ภาคีด้านการพัฒนาสังคมสุขภาวะ แห่เข้าร่วมงานมหกรรมบวชสร้างสุขอีสานบน บทบาทพระสงฆ์กับการสร้างสังคมสุขภาวะ ณ วัดโพธิการาม อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด เยี่ยมชมนิทรรศการการขับเคลื่อนงานของพระสงฆ์ พร้อมแลกเปลี่ยนเพื่อหนุนเสริม การเป็นกลไกสำคัญในการสร้างสังคมสุขภาวะ
28 – 30 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา วัดโพธิการาม อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสานบน โดยมูลนิธิ สังฆะเพื่อสังคม ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน “มหกรรมบวชสร้างสุขอีสานบน บทบาทพระสงฆ์กับการสร้างสังคมสุขภาวะ” ภายในงานได้มีเวที เสวนา บทบาทพระสงฆ์อีสานบนกับการสร้างสังคมสุขภาวะภายใต้การขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ รวมถึงมีเวทีย่อย ๆ ในประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการสร้างสังคมสุขภาวะ ให้ภาคีผู้ที่สนใจเข้าร่วมเสวนาในประเด็นที่สนใจ หรือสามารถบูรณาการงานร่วมกันได้ อีกทั้ง ยังได้มีการจัดนิทรรศการ การขับเคลื่อนงานบวชสร้างสุข การขับเคลื่อนงานการพัฒนาสุขภาวะ ของพระสงฆ์ และหน่วยงานในเครือข่าย ร่วมเยี่ยมชมแลกเปลี่ยนด้วย
พระครูโพธิวีรคุณ เจ้าคณะอำเภอปทุมรัตต์ วัดโพธิการาม จ.ร้อยเอ็ด เจ้าภาพในการจัดงานครั้งนี้ กล่าวว่า ตามที่มูลนิธิ สังฆะเพื่อสังคม เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสานบนร่วมกับสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าได้สนองงานคณะสงฆ์โดยดำเนินโครงการขยายผลเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะบวชสร้างสุขภาคอีสานตอนบน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยได้ดำเนินการ กิจกรรมถอดบทเรียนการจัดงานบวชสร้างสุขจากวัดต้นแบบในเครือข่ายภาคอีสานตอนบน โครงการนำร่องในจังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด จำนวน 10 วัด และจัดทำบันทึกข้อตกลง MOU การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะการพัฒนาสุขภาวะเพื่อสังคมอีสานบน จึงได้กำหนดจัดเวทีมหกรรมงานบวชสร้างสุขอีสานบน บทบาทพระสงฆ์ กับการสร้างสังคมสุขภาวะ
พระราชพรหมจริยคุณ เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวให้กำลังใจและอนุโมทนากับการจัดงานครั้งนี้ว่า
การจัดโครงการบวชสร้างสุข การสร้างสังคมสุขภาวะ ทุกท่านได้ได้ทำถูกแล้ว ทำอย่างนี้ต่อไป เพื่อพุทธศาสนา เพื่อสังคม ความสุขนั้นพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า มี 2 อย่าง คือสุขทางกาย กับสุขทางใจ มันต้องมีด้วยกัน ถ้าเรามีทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ไม่มีความสุขทางใจก็ไปไม่รอด ก็จะสุขแค่ชั่วคราว ทุกอย่างล้วนมีความแปรผัน จะทำการสิ่งใดขอให้ดำเนินไปด้วยสติ อย่าประมาท สิ่งผิดพลาดคือบทเรียน ความพากเพียร คือ ลาภผล สิ่งเปลื้องทุกข์คือศีลทาน สิ่งดลบันดาลคือเงินตรา ยอดปรารถนา คือความสุข ขอให้พวกเราทำต่อ ทำอย่างนี้
พระเทพวัชรวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำพู ได้กล่าวในบางชวนบางตอน ของเวทีเสวนาว่า เราจะทำยังไงให้วัดนั้นเป็นจุดศูนย์รวมเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ให้วัดเป็นแหล่งสรรพวิชา วัดเป็นแหล่งที่จะทำให้เกิดความสุข วัดวาอารามในอดีตกับวัดวาอารามในปัจจุบันค่อนข้างที่จะแตกต่างกันตามยุคตามสมัยแต่ทำยังไงจะให้วัดในปัจจุบันนี้เป็นศูนย์รวมเพื่อให้เกิดความผาสุกอย่างยั่งยืน ได้เหมือนในอดีต ความสุขหรือสังคมสุขภาวะ คำว่าสุขนั้น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ สุขกาย กับสุขใจ ถ้าคนมีความสุขกาย ความสุขใจมันก็จะตามมา ถ้าตราบใดความสุขกายยังไม่เกิดขึ้นความสุขใจที่จะมีความอย่างยั่งยืนถาวรนั้นเป็นเรื่องยาก ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นนั้นต้องอาศัยหลาย ๆ ภาคส่วน มาร่วมไม้ร่วมมือกันทำ เอื้อเฟื้อ เอื้ออาทรกันระหว่างวัดกับชุมชน ก็จะเข้าในกรอบแนวคิดของ บวร (บ้านวัดราชการ)
ตลอดระยะเวลาวันที่ 28 – 30 มิถุนายน ภาคีด้านสุขภาวะต่าง ๆ ชุมชน หน่วยงานราชการ ต่างเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ให้ความสนใจ และอนุโมทนาในการทำงานของคณะสงฆ์ พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สู่การบรูณาการงานร่วมกับ ต่อไป
Refer
ขอบคุณภาพข่าวจาก อดิศร อานนฺโท ราชจันทร์ และ Watsakate Thaitelecentre