Tag: ภาคใต้

  • ชุมชนบ้านไทรทอง เตรียมเปิดพื้นที่เด็ก-เยาวชนศึกษานกเงือก

    ชุมชนบ้านไทรทอง เตรียมเปิดพื้นที่เด็ก-เยาวชนศึกษานกเงือก

               เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 ทางชุมชนศูนย์เรียนรู้งดเหล้าลดปัจจัยเสี่ยงบ้านไทรทอง ร่วมกับอุทยานแห่งชาติศรีพังงา สมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบลบางวัน และกลุ่มเยาวชนเขาเงือกทอง  ได้จัดกิจกรรมพัฒนาสิ่งแวดล้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนไทรทอง  ณ ศูนย์ท่องเที่ยวชุมชนไทรทอง (ฝายไทรทอง) ตำบลบางวัน อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 

    โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มเด็กเยาวชนที่สนใจธรรมชาติ ได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ “นกเงือก” หรือ “Hornbills” เป็นนกขนาดใหญ่ มีปากและโหนกที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งในชุมชนบ้านไทรทองมีนกเงือกอาศัยอยู่ถึง 7 ชนิด จากทั้งหมด 13 ชนิด ในประเทศไทย นกเงือกจึงเป็นตัวบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของป่าในชุมชนได้เป็นอย่างดี และให้กลุ่มเด็กเยาวชนทำกิจกรรมวาดภาพนกเงือกที่ตัวเองได้สำรวจในพื้นที่ นอกจากนี้ทางชุมชนได้พัฒนาปรับปรุงศูนย์ท่องเที่ยวชุมชนไทรทอง(ฝายไทรทอง) ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 40 คน

    ในประเทศไทยเรามีนกเงือกให้จดจำกันถึง 13 ชนิด ดังนี้
    1. นกกก หรือนกกาฮัง (Great Hornbill)
    2. นกเงือกหัวแรด (Rhinoceros Hornbill)
    3. นกชนหิน (Helmeted Hornbill)
    4. นกแก๊ก (Oriental pied Hornbill)
    5. นกเงือกกรามช้าง (Wreathed Hornbill)
    6. นกเงือกกรามช้างปากเรียบ (Plain-pouched Hornbill)
    7. นกเงือกคอแดง (Rufous-necked Hornbill)
    8. นกเงือกดำ (Black Hornbill)
    9. นกเงือกปากดำ (Bushy-crested Hornbill)
    10. นกเงือกปากย่น (Wrinkled Hornbill)
    11. นกเงือกสีน้ำตาล (Tickell’s brown hornbill)
    12. นกเงือกสีน้ำตาลคอขาว (White-throated Brown Hornbill)
    13. นกเงือกหัวหงอก (White-crowned Hornbill)

    นางหทัยรัตน์ คงจันทร์ หรือ ผู้ใหญ่แขก แกนนำชุมชนศูนย์เรียนรู้งดเหล้าลดปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า ชุมชนมีกระบวนการรณรงค์ลดเลิกเหล้ามาอย่างต่อเนื่อง จนมีการตั้งกลุ่มเยาวชนเรียนรู้และอนุรักนกเงือกซึ่งมีชุกชมในชุมชนเพราะ มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ จึงใช้กิจกรรมกรรมครั้งนี้เพื่อสร้างกระบวนการให้เยาวชนได้เรียนรู้ และ อนุรักษ์นกเงือก ในขณะที่ พัฒนาพื้นที่หน้าฝ่ายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวปลอดภัยปลอดเหล้าและเป็นแหล่งเรียนรู้ในอนาคต

     ขอบคุณภาพนกเงือกทั้ง 13 ชนิด จาก https://www.facebook.com/environman.th/photos/a.1745027465625693/5599660750162326/
  • ภาคใต้ตอนบน เปิดเวทีสร้างความเข้าใจ ในการขับเคลื่อนงาน บวชสร้างสุข พื้นที่ต้นแบบนำร่อง พร้อมมอตาลปัตร สัญลักษณ์ของโครงการฯ

    ภาคใต้ตอนบน เปิดเวทีสร้างความเข้าใจ ในการขับเคลื่อนงาน บวชสร้างสุข พื้นที่ต้นแบบนำร่อง พร้อมมอตาลปัตร สัญลักษณ์ของโครงการฯ

    “ บวชสร้างสุข บวชประหยัด ได้ประโยชน์ ได้โปรดสัตว์ ปฏิบัติตามแนวทางพระศาสนา สัตว์ไม่ตาย คนไม่เมา เคล้ากามา ลดตัณหา นำพาสุข พุทธวิธี ”

    พระมหาบวร ปวรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ จ.นครศรีธรรมราช ผู้รับผิดชอบโครงการฯ ภาคใต้ตอนบน

    เมื่อวันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 09.00 น. คณะทำงานโครงการขยายผลการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุข ภาคใต้ตอนบน นำโดย พระมหาบวร ปวรธมฺโม ผู้รับผิดชอบ/ผู้ประสานงานโครงการฯ ได้เปิดเวทีประชุม ทำความเข้าใจ ในโครงการฯ พร้อมวางกรอบแนวทางการขับเคลื่อนงานโครงการ กับ พื้นที่เป้าหมาย ภาคใต้ตอนบน 7 จังหวัด (จังหวัดนครศรีธรรมราช , จังหวัดสุราษฎร์ธานี , จังหวัดกระบี่ , จังหวัดพังงา , จังหวัดระนอง, จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชุมพร ) ณ วัดวัดศรีพนมพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี โดยได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มูลนิธิสังฆะเพื่อสังคม และสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)

    ภายในเวที ได้มีการนำเสนอหลักการของโครงการ ถึงการจัดงานบวชในพื้นที่ของภาคใต้ตอนบน ที่มีค่านิยมและวัฒนธรรมในการจัดงานบวชที่ถือคติที่ว่า “ต้องจัดยิ่งใหญ่เพื่อแสดงบารมี” โดยการจัดงานบวชที่มีค่านิยมในลักษณะนี้ของภาคใต้ตอนบนแสดงให้เห็นซึ่งฐานะทางสังคมของเจ้าภาพ ซึ่งมีมหรสพ แตรวงรถแห่ โดยค่านิยมดังกล่าวนี้ได้ทำตาม ๆ กันมาเป็นเวลานานจนเกิดเป็นวัฒนธรรมในการจัดงานบวชของคนภาคใต้ตอนบน ซึ่งการจัดงานบวชแต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่ายในการจัดงาน 1 ครั้ง เฉลี่ยหลักแสนบาทและมากสุดที่สำหรับเจ้าภาพที่มีฐานะทางสังคมที่ดีจะใช้งบประมาณในการจัดงานโดยประมาณหนึ่งล้านบาท แต่เจ้าภาพที่มีทุนในการจัดงานน้อยแต่หลีกกระแสสังคมไม่ไหว ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาจัดงานบวช ส่วนมากในการจัดงานบวชแต่ละครั้งที่มีการใช้งบประมาณที่สูงเพราะว่า เป็นค่าอาหาร ค่าโต๊ะจีน ค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ค่าดนตรีมหรสพ ค่ารถแห่ ซึ่งเมื่องานบวชมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องก็พบปัญหาความรุนแรงตามมาจึงเป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จึงต้องมีการขับเคลื่อนโครงการ บวชสร้างสุข เพื่อแก้ไขปัญหา และสร้างอำนาจในการคานงัดกับค่านิยมที่กดทับสังคมอยู่

    ในที่ประชุม ได้ร่วมกันวางกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนงานไว้ 3 แนวทางเบื้องต้น คือ

    1. สนับสนุนพื้นที่เป้าหมาย ทั้ง 7 จังหวัด ในการเปิดเวทีสร้างความเข้าใจและผลักดันให้เกิดเป็นนโยบายสาธารณะ กับวัด เจ้าอาวาส หรือพระอุปัชฌาย์ในพื้นที่

    2. ดำเนินการสร้างข้อตกลง (MOU) พื้นที่ต้นแบบในการจัดงานบวชสร้างสุข 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี

    3. สร้างเครื่องมือ ในการเก็บข้อมูลเชิงวิชาการ เพื่อทำการวิจัยศึกษาเปรียบเทียบ การจัดงานบวชสร้างสุข กับงานบวชทั่วไป

    พร้อมกันนั้น พระมหาบวร ปวรธมฺโม ได้มีการมอบ ตาลปัตร ที่มีสัญลักษณ์ของโครงการ เพื่อใช้ในการประกอบพิธีในการจัดงานบวชสร้างสุขในพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงฆ์เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการอีกช่องทางหนึ่ง