัดแยังที่อาจเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจกัน

    การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ คน กทม. ต่างให้ความสนใจ ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก มองว่าเป็นการเปิดพื้นที่แห่งมีส่วนร่วมให้กับคนทุกระดับ มามีส่วนร่วมในการพัฒนากรุงเทพฯ มาเป็นเจ้าของปัญหา และมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย เพื่อแก้ไขปัญหาของตัวเอง

    ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Fanpage บางกอกกำลังดี

  • ‘ธีระ วัชรปราณี’ ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายงดเหล้า นำแกนนำชุมชนงดเหล้ากรุงเทพฯ เข้ารับโล่ องค์กรผลงานดีเด่นด้านการป้องกันควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ณ หอศิลปวัฒนธรรม กทม.

    ‘ธีระ วัชรปราณี’ ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายงดเหล้า นำแกนนำชุมชนงดเหล้ากรุงเทพฯ เข้ารับโล่ องค์กรผลงานดีเด่นด้านการป้องกันควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ณ หอศิลปวัฒนธรรม กทม.

    วันที่ 8 กรกฎาคม 2565 นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) นำแกนนำชุมชนคนสู้เหล้ากรุงเทพมหานคร เข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณ องค์กรผลงานดีเด่นด้านการป้องกันและควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ณ หอศิลปวัฒนธรรม เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ปี 2565 จัดโดยสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โดยมี พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นผู้มอบในครั้งนี้   

    นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ได้เล่าว่า กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ใหญ่ มีพื้นที่ถึง 50 เขต ทางเครือข่ายองค์กรงดเหล้าของเรา ถือว่าพื้นที่นี้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ ที่มีความสำคัญ เราแบ่งประชากรออกเป็น 3-4 กลุ่ม เช่นกลุ่มที่อยู่ตึกสูง กลุ่มที่อยู่บ้านเดี่ยว กลุ่มพวกนี้จะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องการรณรงค์ เพราะเราสามารถขับเคลื่อนโดยใช้โซเชียลมีเดียเข้ามาช่วย เพราะกลุ่มเหล่านี้ถือว่ายังเป็นคนชนชั้นกลาง แต่ถ้าเกิดเป็นกลุ่มที่เป็นชุมชนแออัด หรือ ชุมชนดั้งเดิม ชุมชนเกษตรกรที่อยู่รอบนอก เราจะเข้าไปครับเพื่อนเข้าไปรณรงค์คนกลุ่มนี้ โดยใช้กลไกของแกนนำชุมชน อย่างเช่น ที่หลักสี่ ที่ลาดพร้าว หรือทุ่งครุ เราก็พยายามเข้าไปสร้างชมรมคนหัวใจเพชรขึ้นมา คือการรวมกลุ่มคนที่มีความหนักแน่นสามารถเลิกเหล้าได้ แต่ก็ถือว่ายากเพราะคนกรุงเทพฯไม่เหมือนกับคนต่างจังหวัด แต่ด้วยแกนนำของเรามีการทำงานอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถขับเคลื่อนงานไปได้

    โดยนอกเหนือจากนี้เราเองก็ได้ทำเรื่องของการเฝ้าระวัง พวกบรรดาถนนร้านค้าต่างๆว่ามีการทำผิดกฎหมายไหม มีลักษณะที่เข้าข่ายความผิดตามพรบควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเปล่า เป็นต้น โดยเราก็จะทำงานเชื่อมกับทาง กทม. โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักอนามัย ที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ และอีกสิ่งหนึ่งที่เรากำลังร่วมกันขับเคลื่อนที่เชื่อว่าจะเกิดเป็นรูปธรรมมากที่สุด คือ การทำงานร่วมกับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร และนี่คือบทบาทของเรา ด้วยการขับเคลื่อนงานทั้งหมดนี้จะขับเคลื่อนไปได้นั้น เรามีความคิดว่าหัวใจสำคัญนั้นอยู่ที่แกนนำชุมชน

    ด้าน นางดวงเดือน อินธนู แกนนำชุมชนคนสู้เหล้า ชุมชนการเคหะทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ เล่าว่า เดิมพี่เป็นกรรมการของชุมชนแล้วเมื่อก่อนตัวพี่เองและสามีก็เคยดื่มเหล้ามาก่อน เวลาเลิกงานก็จะออกไปกินเหล้ากับเพื่อน เรียนอยู่มาวันหนึ่งได้หันกลับไปมองที่ลูก ที่รอพ่อแม่กลับบ้านทุกวัน รู้สึกสงสารและคิดขึ้นมาได้ และอีกแง่หนึ่งเราเป็นกรรมการชุมชนก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับชุมชน จึงตัดสินใจร่วมมือกับทางเครือข่ายงดเหล้าเข้ามาขับเคลื่อนในประเด็นนี้ แล้วก็เป็นจุดเปลี่ยนให้พี่และสามีเลิกดื่มเหล้าหันมาสนใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น แล้วตัวเองเลิกได้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีก็เลยชักชวนชาวบ้านเลิกเหล้า โดยส่วนตัวคิดว่า ถือว่าการเปลี่ยนแปลงหรือชักชวนใครให้เลิกเหล้าได้มันเป็นบุญใหญ่ เป็นบุญใหญ่ทั้งกับตัวพี่เองและตัวของเขาเอง เราเองก็จะมีการขับเคลื่อนโดยการเข้าไปพูดคุยแนะนำแนวทางในการเลือกเหล้าและจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชนเพื่อรณรงค์การงดเหล้าในชุมชน และในวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 นี้เองทางชุมชนก็จะมีกิจกรรมวิ่งพักตับ City Run  ส่งเสริมให้คนในชุมชนหันมาดูแลตับของตนเองด้วยการงดเหล้า

    สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เองเป็นองค์กรภาคประชาสังคม ภายใต้สมาคมเครือข่ายงดเหล้าและลดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ(สคล.)  มีภารกิจด้านรณรงค์สร้างกระแส ปรับเปลี่ยนค่านิยมการดื่มแอลกอฮอล์และลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ได้แก่ เหล้า บุหรี่ สารเสพติด การพนัน เป็นต้น การสนับสนุนนโยบายหรือมาตรการเพื่อการปรับสภาพแวดล้อม การประสานให้เกิดพื้นที่สร้างสรรค์ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสร้างภูมิคุ้มกันจากปัจจัยเสี่ยงในวัยเด็กและเยาวชน การชวน ช่วย ชม เชียร์ให้บุคคล ลด ละเลิก และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกิดเป็นกลุ่มชมรมจิตอาสา “หัวใจเพชร” รวมทั้ง เป็นพื้นที่บ่มเพาะเครือข่ายเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยทำงานอย่างมียุทธศาสาตร์ เน้นการสร้างความร่วมมือ เป็นผู้ประสานพลัง ผู้หนุนเสริม และพร้อมเรียนรู้ปรับตัวยืดหยุ่นก้าวข้ามข้อจำกัดและกรอบความคิดเดิมๆ โดยมีคำขวัญของสำนักงานฯ ว่า “พลังเครือข่าย สานสุขทั่วไทย ปลอดภัย ปลอดเหล้า”

    สำนักงานฯ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2546 ได้รับการสนับสนุนจาก “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)”  ให้เป็นภาคีเชิงยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญ ทั้งระดับบุคคล ชุมชน จังหวัด ประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งมีโครงสร้างเป็นเจ้าหน้าที่องค์กร 2 ระดับ ได้แก่ ระดับประเทศ , ระดับภูมิภาค 9 ศูนย์ภูมิภาค และโครงสร้างเป็นผู้ประสานงานประชาคมจังหวัด และอาสาสมัครในชุมชน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเป้าหมายในระยะ 10 ปี จากนี้ไป ( พ.ศ.2565 – 2574) สำนักงานฯ มุ่งมั่นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดละเลิกการดื่มและการสร้างภูมิคุ้มกันที่จะไม่ดื่มในเด็กเยาวชน พร้อมๆ กับการปรับสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของตนเอง ครอบครัวและสังคม โดยในระยะ 3 ปี (พ.ศ.2565-2567) เน้นการพัฒนาเชิงพื้นที่ การสร้างคนสร้างทีม การจัดการข้อมูล การใช้ข้อมูล และการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์

    ผู้บริหารองค์กร

              เภสัชกร สงกรานต์ ภาคโชคดี      ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า

              นายธีระ วัชระปราณี                ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า

              นายชัยณรงค์ คำแดง                ผู้ช่วยผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า

              นายวิษณุ  ศรีทะวงศ์                ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายแผนพัฒนานโยบายสาธารณะ ฯ

    ผลงานที่เป็นรูปธรรมในสังคมไทยตั้งแต่ตั้งองค์กรปี 2564 เป็นต้นมา  อาทิ งานสร้างกระบวนการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา  งานบุญประเพณีปลอดเหล้า พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  พื้นที่ปลอดเหล้า สงกรานต์ปลอดเหล้า งานศพ งานบวชปลอดเหล้า ชุมชนสู้เหล้า โรงเรียนคำพ่อสอน เป็นต้น ล้วนแต่เป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากขบวนเครือขายงดเหล้าซึ่งประกอบด้วย77 จังหวัดได้ประสานพลังการขับเคลื่อนที่หลากหลายให้เกิดขึ้น มีศูนย์ประสานที่ทำหน้าที่ในการประสาน อำนวยความสะดวก สร้างการเรียนรู้ให้ภาคีด่านหน้าคือประชาคมจังหวัดทุกจังหวัดจะมีผู้ประสานงาน และคณะทำงาน  รวมทั้งกรุงเทพมหานครด้วย ทั้งนี้ สำนักงานฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ 100 ปี คือ การพัฒนาและส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้ร่วมขับเคลื่อนภารกิจ การต่อยอดขยายผลงานให้มีคุณค่ามูลค่าต่อไป

              สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ได้ดำเนินการกิจกรรมสนับสนุนในการดำเนินงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และผลิตภัณธ์ยาสูบก่อนหน้านั้น ครอบคลุม 102 ชุมชนใน 6 โซนของ กรุงเทพมหานครโดยการประสานความร่วมมือกับผู้ประสานงานโซน และแกนนำชุมชน  มาอย่างต่อเนื่องภายใต้ ยุทธศาสตร์  1) ชุมชนคนสู้เหล้า ชมรมคนหัวใจเพชร งดเหล้าเข้าพรรษา 2) สนับสนุนนโยบาย บังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  3) สนับสนุนความเข้มแข็งประชาคมงดเหล้าจังหวัด และเครือข่ายเยาวชนนักรณรงค์งดเหล้า 4) สนับสนุนการประชาสัมพันธ์ กิจกรรมรณรงค์ สนับสนุนสื่อรณรงค์

    ผลงาน/กิจกรรมที่ดำเนินการด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์ยาสูบ ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 – 2565

    1.สนับสนุนชุมชนคนสู้เหล้า และรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา 

              สนับสนุนชุมชนในการสร้างกระบวนการเรียนรู้เท่าทันพิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น ความรุ่นแรง สุขภาพ เศรษฐกิจ ในชุมชนนำร่อง 12 ชุมชน  ได้แก่ ชุมชนลาดพร้าว 45 เขตห้วยขวาง   ,ชุมชนหลังวัดกลางนา เขตทุ่งครุ ,ชุมชนประชาอุทิศ 43 เขตทุ่งครุ ,ชุมชนตลาดบางเขน เขตหลักสี่ ,ชุมชนเอื้ออาทรหัวหมาก เขตบางกะปิ ,ชุมชนการเคหะ 320 เขตหลักสี่ ,ชุมชนเคหะ 302 เขตหลักสี่ ,ชุมชนหลังแฟลตร่วมพัฒนา เขตหลักสี่,ชุมชนร่วมพัฒนา เขตหลักสี่ ชุมชนอยู่ดีมีสุขร่วมใจ  เขตหลักสี่ ,ชุมชนมิตรประชา เขตหลักสี่ ,ชุมชนสุขเจริญพัฒนา เขตบางกะปิ   และชุมชนภาคีอีกประมาณ  60 ชุมชน

    1.1 กิจกรรมงดเหล้าเข้าพรรษา 2563-2564

    โดยแนวคิดหลักของออกแบบรณรงค์ลด ละ เลิก การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในกลุ่มเป้าหมายนักดื่มหน้าเก่า และหน้าใหม่ ซึ่งแยกประเภทตามพฤติกรรมและความถี่ของการบริโภค ได้แก่ ผู้ดื่มเข้าสังคม ผู้ดื่มประจำ และผู้ดื่มหนัก และทำให้เกิดความต่อเนื่อง ภายใต้มาตรการ ชวน ช่วย ชม เชียร์ เชิดชู ให้ผู้เข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันแรกที่เข้าสมัครเข้าร่วมโครงการไปอย่างน้อย 3 ปี โดยชุมชนเป็นผู้ออกแบบดำเนินการ นอกจากระบบ ชวน ช่วย ชม เชียร์ เชิดชู ซึ่งถือเป็นระบบติดตาม สนับสนุนผู้ดื่มสู่คนเลิกเหล้าโดยชุมชนแล้ว อีกมาตรการของชุมชนคนสู้เหล้า คือ การจัดสภาพแวดล้อมในชุมชนให้เอื้อต่อการเกิดการลด ละ เลิกการดื่มและลดการเลี้ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานเลี้ยงระดับครัวเรือน และงานบุญต่างๆ ด้วยการให้ความรู้ การอบรม เชิญชวนเข้าร่วมโครงการ ชวน ช่วย ชม เชียร์ และเชิดชู ยกย่องคนที่สามารถเลิกได้ ซึ่งระหว่างปี 2563-64 ไม่ต่ำกว่าปีละ 190 คน สามารถประหยัดเงินค่าเหล้าได้มากกว่า 6 ล้านบาท  เช่น ปี 2564 เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กทม. ได้เชิญชวนคนเข้าร่วมงดเหล้าเข้าพรรษาได้จำนวน 193 คน จาก 12 ชุมชนเป้าหมาย สามารถประหยัดค่าเหล้าได้เฉลี่ย 18,000 บาท/คนในระยะ 3 เดือน มูลค่ารวม 3,474,000 บาท  

    นอกนั้น จะมีกิจกรรมอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนชุมชน,อบรมพัฒนาศักยภาพคนที่สามารถเลิกเหล้าได้ต่อเนื่อง 3 ปีเป็นจิตอาสานักรณรงค์งดเหล้า,เก็บข้อมูลคัดกรองการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชากรในชุมชน เมื่อได้ข้อมูลแล้ววางแผนช่วยเหลือสร้างกระบวนการ ชวน ลด ละเลิก ยกย่อง ให้กำลังใจ  ทั้งนี้ ทุกกิจกรรมในพื้นที่ได้ประสานความร่วมมือกับระดับนโยยายเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทำงาน

    1.2 กิจกรรม 12 ร้านข้าวไข่เจียว “อิ่มสุข”..ราคาแล้วแต่จะจ่าย โดยชุมชนคนสู้เหล้า กทม. ปี 2564 

    ในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิดที่ผ่านมาทางเครือข่ายงดเหล้า กทม. ได้ปรับรูปแบบการชวนคนงดเหล้าผ่านร้านข้าวไข่เจียว อิ่มสุข แล้วแต่จะจ่าย….ซึ่งได้ระดมทีมจิตอาสา และแกนนำคนงดเหล้า ได้เปิดร้านทำอาหารช่วยเหลือผู้ติดเชื้อโควิด คนในชุมชน และบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารแก่คนทั่วไป จากกิจกรรมเหล่านี้ทำให้คนในชุมชนได้ช่วยเหลือกันและกันในยามวิกฤติ คนที่กักตัวมีแกนนำชุมชน และอาสาสมัครส่งข้าวน้ำ ให้การช่วยเหลือกัน  ในช่วงระยะเวลา 5-6 เดือน ร้านข้าวไข่เจียว อิ่มสุข แล้วแต่จะจ่ายทั้ง 12 ร้าน สามารถผลิตข้าวกล่องรวม 58,272 กล่องช่วยเหลือคนในชุมชน

    2. สนับสนุนนโยบายบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    2.1 กิจกรรมการเฝ้าระวังการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    ที่ผ่านมาช่วงปี 2563 ได้มีกิจกรรมเฝ้าระวัง On Location เพื่อหาข้อมูลที่ยังเข้าข่ายกระทำความผิดกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเขต กมท.ครอบคลุมพื้นที่ 6 โซน และในช่วงสถานการณ์โควิด/มาตรการล็อคดาวน์ ปี 2563 -2565 จึงปรับรูปแบบเป็นการเฝ้าระวัง Online มากขึ้น โดยการเฝ้าระวังเนื้อหาในแอฟฟิเคชั่น Facebook/Tik Tok ที่เกี่ยวกับการโพสต์แสดงสินค้าการชวนเชิญดื่มของบัญชีผู้ใช้ เช่น การเฝ้าระวัง 15 วัน ระหว่างวันที่ 16-30 กันยายน 2564 พบคลิปชวนดื่มมากถึง 816 คลิป เฉลี่ยวันละ 54 คลิป และรณรงค์ให้ความรู้ ในงานเทศกาลประจำปี ลอยกระทง ปีใหม่  สงกรานต์   เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจกฎหมายควบคุมเครื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และทำงานอย่างต่อเนื่อง

    2.2 กิจกรรมมอบ/ถวายป้าย “วัดเป็นเขตปลอดบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมาย”

    สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า,สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ร่วมกับ สำนักอนามัยกรุงเทพมหนคร สนับสนุน/ถวายป้าย “วัดเป็นเขตปลอดบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามกฎหมาย” ครอบคลุมวัดทั้ง 50 เขตในพื้นที่ กทม.ป้ายขนาด 120 x 60 ชม. จำนวน 500 แผ่น หวังช่วยสังคมโดยรวมตระหนักถึงการ ลด ละ เลิก บุหรี่และแอลกอฮอล์ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย ต้านภัยจากโควิด-19  และปฏิบัติตามกฎหมายในสถานที่วัด

    มอบถวายเมื่อวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2564 ณ วัดลานบุญวัดหงห์รัตนารามราชวรวิหาร   โดยมีพระเดชพระคุณ พระธรรมวชิรเมธี (มีชัย วีรปญฺโญ) เจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ผู้รับมอบพร้อมด้วยคณะสงฆ์ผู้แทนวัดในเขตต่างๆ  มอบถวายโดยนายแพทย์สมชาย ตรีทิพย์สถิต ผอ.สำนักป้องกันยาเสพติดและทีมสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และ เภสัชกรสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) 

    3. การสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ กิจกรรมรณรงค์ สื่อรณรงค์ต่างๆ

                สำนักงานเครือข่ายงดองค์กรงดเหล้า ภายใต้การสนับสนุนของ “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)”  ได้เป็นศูนย์กลางสนับสนุนสื่อรณรงค์ให้ความรู้ เชิญชวน เฝ้าระวังต่างๆ ให้แก่ชุมชน หน่วยงาน เครือข่ายงดเหล้าทั่วประเทศ  แกนนำชุมชนเพื่อเครื่องมือในการทำงานในชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง  มีป้ายแบนเนอร์ สติกเกอร์ คำความต่างๆ  ตามแนวคิดแต่ละปี และสถานการณ์ต่างๆ