Tag: กองบุญพระสงฆ์อาพาธ

  • “ชีวิตนักบวช อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาตลอดชีวิต ยามชราเจ็บป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใครจะดูแล”

    “ชีวิตนักบวช อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาตลอดชีวิต ยามชราเจ็บป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใครจะดูแล”

    “นตฺถิ  โว  ภิกฺขเว  มาตา  นตฺถิ  ปิตา เย  โว อุปฏฺฐเหยฺยุํ  ตุเมฺห  เจ  ภิกฺขเว     อญฺญมญฺญํ  น  อุปฏฺฐหิสฺสถ  อถ  โกจรหิ  อุปฏฺฐหิสฺสติ  โย  ภิกฺขเว  มํ  อุปฏฺฐเหยฺย  โส  คิลานํ  อุปฏฺฐเหยฺย.ฯลฯ” ดูกรภิกษุทั้งหลาย! พวกเธอไม่มีมารดาบิดา ผู้ใดเล่าจะพึงพยาบาลพวกเธอ ถ้าพวกเธอจักไม่พยาบาลกันเอง ใครเล่าจักพยาบาล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเรา ผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุอาพาธเถิด ฯลฯ  ถ้าไม่มีอุปัชฌายะ อาจารย์ สัทธิวิการิก อันเตวาสิก ภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ  หรือภิกษุผู้ ร่วมอาจารย์ เป็นหน้าที่ของสงฆ์ที่ต้องพยาบาลจนตลอดชีวิต ถ้าไม่พยาบาล ต้องอาบัติทุกกฏ”

    เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567  พระครูอมรชัยคุณ (หลวงตาแชร์ พเนจรพัฒนา) ประธานกองบุญสวัสดิการสังฆะเพื่อสังคมภาคอีสานล่าง ได้มอบหมายให้นายดิษณุลักษณ์ ไพฑูรย์ เป็นผู้แทน  นำถวายปัจจัย สวัสดิการรายเดือนในการดูแลพระสงฆ์ผู้อาพาธติดเตียง ของกองบุญสวัสดิการสังฆะเพื่อสังคม โดยมูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม  แด่ พระครูวิมลสารวิสุทธิ์ (หลวงพ่อมหาแก่น) เจ้าอาวาสวัดหนองหัวแรด ต.แหลมทอง อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พระครูวิมลสารวิสุทธิ์ (หลวงพ่อมหาแก่น) ปัจจุบัน อายุ 78 ปี 57 พรรษา  เป็นพระสงฆ์นักพัฒนา ที่เห็นความทุกข์ยากของชาวบ้านเป็นภาระกิจสำคัญที่จะต้องช่วยให้พ้นทุกข์ โดยได้ทำอะไรหลายอย่างให้กับคนหนองบุญมาก และชาวโลก เช่น ระบบน้ำดื่ม น้ำใช้มีโรงงานผลิตน้ำดื่มในวัด  ผลักดันสร้างถนนหนทาง  รณรงค์ลด ละ เลิก อบายมุข (เหล้า ยาเสพติด บุหรี่ การพนัน เป็นต้น)  ส่งเสริมการเกษตรแบบธรรมชาติ โดยภายในวัดมีถังน้ำหมักชีวภาพมากกว่า 200 ตัน เพื่อให้ชาวบ้านได้นำไปใช้ ส่งเสริมการศึกษาทั้งของฝ่ายคณะสงฆ์ และฝ่ายญาติโยมมีศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์ในวัด มีรถรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน

    ปัจจุบันท่านอาพาธด้วยโรค เส้นเลือดในสมองตีบ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรง พูดไม่ได้ ต้องนอนป่วยติดเตียง มีเพียงยายยนต์  ฉลาดกลาง ผู้เป็นน้องสาวมาคอยดูแล อุปัฏฐากอุปัฏถัมภ์ นานๆทีจะมีพระสงฆ์มาดูแลพานั่งรถออกไปชมวิวภายในวัดที่ท่านได้สร้างไว้ตลอดอายุกาลพรรษาที่ผ่านมาเป็นครั้งคราว

    พอคุยกับยายยนต์ เรื่องการดูแลจากหน่วยงาน หรือคณะสงฆ์ด้วยกัน ยายก็มักจะตัดพ้อด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า “ตอนหลวงพ่อมีแรงอยู่ก็มีคนนั้นคนนี้มาขอให้ช่วย เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาให้ท่านทำท่านช่วย แต่พอหลวงพ่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีใครเข้ามาเลย” ยายพูดด้วยเสียงที่คลอ ๆ เล็กน้อย ฟังแล้วก็จุกในใจไปเหมือนกัน

    เสียงหนึ่งในใจ “ขนาดหลวงพ่อมหาแก่นทำอะไรให้ชาวบ้านมากมายขนาดนี้ ทั้งยังมีตำแหน่งทางการปกครองคณะสงฆ์ เมื่อยามเจ็บป่วย อาพาธ ก็ยังไม่มีใคร หรือระบบ อะไรมารองรับดูแลได้เลย ทิ้งให้ท่านอยู่ลำพังตามยถากรรม แล้วหลวงปู่ หลวงตา สูงอายุ ตามบ้านนอกจะอยู่กันอย่างไร”

    ถึงแม้ พุทธพจน์ที่ยกมาตั้งต้น เป็นคำบอก และคำสั่งของพระพุทธเจ้าถ้าสงฆ์ไม่ดูแลกันเอง ทางวินัยต้องปรับอาบัติทุกกฎทุกวัน ถึงเวลาหรือยังที่องค์กรสงฆ์จะต้องพัฒนาจัดระบบรองรับดูแลพระภิกษุอาพาธให้เป็นระบบนำไปสู่ความยั่งยืน สอดคล้องกับยุคสมัย ตามคำสั่งของพระพุทธเจ้า พระธรรมวินัย และนโยบายกุฏิชีวาภิบาล และกองบุญ/ทุนพระภิกษุอาพาธระดับจังหวัด ซึ่งปัจจุบันสามารถจัดตั้งเป็นต้นแบบแล้ว 10 จังหวัด


  • “บวชอุทิศพระศาสนามาตลอดชีวิต ยามชรา เจ็บป่วย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ขาดระบบดูแล”

    “บวชอุทิศพระศาสนามาตลอดชีวิต ยามชรา เจ็บป่วย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ขาดระบบดูแล”

    รูปที่ 1 “พระนักพัฒนาผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง” พระครูวิมลสารวิสุทธิ์  ( พระมหาแก่น  อนงฺคโณ ) เจ้าอาวาสวัดหนองหัวแรด อ.หนองบุญมาก  จ.นครราชสีมา อายุ 78 ปี พรรษา 57 พระนักพัฒนาที่มีผลการขับเคลื่อนงานมากมายในจังหวัดนครราชสีมา ในนามเครือข่ายสังฆะพัฒนาโคราช ท่านเป็นพระผู้ที่อุทิศเวลาส่วนใหญ่ให้กับการชี้ทางบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้าน พาชาวบ้านดำเนินกิจกรรมมากมาย เช่น ผลิตปุ๋ยหมักชีวภาพ น้ำหมักชีวภาพ แจกจ่ายให้ชาวบ้านได้ใช้ในครัวเรือน ในไร่ นา ด้วยชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก  ท่านได้สร้างโรงผลิตน้ำดื่ม จำหน่ายให้ชาวบ้านในราคาถูก จัดให้มีรถรับสงฆ์ผู้ป่วย หรือรถให้ชาวบ้านได้ใช้ยามจำเป็น พัฒนาวัดเป็นวัดตัวอย่าง วัดปลอดเหล้า บุหรี่ การพนัน ฯลฯ เป็นต้น แต่ในระยะที่ผ่านมาท่านได้ล่มป่วยด้วยโรค เส้นเลือดในสมองตีบ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พูดไม่ได้ ตกอยู่ในความยากลำบาก มีเพียงปัจจัยส่วนตัว และญาติโยมที่คอยให้การดูแล ถวายข้าว น้ำ ตามอัตภาพ

    รูป 2 “เทวดาของเด็กยากไร้  ช่วยเด็กกำพร้า ไร้ที่พึ่ง พ่อแม่ติดคุก…สู่อนาคตใหม่” พระครูศีลวราภรณ์ (เฉลิม ฐิติสีโล) เจ้าอาวาสวัดโนมเมือง อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา อายุ 76 ปี พรรษา 55 เครือข่ายพระสังฆะพัฒนาโคราช ท่านได้พัฒนาวัดโนนเมืองให้เป็นเขตปลอดอบายมุขถาวร ปราศจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และเล่นการพนันภายในวัด เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันของคนในชุมชนรอบบริเวณวัด และภายนอก 

    ท่านได้จัดทำโครงการคุณพระช่วย คือ โครงการพระช่วยแนะนำข้อปฏิบัติ ทำห้องสุขา ให้ทุนการศึกษา โครงการส่งเสริมไร่นาสวนผสม โครงการจัดกิจกรรมให้ความรู้ชาวบ้านในด้านต่างๆ เช่น การออมทรัพย์ และโครงการปลูกป่า โครงการให้ความรู้ป้องกันเอดส์ และโครงการอนุรักษ์โค กระบือ เป็นประธานผู้จัดการโครงการ FIZ 6 จังหวัด ภาคอีสานล่าง งบประมาณ(ธนาคารออมสิน)ประมาณ 640 ล้าน และได้จัดตั้งโรงเรียนมัธยมพุทธเกษตรเพื่อช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาที่ขาดโอกาสทางการศึกษา 5 ประเภท ได้แก่ กำพร้า พ่อแม่หย่าร้าง ยากจน เกเรหลงผิด และพ่อแม่ติดคุก เด็กที่ส่งจบไป จากโรงเรียนที่ผ่านมามากกว่า 7,400 คน โดยงบประมาณที่ใช้ไปมากกว่า 209 ล้าน  ปัจจุบันท่านป่วยด้วยโรคเบาหวาน และประสบอุบัติเหตุล้มศรีษะกระแทกพื้น ทำให้สายตาพร่ามัว มองอะไรไม่ชัด เดินไม่สะดวก อยู่เพียงลำพัง ยังพอช่วยตัวเองได้ ในยามกลางคืนก็ไม่มีโยมอุปัฏฐาก มีแค่ลูกศิษย์ที่ไปขอมาเลี้ยง อยู่ชั้น ป. 4 และป.6 ค่อยอุปัฏฐากดูแล จะมีสาธารณสุขแวะเวียนมาถามไถ่อาการบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น

    โดยในการครั้งนี้ พระครูอมรชัยคุณ  ได้ถวายปัจจัยเพื่อให้เป็นสวัสดิการดูแลกันในยามเจ็บป่วย ชราภาพ ติดเตียง จากกองบุญสวัสดิการสังฆะเพื่อสังคม ที่เป็นกองบุญของพระสงฆ์นักพัฒนาที่มีการระดมทุนร่วมกันทั้ง 9 ภาค และปัจจัยสมทบรายปีจากสมาชิก นำถวายทั้ง 2 รูปโดยถวายรูปละ 3,000 บาท ในทุกเดือนหลังจากนี้ เป็นเวลาตลอดไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และได้สะท้อนถึงปรากฏการที่ได้พบเห็นถึงระบบ การดูแลพระสงฆ์ที่มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา และสังคมมากมายขนาดนี้ เวลาแก่เฒ่า ป่วย ติดเตียง ระบบที่มีอยู่ก็ยังไม่เอื้อต่อการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ในระยะยาว   

    นี่เป็นเพียงข้อมูลสะท้อนชีวิตพระสงฆ์ 2 รูป ที่จริงมีอีกมากมายทั้งในอดีตที่ผ่านมา และที่เป็นอยู่ปัจจุบัน  ที่อุทิศตนบวชในพระพุทธศาสนามาตลอดชีวิตท้ายสุดยามชราภาพเจ็บองค์กรสงฆ์ขาดการจัดระบบ สวัสดิการ ดูแลพระสงฆ์ระยะปลาย และป่วยระยะท้ายของพระสงฆ์อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ทั้งที่พระสงฆ์/พระพุทธศาสนาสอนให้คนทั้งโลก ให้มีความเมตตา กรุณา ต่อกัน และวางระบบดูแลกันได้ แต่ในองค์กรสงฆ์เองขาดการเอาใจใส่การดูแลกันยามชราภาพ เจ็บป่วย และการจัดวางระบบดูแลอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับบริบทพระสงฆ์ ทั้งที่พระธรรมวินัยวางไว้ชัดเจนว่า “พระสงฆ์ต้องไม่ทิ้งกันยามเจ็บป่วย จนกว่าจะตายจากกัน” ถึงแม้ว่า ขณะนี้ได้มีนโยบาย สร้างกุฏิชีวาภิบาล สำหรับดูพระภิกษุอาพาธ แต่รูปธรรมยังไม่ชัดเจน

    เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาสังฆะเพื่อสังคม และเครือข่ายเจ้าคณะจังหวัด ได้ขยายแนวคิด และผลักดัน “การจัดตั้งกองบุญพระภิกษุอาพาธระดับจังหวัด” เพื่อเป็นสวัสดิการดูแลพระยาม  เจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ ป่วยติดเตียง และมรณภาพ โดยมีพระเดชพระคุณพระราชธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี เป็นประธาน ขณะนี้ได้สร้างกระบวนการเรียนรู้ และเห็นประโยชย์ร่วมสามารถจัดตั้งได้แล้วจำนวน  10   จังหวัด  ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ระยอง ลพบุรี  ศรีสะเกษ  เพชรบูรณ์  ตราด  ชลบุรี  สุโขทัย  กำแพงเพชร  สตูล   จังหวัดเหล่านี้จ่ายสวัสดิการต่อปีมากกว่า 2 ล้านบาท

    จังหวัดที่มีความตั้งใจจะจัดตั้งอยู่ระหว่างกระบวนการเรียนรู้ประกอบด้วย  1) จังหวัดสระแก้ว  2) จังหวัดน่าน 3) จังหวัดชัยภูมิ  4) จังหวัดกาฬสินธุ์  5) จังหวัดชุมพร 6) จังหวัดพัทลุง  7) จังหวัดสุรินทร์  8) จังหวัดสงขลา  9) จังหวัดพิษณุโลก 10) จังหวัดอุตรดิตถ์ 11) จังหวัดตรัง  และ12) จังหวัดกระบี่

    ทางเลือกใหม่ของคณะสงฆ์ไทยที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน “การจัดตั้งกองทุน/กองบุญดูแลสุขภาพพระสงฆ์” ด้วยระบบจัดการรูปแบบใหม่สอดคล้องยุคสมัย มีส่วนร่วมของพระสงฆ์ภายในจังหวัดทุกรูป

  • สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ย้ำ “การดูแลพระภิกษุอาพาธ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพระสงฆ์ พระสังฆาธิการ ต้องดูแลพระภิกษุผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ทอดทิ้ง ยามอาพาธเจ็บป่วยจนกว่าจะหายดี ”

    สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ย้ำ “การดูแลพระภิกษุอาพาธ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพระสงฆ์ พระสังฆาธิการ ต้องดูแลพระภิกษุผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ทอดทิ้ง ยามอาพาธเจ็บป่วยจนกว่าจะหายดี ”

    สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามย้ำ “การดูแลพระภิกษุอาพาธ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพระสงฆ์ พระสังฆาธิการ ต้องดูแลพระภิกษุผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ทอดทิ้ง ยามเจ็บป่วยไม่สบายจนกว่าจะหายดี หรือจนกว่าจะหายป่วย”

    ในการเป็นประธานกล่าวให้ข้อคิดเห็น และให้นโยบายเปิดเวทีการประชุมขับเคลื่อนเครือข่ายกองบุญพระภิกษุอาพาธระดับประเทศ ผ่านระบบ video conference zoom

    วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม  2565  ช่วงเช้ามีการประชุมใหญ่ประจำปีกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์จังหวัดจันทบุรี มอบทุนผู้สูงอายุ-ทุนการศึกษา-ผู้พิการ-ผู้ด้อยโอกาส จำนวน 1,100 ทุน และ ช่วงบ่าย มีการประชุมขับเคลื่อนเครือข่ายกองบุญพระภิกษุอาพาธระดับประเทศ ภายใต้กรอบ “ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ 2560 และข้อตกลงความร่วมมือบทบาทการเกื้อหนุนวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน และจังหวัดบูรณาการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข  โดยช่วงบ่ายมีพระสงฆ์จังหวัดต้นแบบที่จัดตั้งกองบุญพระภิกษุอาพาธแล้ว และอำเภอเครือข่ายกองบุญพระภิกษุอาพาธ

    โดยมีพระเทพสิทธิเวที เจ้าคณะจังหวัดระยอง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  มีผู้ร่วมประชุมเจ้าคณะจังหวัด  พระศรีพัชโรดม เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์  พระครูศรีมงคลปริยัติกิจ เจ้าคณะจังหวัดสะเกษ พระราชธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี พระเทพวราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี มอบพระพิพัฒน์วชิโรภาส เจ้าอาวาสวัดป่าดงใหญ่วังอ้อ เจ้าคณะตำบลหัวดอน ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทยแทน พระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี   พระโสภณพัฒนคุณ เจ้าคณะอำเภอหนองม่วงแทน ผู้แทนพระราชสารโสภณ รองเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี   ผู้แทนพระบุรเขตธรรมคณี เจ้าคณะจังหวัดตราด  พระครูโพธิวีรคุณ เจ้าคณะอำเภอปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด พระครูสุมณฑ์ธรรมธาดา จังหวัดสุโขทัย  เป็นต้น   ประธานฝ่ายฆราวาส นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายธวัชชัย นามสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ปฏิบัติราชการแทน  

    พระราชธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี ประธานกองบุญพระภิกษุอาพาธฺจังหวัดจันทบุรี กล่าวรายความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการจัดเวทีประชุมขับเคลื่อนเครือข่ายกองบุญพระภิกษุอาพาธระดับประเทศ โดยสรุปใจความสำคัญว่า

                คณะสงฆ์จังหวัดจังหวัดจันทบุรีทั้ง 10 อำเภอได้เรียนรู้เรื่อง “กองบุญ” จากบทเรียนของพระสงฆ์นักพัฒนาทั่วประเทศโดยพระครูสุวรรณโพธิวรธรรม วัดโพธิ์ทอง นำมาขยายผลได้จัดตั้ง “กองบุญสุขภาวะพระสังฆาธิการจังหวัดจันทบุรี”และได้นำความรู้นี้เข้าไปถวายแลกเปลี่ยนกับพระสงฆ์เจ้าคณะสงฆ์จังหวัดใกล้เคียง และจังหวัดที่เป็นเครือข่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศ  7 จังหวัดที่จัดตั้งกองบุญฯเสร็จ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดเพชรบูรณ์ มีจำนวนสมาชิกแต่ละจังหวัด  รวมแล้วประมาน 10,000 รูป ได้รับสวัสดิการยามเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ และมรณภาพแล้วมากกว่าสี่พันรูป ต่างมีประโยชนน์ร่วมกันว่า “กองบุญนี้” เป็นการวางรากฐานการดูสุขภาพพระสงฆ์ไทยที่สำคัญในอนาคตตามหลักธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ ปี 2560 ข้อที่ 33 ว่าด้วยการจัดตั้งทุนระดับชาติ และระดับพื้นที่เป็นไปเพื่อความสังเคราะห์ เกื้อกูลกันในหมู่พระสงฆ์ตามหลักการทำงานสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์ คือ 1.อัตถายะ เป็นประโยชน์ 2.หิตายะ เกื้อกูลกัน และ 3.สุขายะ มีความสุขสันติสุข และตามคติธรรมที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสงฆราช สกลมหาสฆปริณายก ได้ประทานในการประชุมสัมมนาขับเคลื่อนงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ตามแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาจากนโยบายสู่การปฏิบัติระดับจังหวัด ความตอนหนึ่งว่า “บุคคลพึงบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อเกื้อกูลกันและกัน ด้วยการละคลายความเป็นตัวตนให้มากที่สุด” ให้สมดังพระพุทธศาสนที่ว่า “ภูตํ เสสํ ทยิตพฺพํ แปลความว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ควรเกื้อกูลกัน”

    พระราชธรรมเมธี กล่าวรายงานต่อว่า การจัดเวทีวันนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็น จากเจ้าคณะจังหวัดทั้ง 12 จังหวัด เจ้าคณะอำเภอเครือข่าย พระสงฆ์ ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วสรุปผลเป็นแนวทางการขยายผลผลักดัน ให้เกิดการจัดตั้งกองบุญพระภิกษุอาพาธระดับจังหวัด ขยายในเชิงปริมาณถึงระดับประเทศต่อไป

    สมเด็จพระมหาธีราจารย์  ได้ให้ข้อคิดเห็นชื่นชม และนโยบายโดยสรุปว่า เป็นที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง ที่คณะสงฆ์ได้ใช้หลักธรรมนำทางโลก ใช้หลักการสาธารณสงเคราะห์ ชุมชน สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสงเคราะห์กันเองในหมู่สงฆ์ ด้วยคาดหวังจะวางรากฐานการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ โดยการจัดตั้งกองบุญพระภิกษุอาพาธระดับจังหวัด ใช้การจัดการรูปแบบใหม่ผ่านระบบไอทที่สอดคล้องโลกปัจจุบัน และสอดคล้องกับหลักพระพุทธศาสนา  ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว การดูแดพระสงฆ์อาพาธ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของสงฆ์ พระสังฆาธิการ ต้องดูแลพระภิกษุผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ไม่ทอดทิ้ง ยามเจ็บป่วยไม่สบายจนกว่าจะหายดี หรือจนกว่าจะจากกันไป  ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ตอนหนึ่งว่า :

    “..ดูกรภิกษุทั้งหลาย! พวกเธอไม่มีมารดาบิดา ผู้ใดเล่าจะพึงพยาบาลพวกเธอ ถ้าพวกเธอจักไม่พยาบาลกันเอง ใครเล่าจักพยาบาล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเรา ผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุอาพาธเถิด ฯลฯ  

    ถ้าไม่มีอุปัชฌายะ อาจารย์ สัทธิวิการิก อันเตวาสิก ภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ  หรือภิกษุผู้ร่วมอาจารย์ เป็นหน้าที่ของสงฆ์ที่ต้องพยาบาลจนตลอดชีวิต หรือจนกว่าจะหาย”

    การขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ ปี  2560 การดำเนินงานได้มีความก้าวหน้าในประเด็นที่สำคัญ อาทิ

    1. พระสงฆ์เข้าถึงสิทธิในการรับบริการสุขภาพ 181,757 รูป
    2. พระสงฆ์ได้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพในวัดทุกรูป จำนวน 10,491 วัด
    3. มีการจับคู่ 1 วัด 1 สถานพยาบาลจำนวน 9,622 วัด /สถานพยาบาล
    4. มีการอบรมพระคิลานุปัฏฐากแล้ว 9,588 รูป

    การประชุม ขอให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้ ในการรับฟังความคิดเห็นจากเจ้าคณะจังหวัด  เจ้าคณะอำเภอเครือข่าย พระสงฆ์ รวมทั้งผู้แทนกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการจัดตั้งกองบุญพระภิกษุอาพาธระดับจังหวัดนั้น ขอให้คิดถึง การต่อยอดประเด็นที่มีความก้าวหน้าตามที่กล่าวแล้ว ในลักษณะความเชื่อมโยง การสนับสนุนกันอย่างไร  แล้วหาต้นแบบที่เป็นรูปธรรมเพื่อการขยายผลให้เกิดคุณูปการต่อการดูแลสุขภาพพระสงฆ์กันเองเบื้องต้น แบบครบวงจร ที่สอดคล้องกับหลักการพระพุทธศาสนาต่อไป  

    เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะอำเภอเครือข่ายกองบุญพระภิกษุอาพาธมีมติร่วมกันจะร่วมผลักดัน ขยายบทเรียนการจัดตั้งกองบุญพระภิกษุอาพาธ เพื่อวางรากฐานการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ไทย ดังนี้

    1. ยึดหลักการ “การดูแลภิกษุอาพาธ เป็นหน้าที่โดยธรรม โดยวินัยของคณะสงฆ์ทุกระดับ ไม่ทอดทิ้ง เกื้อกูล ยามเจ็บป่วยไม่สบายจนกว่าจะหายดี หรือจนกว่าจะตายจากกันไป”
    2. จะขยายผลต่อเริ่มต้นจากบทเรียน ความรู้ ประสบการณ์ จากจังหวัดที่จัดตั้งได้แล้ว จากแต่ละภาค จังหวัด ขยายสู่จังหวัดใกล้เคียงที่สนใจ เป็นพี่เลี้ยง การสื่อสาร สร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันด้วย
    3. พัฒนาทีมวิทยากร การจัดการการเงิน และระบบการจัดการ
    4. วางโครงสร้างเครือข่ายภาคีกองบุญพระภิกษุอาพาธ โดยมี พระราชธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี เป็นประธาน     

    ชัยณรงค์ คำแดง รายงาน